แนะนำตัว
ท่วงท่าสง่างามดุจนางหงส์ร่ายรำบนฟากฟ้า แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพแกร่งกล้าไปต่างจากพญามังกรจิวซิน (โชคชะตาและความรัก) เงื้อฝ่ามือ ปะทะฝ่ามือของชงไฉ่ (สีสันของความฉลาด) เต็มแรง อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้านไม่กลับพลิกตัวกอดรัด ไว้ในอ้อมแขนจิวซิน ดิ้รนพลิกตัวหลุกหลิกการต่อสู้ด้วยมือเล่าที่ผลัดกันรับกันรุกยุติลง หากแต่จิวซินกลับชักกระบี่คมกริบ ออกจากฝักรวดเร็วปานสายฟ้า ตวัดเพียงหนึ่งก็จ่อที่คอหอยของชงไฉ่อย่างไร้ปราณี ใบหน้าสวยในอาภรณ์ของบุรุษ ไม่อาจเพลี่ยงพล้ำแก่ผู้ใด จิ่นฉิน (พิณอันแน่วแน่) องครักษ์หนุ่มยกมือขึ้นกอดอก เมื่อเห็นจิวซินนายหญิงในอาภรณ์ชาย เหนือกว่าในการต่อสู้กับองค์ชาย 12องค์รัชทายาทของ ไห่ตงหยวน
“ใจคอเจ้ามิไยจะ เสียบคมกระบี่ลงบน ลำคอข้าจริงหรือ”
“ท่านก็รู้แม้ข้าจะอยากส่งมันเข้าสู่เนื้อหนังของท่านเพียงใดก็ไม่อาจถึงจะอยากเพียงใดก็เถอะ เนื่องด้วยท่านเป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์” ชงไฉ่ยิ้มอย่างชัย
“เจ้ามีใจปฏิพัทธ์ ต่อไห่ตงหยวนเช่นนั้นเลยหรือเจ้าเฉลยน้อย” เสียงปรบมือดังลั่นมาแต่ไกลพร้อมเสียงหัวเราะลั่น จิวซินดึงกระบี่กลับประสานมือถวายความเคารพฮ่องเต้
“เจ้าสิบสอง เจ้านี่ช่างอ่อนหัดนักคงต้องหมั่นฝึกปรือฝีมือจะได้ทัดเทียมองค์ใหญ่จิ่นเกอจาก เหอตงหยวน” ชงไฉ่ชักระบี่รวดเร็วปานสายฟ้าเมื่อลำคอเป็นอิสระตวัดเกี่ยว ชายผ้าสีดำที่ปิดบังใบหน้าของจิวซินขาดเป็นสองส่วน ปลายกระบี่บางเบาแต่คมดั่งมีดโกนเฉียดแก้มเนียนเผยให้เห็น หยดเลือดสีแดง ดวงตาคมเบิกโพลงเมื่อพบกับใบหน้าสวยหวานราวกับอิสตรี แต่ทว่าสายตาคมเยี่ยงบุรุษ จิ่นฉินกำกระบี่แน่นแต่ไม่กล้ากระทำการใด
กระบี่ในมือของชงไฉ่ชะงักทันที
“เจ้าสิบสอง คงจะเสียหน้ามิใช่น้อยที่เพลี่ยงพล้ำแต่สมควรที่จะให้เกียรติองค์ชายใหญ่บ้างแม้ เขาจะต้องมาเป็นน้องเขยเจ้าก็ตาม” องค์ชายสิบสองลดกระบี่ลงข้างลำตัวใบหน้ามีแววฉงน ประสานมือตรงหน้า
“ลูกชงไฉ่ถวายพระพรเสด็จพ่อ มิมีเสียหน้าการต่อสู้ย่อมมีเพลี่ยงพล้ำมิใช่ฝีมือหากแต่เป็นกระบวนท่าที่เลือกใช้เพราะประเมิน องค์ชายใหญ่ต่ำไปเพียงแต่ลูกใช้กระบวนท่าที่ด้อยกว่าเขาไปหน่อยยังมีโอกาสอีกมากในเมื่ออย่างไรเสียเขาต้องมาอาศัย ตงไห่หยวนของเรา อีกนาน” เสียงหัวเราะดังก้องด้วยความชอบใจ คำพูดของลูกชายที่หมายมั่นให้สืบทอดบัลลังก์
“องค์ชายใหญ่อย่าได้ถือสา การเดินทางราบรื่นดีใช่หรือไม่” หันมาทางจิวซินที่สารวนอยู่กับการเช็ดรอยเลือดบนแก้มเนียน
“มิมี เรื่องขัดข้องอันใดฝ่าบาท “
“ดี อย่างนั้นเจ้าไปพักเสียเถิดเด็กๆ เชิญองค์ชายใหญ่ยังตำหนัก บูรพาที่จัดเตรียมไว้” ไม่รอช้าจิวซินออกเดิน จากไปทันที หางตามิวายชายไปสบเข้ากับแววเยาะหยันขององค์ชายสิบสองจิวซินกำมือจิกเข้าไปในอุ้งมือจนรู้สึกเจ็บ
“เห็นไหมเล่า อย่างนี้นี่เองพี่ใหญ่ถึงยอมขัดบัญชาไม่ยอมมาเป็นราชบุตรเขยของไห่ตงหยวน ใช่ไหม จิ่นฉิน” ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับองครักษ์หนุ่ม จิ่นฉินยังคงเงียบงัน
“ใช่หรือไม่จิ่นฉิน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดจิ่นฉินยิ้ม
“เป็นเช่นนั้นนายท่าน” ตอบอย่างจะเอาใจเสียมากกว่าจิวซินจับน้ำเสียงได้
“เจ้าไม่เข้าข้างข้า ข้าให้หมิงหลิน ตอบข้าดีกว่าหันไปทางสาวใช้ที่เดินอยู่เบื้องหลัง
“ค่ะคุณหนูคุณหนูว่าอย่างไรหมิงหลินก็มิอาจคิดเป็นอื่น” จิ่งซินยิ้มอย่างมีชัย
“เจ้านี่ช่างจริงๆ หมิงหลินไม่เหมือนจิ่นฉินที่เมินเฉยต่อข้า” น้ำเสียงตัดพ้อจิ่นฉินยังยิ้ม
“องค์หญิงพบพวกเขาเพียงครู่ก็ตัดสินพวกเขาเสียแล้ว มิโหดร้ายไปหน่อยหรือ”
“ฮึข้าไม่สน อีกอย่างบอกแล้วอย่างไรล่ะว่าห้ามเรียกข้าว่าองค์หญิง” หมิงหลินหัวเราะคิกคักจิ่นฉินทำหน้าเหลอหลา
“เข้าใจแล้ว...องค์ชาย” น้ำเสียงค่อนข้างขัดหูด้วยความกระดากปาก จิวชินยิ้มอย่างสมใจ