“เสด็จพ่อ ทรงวางใจ ในว่าที่ราชบุตรเขยถึงเพียงนั้น ทำให้ข้า ซึ่งเป็นลูกแท้แท้คลางแคลงใจ” ชงไฉ่ปรับทุกข์กับ ขันทีคนสนิท
“องค์รัชทายาทอย่าทรงเป็นกังวล ข้าน้อยชิงซา รับอาสากำจัดเสี้ยนหนามให้เอง” ชงไฉ่นึกทบทวนสิ่งที่ต้องการในใจว่าต้องการอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่อย่างไรเสียเสี้ยนหนามก็มิอาจกลายเป็นฟูกนอน
“ดี ต้องรบกวนเจ้าแล้วไว้มาคอยรายงานความคืบหน้าให้ข้าได้รับรู้” ขันทีคู่ใจยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์เรื่องแผนการขอให้ไว้ใจเขาเถิดรับรองว่าไม่ว่าใครฉลาดเพียงใดก็คาดไม่ถึง
ภายในตำหนักใหญ่บูรพาที่โอ่โถงนั้น จิวซิน เปลื้องผ้า เนื้อตัวซ้ำเขียว หลายจุดด้วยผลจากการต่อสู้ หมิงหลิน บรรจงนวดยาอย่างเบามือ
“องค์หญิงทรงซ้ำไปทั้งตัวเจ็บมากไหม เพคะ” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ไม่ข้าชินแล้ว มันนานมากแล้วตั้งแต่จำความได้ ความเจ็บปวด มันหายไปเสียหมดตั้งแต่ท่านแม่ของข้าตายไป ข้าต้องอยู่อย่างเข้มแข็งใช่ไหม หมิงหลิน” หมิงหลินแสนจะสงสารนายหญิง
“ยาดี ของไห่ตงหยวน ไม่ช้าไม่นานองค์หญิงก็จะหายเจ็บปวด” จิวซินยิ้มทั้งทีในใจเจ็บซ้ำเหลือเกินแต่เมื่อนึกถึงฐานะของตัวเองขึ้นมาก็หยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น
“พอแล้ว”
ตวัดเสื้อคลุมกายเยี่ยงบุรุษ ด้วยการฝึกปรือให้ท่วงท่าไม่ต่างจากบุรุษ ผมยาวสลวยที่ถูกปล่อยให้ หล่นมาปิดบังใบหน้านั้นกลับส่งให้ใบหน้าดูสวยหวานไม่มีความเป็นชายซึ่งต่างจากอาภรณ์ที่สวมใส่และท่วงท่าเยี่ยงบุรุษนั้น
จิ่นฉิน เดินเข้ามาก้มหน้าลงใกล้ใกล้
“องค์ชาย องค์หญิง14เจียวซือพระคู่หมั้น ขอเข้าเฝ้าพระองค์” หมิงหลิน จัดแจงกับ ผมยาวสลวยไม่ให้ดูขัดตา
“เชิญนางเข้ามาได้” องค์หญิงสิบสี่ เจียวซือ เยื้องย่างเหมือนกับถูกฝึกมาอย่างดี หากแต่แววตากับมีแววซุกซนขี้เล่น
“ถวายพระพรองค์ชายใหญ่” แรกก้มหน้านิ่ง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตาแววตาเหมือนจะยิ้มได้กับไหวระริก ด้วยใบหน้าหวานตามแบบของจิวซิน ทำให้นางประทับใจ ถึงสิบส่วนเลยทีเดียว เพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นเอียงอายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสักวันต้องได้ร่วมหอกับองค์ชายใหญ่ผู้นี้ จิวซินเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ วางท่าให้สง่างามกว่าเดิม ทำเอาองค์หญิงสิบสี่ยิ่งเพ้อฝันตามแบบของหญิงสาว
“มีเหตุอันใดเจ้าถึงมาเยือนตำหนักบูรพา ในเมื่อไม่ช้าไม่นานข้ากับเจ้าก็จะ...” คราวนี้เจียวซือยิ่งเขินอายยิ่งกว่าเดิม
“คือ... เสด็จพ่อให้ข้ามาถามองค์ชายใหญ่ ว่ามีสิ่งใดต้องการเป้นพิเศษและมีสิ่งใดไม่เรียบร้อย” ก้มหน้าเขินอายแสร้งพูดไปเสียอีกทาง