บทที่ 11 เจรจา

1523 คำ
“พอจะมีเวลาคุยกันหน่อยไหม” เมื่ออยู่กันแค่สองคนแล้ว โจวเพ่ยชิงก็เปิดประเด็นทันที “เรื่องอะไรครับ คุณไม่กลัวคำนินทาที่คุยกับผมเหรอ” ตานเต๋อคงถามอย่างแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้แปลกมาก กล้าคุยกับเขาได้ยังไงกัน ทั้ง ๆ ที่เขามีบาดแผลบนใบหน้าขนาดนี้ “เรื่องคำนินทาฉันเจอมาเยอะแล้ว แค่นี้ไม่ทำให้ฉันสะเทือนหรอก เรามาคุยกันเรื่องสำคัญดีหรือเปล่า” เธอไม่ยี่หระกับเรื่องคำนินทา ตลอดชีวิตเธอเป็นหญิงร้ายกาจในสายตาทุกคนอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องนี้เธอทำเพื่อปากท้องของครอบครัว หากกลัวคำนินทา คงไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วล่ะ เวลานี้เธอยังมีเงินเดือนที่พี่ฮั่นตงพ่อของเด็ก ๆ ส่งมาให้ แต่เมื่อไหร่ที่เธอและเขาตัดสินใจจบคำว่าสามีภรรยา นั่นหมายถึงเธอจะต้องดิ้นรนทำทุกอย่าง เพื่อให้ชีวิตทุกคนและลูกทั้งสองคนดีขึ้น การค้าจึงเป็นสิ่งแรกที่เธอนึกถึง “ตามผมมา” ในเมื่อหญิงสาวคนนี้ไม่กลัวคำนินทา และเรื่องที่เธอต้องการสนทนาคงสำคัญไม่น้อย เขาจึงเดินนำไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเพื่อหลบสายตาผู้คน “คุณมีเรื่องอะไรก็ว่ามา ผมมีเวลาไม่มาก ต้องขายของ” “ช่างไร้สัมพันธ์นัก เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ฉันมีเงินให้ก้อนหนึ่ง คุณไปจัดการปัญหาของตนเองซะ และฉันต้องการให้เปิดร้านค้าในตลาดมืดโดยคุณออกหน้า ฉันไม่สะดวกทำเอง กำไรสามส่วนคุณเอาไป เจ็ดส่วนเป็นของฉัน ตกลงไหม” โจวเพ่ยชิงเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง ในเมื่อครั้งนั้นเขายอมเอาตัวเองไปทำงานอย่างนั้น แสดงว่าต้องมีเรื่องเดือดร้อน แต่เธอไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ส่วนเรื่องทำการค้าในตลาดมืด ไม่ใช่ว่าจะหยุดขายในส่วนของตัวเอง เธอยังคงไปค้าขายเหมือนเดิม เพียงแต่เธอคิดว่าทำแบบนี้สะดวกกับตนเองมากกว่า “เพราะอะไร ทำแบบนี้เพราะอะไรกัน คุณเป็นใครกันแน่” เวลานี้ตานเต๋อคงทั้งสับสนและตกใจ หญิงสาวตรงหน้า เป็นใครกันแน่ ถึงรู้ว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ใช่แล้ว เมื่อหลายเดือนก่อนแม่เขาป่วยหนัก จนเขาต้องไป กู้เงินบ่อนพนันมาเพื่อพาแม่ไปรักษา แต่สุดท้ายก็ยื้อชีวิตท่านไว้ไม่ได้ เวลานี้นอกจากจะหาเงินจ่ายดอกเบี้ยที่เกือบจะเท่ากับเงินต้น ที่ยืมมา ยังมีค่าเรียนที่ยังค้างของน้องชาย แต่ทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงรู้ และยื่นข้อเสนออย่างนี้ให้เขา “เพราะฉันเชื่อว่าคุณไว้ใจได้ และไม่เกี่ยวกันกับที่น้องชายคุณเป็นสหายกับเม่ยเม่ย ตกลงจะรับข้อเสนอไหม” เพียงคำตอบเดียวของโจวเพ่ยชิง ตานเต๋อคงตอบรับอย่างไม่ลังเล “ตกลง แต่ผมไม่ต้องการส่วนแบ่ง เพียงแค่คุณจ่ายเงินเดือนมาก็พอ ส่วนเรื่องเงินที่ผมนำไปใช้หนี้และจ่ายค่าเทอมให้อาโมว่ ผมขอยืมก่อน และยินดีให้หักจากเงินเดือนทุกเดือน แต่คุณจะขายอะไร” ตานเต๋อคงตอบตกลงและบอกเงื่อนไขของเขา แล้วยังถามกลับมาอีก หวังว่าของที่จะขาย คงจะไม่ใช่ของผิดกฏหมาย “ทุกอย่าง ยกเว้นสารเสพติดและผู้หญิง” โจวเพ่ยชิงตอบกลับไปสั้นๆ “ครับ นายหญิง” ไม่รู้อะไรดลใจให้ตานเต๋อคงเรียกหญิงสาวตรงหน้าอย่างนั้น แต่เขาเชื่อมั่นว่า หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอย่างที่เธอให้เห็นแน่นอน “นี่เงินห้าร้อยหยวน นายเอาไปจัดการปัญหาเสีย แล้วหากเป็นไปได้ ก็ไปลาออกจากคอมมูนและไปหาบ้านเช่าในเมืองไว้ อีกสองวัน เจอกันที่ตลาดมืด” “เดี๋ยวก่อน ให้ผมค้าขาย นายหญิงคิดว่าจะมีลูกค้ากล้าซื้อหรือไม่ ดูรอยแผลเป็นผมเสียก่อน” ตานเต๋อคงชี้ไปที่หน้าตัวเอง โจวเพ่ยชิงได้ยินก็หยุดฝีเท้าที่จะเดิน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาพร้อมกับเปิดผ้าที่บังใบหน้าส่วนล่างออก เผยให้เห็นแผลเป็นที่ใบหน้า ก่อนที่เธอจะปิดไว้เหมือนเดิมแล้วพูดกับตานเต๋อคงว่า “ฉันก็ไม่ต่างจากนาย อาจจะยิ่งกว่านายด้วยซ้ำ ไปสั่งทำหน้ากากครึ่งเสี้ยวซะ ส่วนเรื่องร้านค้าในตลาดมืด หาคนที่ไว้ใจได้ มาช่วยดูแล ฉันเชื่อว่านายมองคนออกและรู้จักผู้คนไม่น้อย เวลานี้ฉันไม่สามารถเปิดตัวเองได้” “เพราะอะไรครับ” ตานเต๋อคงถามอย่างสงสัย “เพราะสามีฉันเป็นทหาร เขาจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้!!” ใช่แล้ว เวลานี้เธอและหลี่ฮั่นตงยังคงมีทะเบียนสมรสอยู่ จึงเลือกที่จะให้ตานเต๋อคงออกหน้าในเรื่องการค้า โจวเพ่ยชิงเชื่อว่าเงินก้อนนี้ซื้อใจตานเต๋อคงได้เต็มสิบส่วน แต่ไม่ใช่เพราะเงินสามารถซื้อใจผู้ชายตรงหน้าได้เท่านั้น เธอใช้เงินก้อนนี้สร้างบุญคุณกับคนตรงหน้าก็เท่านั้นเอง “ครับนายหญิง ผมจะรีบจัดการทุกอย่าง และอีกสองวันจะไปรอนายหญิงที่ตลาดมืดครับ” ตานเต๋อคงตอบรับคำสั่ง “จริงสิ นี่เงินอีกหนึ่งร้อยหยวน หาเช่าโกดังขนาดกลางไว้ด้วย ฉันจะเอาสินค้าทั้งหมดไปเก็บไว้ที่นั่น อีกสองวันพบกัน ต่อไปเรียกฉันว่าเพ่ยเพ่ย” “ครับนายหญิงเพ่ยเพ่ย” ตานเต๋อคงก้มหัวรับอีกเช่นเคย พูดจบโจวเพ่ยชิงก็เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะเดินไปหาน้องสาวและลูกทั้งสอง “คุยเสร็จแล้วเหรอพี่” โจวเม่ยเม่ยรีบถามพี่สาวทันที “อืม คุยเสร็จแล้ว แล้วนี่ซื้ออะไรกันมาอาเฉิน ซานซานเต็มมือไปหมดเลย แล้วอาโมว่ซื้ออะไรบ้างไหม อยากได้อะไรหรือเปล่าพี่จะซื้อให้” หญิงสาวตอบ ก่อนจะเอ่ยถามทุกคนรวมถึงตานโมว่ด้วย “ไม่เป็นไรครับ เม่ยเม่ยแบ่งขนมให้กินแล้ว เอ่อพี่ใหญ่เรียกแล้วครับ ขอตัวก่อนครับ” ตานโมว่ตอบกลับ เมื่อเห็นพี่ชายกวักมือเรียกจึงรีบขอตัว แต่ก็แปลกใจเพราะพี่สาวของเม่ยเม่ยบอกจะมาซื้อของ แต่กลับไม่เอาอะไรเลย โจวเพ่ยชิงยิ้มและชวนน้องสาวเดินซื้อของฝากครอบครัวต่อ “เกิดอะไรขึ้นครับพี่ใหญ่ ยังขายของไม่ได้เลย” ตานโมว่เอ่ยถามพี่ชายด้วยความสงสัย นี่ยังขายไม่ได้เลยสักเหมา ทำไมพี่ชายของตนจึงเก็บของกลับแล้วล่ะ “รีบกลับบ้านเถอะ พี่จะเข้าเมือง เราจะย้ายบ้านกัน” “หา! ย้ายบ้าน เราจะหนีเจ้าหนี้เหรอพี่ใหญ่ แต่ที่…” หลายเดือนมานี้แม้จะต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ย แต่พี่ชายไม่เคยมีความคิดจะหนีหนี้เลยนี่นา โป๊ก! ตานเต๋อคงใช้มือเคาะหัวน้องชายอย่างแรงเพื่อเรียกสติ ตานเต๋อคงแม้จะเป็นคนเย็นชาในสายตาคนอื่น แต่กับน้องชายเขามักจะอบอุ่นและชอบแกล้งน้องเสมอ “โอ๊ย! เจ็บนะพี่ใหญ่ เคาะมาได้ หัวคนนะ” “ก็เพราะนายมีความคิดเหนือธรรมชาติอย่างไรล่ะ คิดได้ยังไงว่าพี่จะพานายหนีเจ้าหนี้ ไปเถอะรีบกลับบ้าน พี่ยังต้องไปจ่ายหนี้ให้กับคนพวกนั้น แล้วยังมีงานอื่นต้องทำอีก ส่วนนายรีบไปเก็บของ หากหาบ้านในเมืองได้แล้ว พี่จะรีบกลับมา” “ครับ ๆ” เมื่อรู้เหตุผลของพี่ชาย เด็กหนุ่มจึงรีบเก็บของและเดิน กลับบ้านด้วยความเร่งรีบ ส่วนของที่หามาไว้เพื่อขาย สองพี่น้องแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่คุ้นเคยกัน “ผมถามได้ไหม พี่สาวของเม่ยเม่ยเหรอที่ช่วยพวกเรา” “อืม เรื่องนี้นายห้ามบอกใครเด็ดขาด แม้แต่สหายของนาย เพราะฉันไม่รู้ว่านายหญิงจะบอกอะไรให้น้องสาวรับรู้บ้าง ต่อไปนี้พี่มีงานทำแล้ว นายเองก็จะได้เรียนต่อมัธยมปลาย ย้ายบ้านเสร็จพี่จะไปจัดการเรื่องค่าเล่าเรียนที่ยังค้างอยู่ ส่วนนายมีหน้าที่เรียนเท่านั้นรู้ไหม อาโมว่” “ครับพี่ใหญ่” จากนั้นสองพี่น้องจึงเดินทางกลับบ้าน ก่อนที่ตานเต๋อคงจะแยกตัวเข้าคอมมูนเพื่อแจ้งขอหยุดงาน โดยให้เหตุผลว่าต้องไปหางานทำในเมือง เพื่อหาเงินมาใช้หนี้และส่งน้องชายเรียน ซึ่งเรื่องหนี้สินคนในหมู่บ้านย่อมรับรู้ เพราะยามที่แม่ของ ทั้งสองคนป่วยใช้เงินไม่น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม