บทที่ 12 ถึงเวลานัดหมาย

1856 คำ
“พี่สาม พี่จะบอกฉันหรือยัง ว่าคุยอะไรกับพี่ชายอาโมว่” แม้อาโมว่จะเป็นสหายของเธอ แต่เม่ยเม่ยกลับไม่คุ้นเคยกับพี่ชายของสหายจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ “พี่ช่วยเหลือบางอย่างครอบครัวนั้น และพี่ให้ตานเต๋อคง หาร้านค้าในตลาดมืดไว้ให้ พี่จะสั่งสินค้ามาลงและให้เขาดูแลให้” “แค่นี้เหรอคะ คุยกันนานเชียว แต่พี่ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องออกหน้า รอรับเงินอย่างเดียวจะได้ไม่อันตรายด้วย แม้พี่จะเป็นเมียนายทหารแต่มาค้าขาย ใครรู้เข้ามันไม่ดีแน่ แต่พี่ไว้ใจพี่ชายอาโมว่ขนาดนั่นเลยเหรอ” เม่ยเม่ยยังคงถามต่อเพราะเป็นห่วงพี่สาว คนนั่นจะไว้ใจได้แค่ไหน แม้จะเป็นพี่ชายของสหาย เธอก็ยังไว่ไว้ใจ “เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมองหรือศึกษานานหรอกนะ พี่เชื่อว่าสายตาพี่คงมองไม่ผิด ว่าแต่เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกใคร พี่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง สัญญาได้ไหม ส่วนเรื่องที่พี่ไปค้าขายในตลาดมืด หรือเรื่องที่เม่ยเม่ยจะเอาเครื่องสำอางไปขาย สองเรื่องนี้บอกได้ พี่ไม่ห้าม รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พี่จะบอกทุกคนด้วยตัวเอง” โจวเพ่ยชิงขอคำสัญญาจากน้องสาว เรื่องนี้เธอยังไม่ต้องการบอกครอบครัวเพราะกลัวถูกห้าม รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน เธอค่อยบอกทุกคน และนั่นหมายถึงวันที่เธอเป็นนายหญิงโจวเพ่ยชิง ไม่ใช่นายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างที่ตานเต๋อคงเรียกตอนนี้ ในเมื่อชาติก่อนกว่าเธอจะตาย ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น การค้าสามารถเปิดขายได้อย่างเสรีสินค้าหลายอย่างไม่จำกัด ยกเลิกคอมมูน และสิ่งสำคัญที่สุดคือจะมีการเปิดการสอนในระดับมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ถึงแม้สถานการณ์บ้านเมืองจะเพิ่งผ่านการปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงผู้นำ เวลานี้ทุกพื้นที่ล้วนาดแคลน แม้ชาวบ้านจะทำงานกันอย่างหนัก แต่ผลผลิต กลับมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน เพียงแต่ไม่ร้ายแรงดังเช่นสิบปีที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในสถานการณ์จำกัดอาหาร และของใช้ต่าง ๆ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะทำการค้าไม่ได้ เพียงแต่ทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐเสียก่อน และถ้าไม่มีเส้นสาย ชาวบ้านธรรมดาอย่างเธอ ก็อย่าหวังว่าจะไปยืนในสังคม ต่อให้เธอจะมีมิติที่ใช้ไม่มีวันหมด และห้างสรรพสินค้าในมิติจะมีทุกอย่างก็ตาม เธอก็คงเป็นเพียงแม่ค้าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่หากเธอสามารถสร้างเส้นสายทำการค้ากับผู้มีอิทธิพลได้ หรือมีเส้นสายในการเปิดร้านค้าอย่างถูกต้อง สิ่งที่เธอคาดหวังไว้อีกไม่กี่ปีคงเป็นความจริง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือส่งอาหารเข้ากองทัพ “ค่ะพี่สาม ฉันสัญญา เรื่องนี้จะมีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้” โจวเม่ยเม่ยให้คำมั่นสัญญากับพี่สาว “ดีมากน้องพี่ แต่ช่วยพาเด็ก ๆ เอาขนมไปบ้านหลี่หน่อยได้ไหม เอาขนมไปให้ปู่กับย่า” โจวเพ่ยชิงแบ่งข้าวของที่ซื้อมาจากตลาด ให้น้องสาวพาลูกทั้งสองคนไปบ้านหลี่ ตัวเองนั้นจะทำมื้อเที่ยงรอทุกคน เพราะนัดครอบครัวไว้ให้กลับมากินมื้อเที่ยงที่นี่ ซึ่งเที่ยงนี้เธอตั้งใจจะทำอาหารเป็นบะหมี่หมูให้ทุกคนกิน วันเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนัดหมาย วันนี้โจวเม่ยเม่ยมีเรียนเช่นกัน จึงไม่ได้มาดูหลานทั้งสองคน แต่เช้านี้ไม่วายมาแจ้งพี่สาวเรื่องเครื่องสำอาง เพราะรู้ว่าวันนี้พี่สาวจะเข้าเมือง ก่อนจะรีบไปขึ้นเกวียนเพราะกลัวจะไปไม่ทัน “เอาละเด็ก ๆ อยู่บ้านกันสองคนได้ใช่ไหม” “ครับแม่ ผมจะดูน้องเอง” “ดีครับ แม่เตรียมมื้อเที่ยงไว้ให้แล้ว หากแม่กลับมาไม่ทันลูกกินได้เลยนะ” เที่ยงนี้เธอเตรียมไข่ตุ๋นและทำข้าวผัดไว้ให้ ซึ่ง ลูก ๆ สามารถเอามากินได้เลยโดยไม่ต้องอุ่น และไม่ต้องกังวลเรื่องอันตราย “ครับ / ค่ะ” หลังจากคุยกับลูกจบแล้ว โจวเพ่ยชิงจึงเตรียมตัวออกจากบ้านอีกครั้ง “เป็นเมียเจ้ารองบ้านหลี่นี่ดีจริง ๆ วัน ๆ แต่งตัวออกจากบ้าน งานในคอมมูนก็ไม่ต้องทำ ช่างดีอะไรขนาดนั้น” นางลู่ซือเดินผ่านเห็นเข้า จึงอดที่จะแขวะไม่ได้ “ป้าลองหาสามีแบบพี่ฮั่นตงดูสิคะ แล้วจะรู้ว่ามันสบายมากแค่ไหน” หญิงสาวย้อนกลับทันควัน เธอไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นและพูดค่อนขอดเฉย ๆ หรอกนะ แม้จะกลับตัวกลับใจ ไม่ใช่เธอจะยอมทุกคนเสียเมื่อไหร่ อีกอย่างหน้าตาก็ไม่เหมือนคนในครอบครัว ทำไมเธอต้องยอมล่ะ นางลู่ซือใบหน้าเปลี่ยนสีเมื่อโดนย้อนกลับ ไม่คิดว่าเด็กรุ่นลูกจะไม่เห็นหัวตนเอง จนลืมไปว่าคนที่คอยหาเรื่องก่อนคือใคร “ฉันแก่คราวแม่เธอแล้วนะเพ่ยชิง หล่อนควรจะมีมารยาทมากกว่านี้” “แล้วที่ป้าพูดแขวะและค่อนขอดฉันล่ะ นี่เรียกว่ามีมารยาทแล้วใช่ไหม” โจวเพ่ยชิงย้อนกลับเข้าให้ คิดว่าเธอจะยอมเหรอ ฝันไปเถอะ! “ฉันคิดว่าป้าควรจะเอาเวลาที่มาค่อนขอดฉันไปทำงานดีกว่าไหม ฉันเองไม่มีเวลาว่างมากพอจะมาต่อล้อคำพูดกับป้าเช่นกัน” พูดจบโจวเพ่ยชิงจึงเดินออกมาทันที เพราะไม่อยากสนทนากับคนไร้เหตุผล “อยู่ดีไม่ว่าดี ไปหาเรื่องเพ่ยชิง เป็นไงล่ะโดนถอนผมหงอก สมน้ำหน้า” ชาวบ้านที่ได้ยินทั้งสองโต้เถียงกันอดที่จะซ้ำเติมนางลู่ซือไม่ได้ ก่อนจะเดินไปทำงานของตนทันที วันนี้โจวเพ่ยชิงเข้าเมืองโดยเกวียนประจำหมู่บ้าน พอมาถึงที่ลับตาคนเธอจึงนำจักรยานออกมาขี่ไปยังจุดหมาย ซึ่งนั่นก็คือตลาดมืด เธอปลอมตัวด้วยการโพกผ้าเหมือนเดิม “เจอกันอีกแล้วนะพี่ชาย นี่ของฝาก วันนี้ขอขายของหน่อยนะ” โจวเพ่ยชิงทักทายคนดูแลตลาดทั้งสอง และยื่นบุหรี่ให้สองซอง “มันเยอะไปแล้ว จะไปขายของก็ไปเถอะ บุหรี่นี่เรารับไว้ คนละมวนสองมวนก็พอ” ทั้งสองรู้ดีว่าบุหรี่หรือยาสูบนั้นราคาแพง หากคิดเป็นซองราคาหลายหยวน “พี่ชายทั้งสองรับไปเถอะ ฉันไม่ขาดทุนหรอก” “ตกลง แล้วนี่จะไปขายตรงไหน” “น่าจะแถวเดิม ฉันฝากของกล่องนี้ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวกลับมาเอาทีหลัง” “เอาเถอะ เดี๋ยวให้เจ้านี่ช่วยขนไป” คนดูแลตลาดให้อีกคนช่วยยกของไปให้เป็นการตอบแทนที่มอบบุหรี่ให้ ซึ่งโจวเพ่ยชิงก็ไม่ขัด วันนี้เธอเอาของมาไม่น้อย หากจะมีลังเพียงลังเดียวและตะกร้าหนึ่งใบ คนจะได้สงสัยเอานะสิ ทันทีที่มาถึงที่ขายของในครั้งก่อน ลูกค้าต่างก็ยิ้มแก้มปริ เมื่อแม่ค้าคนนี้มาอีกแล้ว การค้าขายของโจวเพ่ยชิงในวันนี้ เป็นไป ตามคาด เธอขายของทั้งหมดในเวลาเพียงไม่นาน ภาพของโจวเพ่ยชิงอยู่ในสายตาของตานเต๋อคงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะปลอมตัว แต่เขาก็จำผู้มีพระคุณของเขาได้ เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะมีสินค้าหลากหลายมาขายอย่างนี้ นี่สินะถึงอยากให้เขามาช่วยทำการค้าและเปิดร้านในตลาดมืด เท่าที่เห็น เขาคิดว่าวันนี้นายหญิงเพ่ยเพ่ยทำเงินได้หลายพันหยวน เมื่อของหมดแล้ว โจวเพ่ยชิงรีบเก็บของและเดินเข้าตรอกที่ลับตาคน ก่อนจะโยนทุกอย่างเข้ามิติ หลังจากนั้นจึงเดินออกมาพร้อมกับตะกร้าสะพายหลังเพียงหนึ่งใบ เมื่อสบจังหวะ ตานเต๋อคงจึงเดินเข้ามาหาทันที “สวัสดีครับ นายหญิง” วันนี้ตานเต๋อคงใช้หน้ากากปิดบังรอยแผลเป็นอย่างที่โจวเพ่ยชิงกำชับไว้ เมื่อเห็นเขาทำตามคำสั่ง จึงพยักหน้าอย่างพอใจ อีกอย่าง ทำการค้าในตลาดมืดไม่ควรจะเปิดเผยใบหน้าทั้งหมด “มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยไหม” “เรียบร้อยครับ ตามผมมา ผมจะพาไปดูร้าน” ตานเต๋อคง ตอบกลับ ก่อนจะเดินไปยังร้านค้าที่เขาเช่าไว้ “ที่นี่ค่าเช่าเดือนละยี่สิบหยวน สามารถขายได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ส่วนเรื่องทหารจะมารบกวน ผู้จัดการที่นี่รับประกันว่าจะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีทหารหรือเจ้าหน้าที่ก่อกวนเลย สักครั้ง นายหญิงวางใจได้” “อืม หากทางตลาดมืดการันตีฉันก็เบาใจ การที่เช่าร้านเป็นรายเดือนมันสุ่มเสี่ยงไม่น้อย นอกจากตัวนาย พี่ควรจะหาคนมาช่วยขายอีกสักคนนะ พี่เต๋อคง” “ผมเป็นเพียงคนงาน อย่าเรียกผมพี่เลยครับนายหญิง เรียกผมอาคงหรือเต๋อคงเถอะครับ” ตานเต๋อคงบอกอย่างเกรงใจ “เป็นเจ้านายหรือลูกน้อง มันสำคัญด้วยเหรอ พี่น่าจะอายุมากกว่าฉันหลายปี ฉันเรียกแบบนี้น่ะถูกต้องแล้ว” หญิงสาวไม่ได้คิดว่าการที่เรียกชายตรงหน้าว่าพี่ จะเสียหายหรือว่าผิดอะไร ในเมื่อเขาเองอายุมากกว่าเธอหลายปี “ครับ” ตานเต๋อคงได้รู้อย่างนั้นก็ได่แต่รับคำสั่น ๆ “แล้วเรื่องโกดังล่ะ พี่จัดการแล้วหรือยัง” “เรียบร้อยแล้วครับ เสร็จจากที่นี่ผมจะพาไปดู ส่วนเรื่องคนงานนั้น ผมพอจะมีคนที่รู้จักและไว้ใจได้อยู่สองสามคน ว่าแต่นายหญิงตั้งใจจะเปิดร้านวันไหนครับ” “อีกสามวัน พี่มีกุญแจให้ฉันอีกชุดหนึ่งไหม ทั้งที่นี่และโกดัง รอฉันบอกให้เขามาส่งของเรียบร้อยก่อนค่อยเปิดร้าน ส่วนเรื่องราคา ฉันเชื่อว่าพี่น่าจะพอรู้ ว่าแต่ละอย่างนั้นควรตั้งราคาเท่าไร และฉันจะเขียนรายการให้ แล้วจะฝากเม่ยเม่ยไปให้อาโมว่ หากมีเรื่องเร่งด่วอะไร ก็เขียนจดหมายหรือฝากคำพูดไปกับอาโมว่ก็ได้ แล้วฉันจะรีบมา” “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม