บทที่ 10 เดินตลาดนัด

1882 คำ
เช้าวันต่อมา... วันนี้สองแฝดตื่นมาด้วยท่าทีที่สดชื่น เนื่องจากแม่สัญญา ว่าจะพาไปเที่ยวตลาดนัดนั่นเอง เมื่อเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วโจวเพ่ยชิงจึงเอ่ยเรียกลูกทั้งสองคน “เอาละเด็ก ๆ อาหารเช้าเสร็จแล้ว มากินกันก่อนเร็วแม่จะพาไปเที่ยวตลาดนัด” เนื่องจากหมู่บ้านข้าง ๆ จัดตลาดนัดทุกสัปดาห์ นี่จึงทำให้โจวเพ่ยชิงอยากพาลูกทั้งสองไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำหน้าที่แม่ที่ดีเลย “ครับ / ค่ะ” สองแฝดตอบรับเสียงใส ก่อนจะนั่งกินอาหารเช้าอย่างอร่อย มื้อเช้าในวันนี้โจวเพ่ยชิงทำข้าวต้มหมูที่มีเนื้อหมูสับละเอียดและปั้นเป็นก้อน ๆ พร้อมกับไข่ต้มอีกคนละฟอง อาหารเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับสามคนแม่ลูก เมื่อเช้าหลังจากตื่นมาอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวสังเกตว่าแผลบนใบหน้านั้นคล้ายจะจางไปเล็กน้อย และคิดว่านี่คงจะเป็นจริงอย่างที่ท่านตาคนกล่าวไว้ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอทำความดี รอยแผลพวกนี้จะจางหายไปเอง แต่ต่อให้แผลนี้จะหายไปหรือไม่ หญิงสาวยินดีที่จะทำความดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อลบล้างความผิดกับสิ่งที่เธอได้กระทำต่อครอบครัวและใครหลายคนทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว ระหว่างกำลังนั่งกินอาหารเช้า เสียงเรียกของโจวเม่ยเม่ยดังขึ้นหน้าบ้าน “พี่สาม เปิดประตูให้หน่อย” “ลูกนั่งกินต่อเถอะ แม่จะไปเปิดประตูให้น้าเม่ยเม่ยเอง” เมื่อเห็นลูกชายเตรียมจะลุกขึ้น โจวเพ่ยชิงจึงบอกว่าจะไปหน้าบ้านเอง ให้ทั้งสองนั่งกินอาหารต่อ จากนั้นจึงเดินมาหน้าบ้าน “ว่ายังไงเม่ยเม่ย มาแต่เช้าเลย” โจวเพ่ยชิงเอ่ยทักทาย ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มให้กับน้องเสมอ ดั่งที่ทำเป็นประจำหลังจากฟื้นจากความตาย “ก็พี่บอกจะพาหลานไปตลาดนัด ฉันเลยจะไปด้วย” โจวเม่ยเม่ยหลังจากคุยเรื่องการค้ากับพี่สาว และลดความกลัว จนกลายเป็นสนิทสนมกับพี่สาวไปแล้ว วันนี้เลยตั้งใจจะไปเดินเล่นด้วย “กินอะไรมาหรือยัง พี่ทำข้าวต้มหมูไว้ มากินด้วยกันสิ” “ยังเลยพี่ ตั้งใจจะหิ้วท้องมากินที่นี่ ขอกินอาหารด้วยแบบไม่เกรงใจแล้วนะ” พูดจบเด็กสาวก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ก่อนจะเลี้ยวเข้าครัวเพื่อตักข้าวต้มใส่ชาม แล้วมานั่งกินกับหลานทั้งสองคน นี่จึงทำให้โจวเพ่ยชิงต้องหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินตามเข้าบ้านเพื่อกินมื้อเช้าต่อ ในระหว่างกิน เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงสามี และตั้งใจว่าเข้าเมืองครั้งหน้าจะส่งของไปให้เขาเสียหน่อย แม้ว่าเขาไม่อยากจะรับก็ตาม อย่างน้อยก่อนที่จะยุติความสัมพันธ์ เธอขอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีสักครั้ง หลังจากจบมื้ออาหาร ทั้งสี่คนจึงออกจากบ้านทันที และมุ่งตรงไปยังตลาดนัด บรรยากาศในตลาดนัดเป็นไปอย่างครึกครื้น ตลาดนัดแห่งนี้รัฐให้เปิดขึ้นมา เพื่อให้ได้ชาวบ้านจับจ่ายซื้อของ ส่วนมากจะเป็นของที่กินได้และของป่าเสียส่วนใหญ่ “ซาลาเปา หมั่นโถร้อน ๆ จ้า” “หน่อไม้ ผักป่าก็มีนะ เพิ่งหามาได้เลย แม่หนูสนใจไหม” ชาวบ้านที่นำของมาขาย ต่างก็เรียกลูกค้ากันจ้าละหวั่น นี่คือหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถหาเงินได้ โดยที่ไม่ผิดกฎหมาย บรรยากาศในสถานที่แห่งนี้ จึงเต็มไปด้วยผู้คนและคึกคักไม่น้อย เพราะมีชาวบ้านหลายคนหาของมาขาย ซึ่งไม่เพียงแต่ชาวบ้านที่มาซื้อ ยังมีพวกนายทหารที่ประจำการที่นี่มาซื้อหาอาหารเช่นกัน “แม่ หนูอยากกินน้ำตาลปั้น กินได้ไหมคะ” หลี่ซานซานกระตุกมือแม่ เพราะต้องการกินน้ำตาลปั้นที่ลุงท่านหนึ่งกำลังปั้นรูปต่าง ๆ อยู่ “ได้สิ อาเฉินเอาด้วยไหม แม่ซื้อให้คนละตัว แต่ต้องสัญญาว่าหลังจากกินแล้วกลับบ้าน ต้องแปรงฟัน ฟันจะได้ไม่ผุ” “ครับ / ค่ะ” สองพี่น้องตอบกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับมีสายตาที่เปล่งประกายดีใจเพราะได้ในสิ่งที่ต้องการ จากนั้นทั้งสี่จึงยืนต่อคิวรอน้ำตาลปั้นของลุงท่านนี้ ที่มีลูกค้าซื้อไม่น้อย “หน้าผีขนาดนั้นแล้ว ยังกล้ามาเที่ยวหลอกหลอนชาวบ้าน” ลู่เสี่ยวเหมยพูดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ไม่คิดว่าการที่ชวนสหายมาเที่ยวตลาดนัดวันนี้ ยังต้องเจอกับโจวเพ่ยชิงที่นี่อีก ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานปะทะคารมกันไปแล้ว “ฉันถามจริงเถอะ เธอจงเกลียดจงอะไรเพ่ยชิงนักหนา ถ้าจะบอกว่าเธอเดือดร้อนแทนหลันจี แต่มันเกินไปหรือเปล่า พูดก็พูดเถอะนะ หากไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วเห็นเธอแสดงอาการอยากจะขยุ้มหัวเพ่ยชิงทีไร ฉันคิดว่าเธอต้องการพี่ฮั่นตงไว้เสียเอง” หลิวเสี่ยวเฟยพูดขึ้นมาอย่างที่เธอคิด ถ้าหากเสี่ยวเหมยไม่คิดอะไร ทำไมทุกครั้งเสี่ยวเหมยถึงได้พูดจาจิกกัดเพ่ยชิงขนาดนั้นในทุกครั้งที่เจอหรือพบหน้ากันล่ะ แต่ก็นะ เธอไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ อีกทั้งเวลานี้เสี่ยวเหมยมีสัญญาหมั้นหมายแล้ว คิดว่าปีหน้าคงแต่งออกไปต่างหมู่บ้าน ลู่เสี่ยวเหมยหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เมื่อเจอคำถามของสหาย แต่ไม่นานเธอปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “จะบ้าหรือไง ฉันไม่คิดชั่วอย่างนั้นกับคนที่สหายรักหรอกนะ ฉันแค่ไม่ชอบนังเพ่ยชิงเท่านั้น นังนั่นมันรู้ดีว่าพี่ฮั่นตงยังไงก็ต้องแต่งงานกับหลันจี แต่มันยังกล้าวางแผนชั่วล้มทับพี่ฮั่นตง เพื่อให้แต่งงานกับมัน เป็นเธอ เธอจะไม่แค้นใจแทนสหายหรืออย่างไร” ต่อให้เป็นสหายรัก ลู่เสี่ยวเหมยไม่คิดที่จะเปิดเผยความในใจของเธอให้รับรู้ ความรู้สึกนี้เธอจะเก็บไว้ในใจเท่านั้น หลิวเสี่ยวเฟยพยักหน้ารับ เธอเองไม่คิดว่าสหายจะแอบรักผู้ชายคนเดียวกันกับสหายรรักของตัวเองอย่างหม่าหลันจี โจวเพ่ยชิงไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอในวันนี้จะอยู่ในสายตาของลู่เสี่ยวเหมยอีกครั้ง เธอยังคงพูดคุยกับน้องสาวและลูกทั้งสองคนอย่างมีความสุข พอเด็ก ๆ ได้น้ำตาลปั้นในรูปแบบที่ต้องการ ทั้งสองต่างก็กินกันไม่หยุด จนผู้เป็นแม่และน้าสาวอดที่จะมองอย่างเอ็นดูไม่ได้ “อร่อยไหมอาเฉิน ซานซาน” “อร่อยครับแม่” “อร่อยค่ะ แม่กินไหม” หลี่ซานซานตอบ ก่อนจะยื่นน้ำตาลปั้นที่เต็มไปด้วยน้ำลายยื่นส่งให้แม่ “กินเลย เห็นลูกชอบแม่ก็ดีใจแล้ว” ในระหว่างที่สามแม่ลูกคุยกัน สายตาของโจวเม่ยเม่ยสบเข้ากับใครบางคน ชายคนนี้อายุน่าจะเท่ากับพี่ชายคนรอง เพียงแต่ใบหน้ากลับมีรอยแผลที่หางคิ้วทำให้หลายคนหวาดกลัว ด้านข้างกลับมีสหายของเธออยู่ด้วย ตานเต๋อคงนั่งปูผ้าวางขายหน่อไม้กับเห็ดที่เก็บได้บนเขา หลายอย่าง พร้อมกับกองฟืนตั้งวางขาย โดยมีน้องชายวัยเดียวกันกับโจวเม่ยเม่ยนั่งอยู่ด้วย “อ้าว เม่ยเม่ย วันนี้มาเที่ยวตลาดเหรอ” เด็กหนุ่มทักทายสหายร่วมชั้นเรียนด้วยท่าทางดีใจ วันนี้เขามาช่วยพี่ชายขายของ ไม่คิดว่าจะเจอสหายต่างหมู่บ้าน “ใช่แล้วอาโมว่ โอ๊ะ! มีหน่อไม้กับเห็ดด้วย” โจวเพ่ยชิงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกน้องสาว จึงได้หันกลับมาดู ทำให้เธอพบกับใครบางคนที่พอจะรู้จักในชาติที่แล้ว ‘ตานเต๋อคง’ ลูกน้องในสถานที่โสมม และเป็นคนเดียวที่ทำศพให้เธอ เท่าที่จำได้เขาคอยส่งข้าวส่งน้ำให้เธอ และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยทุบตีเธอตามคำสั่งเจ้านาย แต่ทำไมเวลานี้ถึงอยู่ที่นี่ เขาไม่ใช่คนทำงานในเล้าเหรอ เท่าที่รู้คนนี้ไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย! โจวเพ่ยชิงพยายามคิดถึงสาเหตุที่ชายคนนี้ต้องหักเหชีวิตตนเอง ไปทำงานยังสถานที่แห่งนั้น ก่อนจะเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย“เม่ยเม่ยรู้จักเหรอ” “ค่ะพี่สาม อาโม่วเป็นสหายของฉันเอง” เด็กสาวหันมาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง และยืนยันว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือสหายของเธอจริง ๆ “ชื่ออาโมว่เหรอ แล้วนี่ขายอะไรบ้าง ฉันเหมาหมด แต่เอาไปส่งได้ไหม คงถือกลับไปไม่ไหว” “ได้..../ หากเหมาหมดเพราะรู้จักกับอาโมว่ ก็อย่าเลยครับ เสียดายเงิน” ตานโมว่ยังตอบไม่ทันจบดี กลับมีเสียงพี่ชายพูดสอดแทรกขึ้นมา “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น” โจวเพ่ยชิงถามขึ้นทันที “....” ชายคนนั้นมองมาแต่ยังไม่ตอบอะไร แต่สายตามองไปที่โจวเม่ยเม่ยและเด็กอีกสองคน นั่นทำให้โจวเพ่ยชิงหันไปพูดกับน้องสาวตัวเอง “เม่ยเม่ยพาหลานไปซื้อขนมด้านนู้นก่อน พี่ขอคุยกับพี่ชายคนนี้สักครู่” “.....” โจวเม่ยเม่ยไม่ขยับและไม่พูดอะไร แต่มองพี่สาว เมื่อเห็นสายตากังวลของน้องสาว จึงยิ้มและอธิบายออกมา “รู้ใช่ไหมว่าพี่ทำการค้าในตลาดมืด พี่ตั้งใจอยากจะเปิดร้าน ไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้จะสนใจหรือไม่ เอาเถอะ กลับถึงบ้านพี่จะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เม่ยเม่ยพาหลาน ๆ ไปเดินเล่นทางนั้นก่อนนะ” “แน่นะคะ พี่ห้ามปิดบังฉันนะ” โจวเม่ยเม่ยยังกังวลและเป็นห่วง จึงขอคำสัญญาจากพี่สาว “สัญญา กลับไปพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง ตกลงไหม” โจวเพ่ยชิงสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เธอตั้งใจจะคุยกับ ชายตรงหน้า หากเธอสร้างบุญคุณกับเขาได้ เธอคงได้คนที่ซื่อสัตย์ทำงานให้แน่นอน “ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอะไร พี่สามตะโกนเรียกฉันดังๆ เลยนะ” โจวเม่ยเม่ยยินยอมจะทำตามที่พี่สาวสั่ง แต่ก็ไม่วายหันมาสั่งความ เมื่อเห็นพี่สาวพยักหน้าให้ จึงจูงมือหลาน ๆ เดินไปที่อื่น ตานโมว่คล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า จึงเดินเลี่ยงออกมาพร้อมกับโจวเม่ยเม่ยและหลานทั้งสอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม