“หือ? นี่มันจากที่ไหนกัน ไม่เห็นมีชื่อคนส่ง”
หลายวันต่อมา ขณะที่รอเจสสิก้าแต่งหน้าเพื่อเข้าฉากอยู่ ปีโป้ที่นั่งอยู่กับกองของขวัญจากแฟนคลับของเจสสิก้าค่อยๆเปิดมันออกทีละกล่องแล้วก็อ่านจดหมายที่แนบมาด้วยให้กับเจสสิก้าได้ฟัง ก่อนจะเจอเข้ากับกล่องที่ไม่มีชื่อของคนส่งแต่มีจดหมายเล็กๆแนบมาด้วย
“หวังว่าจะชอบนะครับ...หือ? หนุ่มส่งมา ไหนดูซิส่งอะไรมาให้น้องเจสของเราน้าาา”
ปีโป้อ่านจดหมายเล็กที่แนบมา ก่อนจะเปิดกล่องที่ห่อมาอย่างดีออก
“น้องเจส...นี่มัน...”
พอเห็นของที่อยู่ในกล่อง ปีโป้ถึงกับเงยหน้าไปมองเจสสิก้า แล้วเธอก็ค่อยๆยกมันขึ้นมา
“คอลเลคชั่นสร้อยข้อมือชุดใหม่ล่าสุดของหลุยส์ มีแค่ 30 ชุดทั่วโลก...ใครกัน...”
ปีโป้พูดเหมือนคนละเมอพร้อมกับยกกล่องของสินค้าราคาครึ่งล้านออกมาโชว์ให้เจสสิก้าได้ดู
“ของปลอมรึเปล่าคะ ใครจะบ้าซื้อของราคาขนาดนั้นมาให้เจสกัน แค่หลักหมื่นยังน่าเชื่อถือหน่อย”
เจสสิก้าบอกออกมาอย่างไม่สนใจ เมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับของราคาแพงพวกนี้ แต่พอเช็กดูแล้วกลับเป็นแค่ของเลียบแบบเยอะแยะไปหมด
“ก็จริง...แต่พี่ปีโป้ว่านี่มันของจริงนะคะน้องเจส...”
ปีโป้ที่หยิบมันขึ้นมาตรวจดู ทั้งกล่อง ทั้งเอกสารรับประกันที่แนบมาก็เหมือนจริงทั้งหมด
“ไหนคะ เจสขอดูหน่อย”
เจสสิก้ายื่นมือไปเอามันขึ้นมาตรวจดู และเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อมันคือของจริงแน่นอน
“แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ ขนาดพี่ปีโป้สั่งซื้อไปยังไม่ทันเลย”
“นั่นสิ...ใครกันส่งมา”
และสองสาวก็มองหน้ากันอย่างนึกแปลกใจ เมื่อปกติแฟนคลับของเจสสิก้ามักจะส่งของมาให้แต่ไม่เคยมีราคามากมายขนาดนี้มาก่อน
และหลังจากที่ได้กำไลข้อมือราคาครึ่งล้านมาก็มักจะมีของราคาแพงส่งมาให้เจสสิก้าเรื่อยๆ โดยไม่ยอมระบุชื่อแต่มีการ์ดเล็กๆและคำอวยพรสั้นๆติดมาด้วยตลอด
“พี่ว่ามันแปลกๆแล้วนะคะ...นี่รวมๆแล้วหลายล้านอยู่นะ”
“นั่นสิคะ คนอะไร ไปสรรหาแต่ของที่หาซื้อยากๆส่งมา หรือมีคนแกล้ง”
เจสสิก้าที่แปลกใจไม่แพ้ปีโป้พูดขึ้นพร้อมกับมองพวกของราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างแสนสงสัย ว่าใครกันเป็นคนส่งมาให้เธอ
“แกล้งอะไรล่ะคะ ถ้าแกล้งแบบนี้พี่ปีโป้ยอมให้แกล้งไปตลอดชีวิตเลย”
ส่วนทางด้านคนส่ง ตอนนี้กำลังมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างพึงพอใจกับของชิ้นต่อไปที่เขาจะส่งไปให้เจสสิก้า
“สั่งนี้ให้ฉันหน่อย”
ภูผาบอกขึ้นเมื่อส่งรูปไปให้กวินทร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกวินทร์ก็ได้แต่มองหน้าเจ้านายอย่างรู้สึกสงสัยหลังจากเขาต้องส่งของตามคำสั่งของภูผาไปแล้วหลายชิ้น ซึ่งเขาไม่ได้สงสัยและแปลกใจกับราคาของที่ส่งไปเมื่อที่เขาสงสัยคือทำไมเจ้านายต้องมาเสียเวลานั่งเลือกของเป็นชั่วโมงๆเพื่อส่งไปให้เธออยู่แบบนี้ ปกติแล้วถ้าเกิดถูกใจคนไหน ภูผาแค่ส่งให้เขาเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น พูดคุยตกลงเรื่องสัญญาต่างๆนานาเสร็จก็เป็นอันได้ขึ้นเตียง แต่ครั้งนี้ดูจะต่างจากครั้งก่อนๆเมื่อเวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้วแต่ภูผายังไม่แสดงตัวเอาแต่ส่งของไปให้เธอโดยไม่ออกนามอยู่แบบนี้นี่สิ
“ถ้านายต้องการเธอ เดี๋ยวผม...”
“ไม่ต้อง อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ภูผาบอกขึ้น พร้อมกับเปิดรูปของเจาสิก้าขึ้นมาดูอย่างมาดหมาย เมื่อเงินที่เขามีไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ครั้งนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน
“น้องเจสคะ เสี่ยฉิงนัดทานข้าวเย็นนี้ น้องเจสไปได้ใช่ไหมคะ?”
ปีโป้ที่พึ่งวางสายจากเจ้าของสังกัดที่เจสสิก้าทำงานอยู่ถามขึ้น
“ไปสิคะ ไม่ไปเสี่ยโกรธแย่เลย อีกอย่าง เจสก็อยากไปเจอเสี่ยด้วย เดี๋ยวน้อยใจไปอีก”
เจสสิก้าบอกขึ้น เมื่อ เสี่ยฉิง คือผู้มีพระคุณคนแรกของเธอในวงการนี้ ตอนที่เธอยังไม่มีชื่อเสียงเสี่ยฉิงที่เห็นถึงความโดดเด่นในตัวเธอพาเธอไปออกงานด้วยแทบทุกงาน จนกลายเป็นกระแสข่าวว่าเธอคือเมียน้อยเขาในช่วงแรกๆเมื่อเขาไปไหนเธอก็มักจะอยู่กับเขาตลอด จนกระทั่งเสี่ยฉิงออกแถลงข่าวถึงสาเหตุที่พาเธอไปไหนมาไหนด้วย นั่นก็เพราะต้องการปั้นเธอให้เป็นดาวดวงใหม่ของวงการ ทำเอานักข่าวต่างฮือฮาและหลังจากนั้นเธอก็โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อนักข่าวต่างพาดหัวข่าวว่าเธอเป็นลูกรักของเสี่ยฉิง และเจสสิก้าไม่เคยลืมอดีตในตรงนั้นเลยสักครั้ง
พอตกเย็น เจสสิก้าก็แต่งตัวสวยมาที่ร้านอาหารร้านประจำที่เสี่ยฉิงมักจะมาทานข้าวกับคนสนิท ซึ่งวันนี้คือเธอและปีโป้ที่มาร่วมโต๊ะกับเขา
“เจสซี่! เสี่ยไม่นึกเลยว่าจะมาได้ มานั่งเร็วเข้า เสี่ยมีคนอยากแนะนำให้รู้จัก”
พอเดินเข้าไปในร้าน เสียงอันแหบต่ำของเสี่ยฉิงก็ดังขึ้น เจสสิก้าเผยยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปหาเสี่ยฉิง ก่อนจะอ้าแขนกอดไปที่ร่างอ้วนเป็นการทักทาย
“เสี่ยสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอกันนาน เสี่ยนี่หล่อขึ้นทุกวันเลยนะคะเนี่ย”
เจสสิก้าถามขึ้นพร้อมกับพ่นคำชมที่เสี่ยฉิงชอบออกมา
“แหม ก็พูดเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า มานั่งๆ เสี่ยมีแขกมาด้วย แล้วปีโป้ล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ?”
ทำเอาเสี่ยฉิงถึงกับเสียอาการหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างพอใจ พลางมองหาปีโป้ไปด้วย
“จอดรถอยู่ค่ะ เห็นว่าจะคุยโทรศัพท์ต่อ”
“เหรอ งั้นนั่งก่อนๆ”
เสียฉิงรีบบอกให้เจสสิก้านั่งลง เมื่อแขกของเขากำลังเดินเข้ามาพอดี
“ทางนี้ๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า มาเร็วกว่าที่คิดนะ”
เสี่ยฉิงรีบลุกเดินไปหาแขกพิเศษของเขา
“ครับ พอดีงานเสร็จไวกว่าที่คิด”
เป็นภูผาที่เดินเข้ามาพร้อมกระเช้าสมุนไพรจีนหายาก ส่วนเจสสิก้า ตอนนี้รอยยิ้มของเธอกำลังหายไปจากใบหน้าสวย เมื่อคนที่เธอรู้สึกไม่ชอบหน้าดันมาเป็นแขกขอเสี่ยฉิงเสียอย่างนั้น
“อ่าว เจสซี่ นี่คุณภูผา รู้จักไว้ซะสิ เดี๋ยวต้องได้ร่วมงานกันแล้ว”
เสี่ยฉิงบอกขึ้น เมื่อที่เขานัดเจสสิก้ามาทานข้าวก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ ภูผาติดต่อเข้ามาว่าอยากได้นางแบบโฆษณาสินค้าตัวใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ตัว และอยากได้ดาราที่ดังที่สุดในค่ายแถมยอมจ่ายไม่อั้นอีก เสี่ยฉิงเลยตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด
“สวัสดีค่ะ ฉันเจสสิก้า”
“ผมภูผา ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเจสสิก้า”
ภูผายื่นมือออกไปเพื่อขอจับมือเป็นการทักทาย และเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเจสสิก้าแถมยังจับเอาไว้แน่นอย่างสื่อความหมาย เจสสิก้ามองการกระทำของเขาอย่างเริ่มไม่พอใจแต่ด้วยอยู่ต่อหน้าเสี่ยฉิง เธอเลยได้แต่ส่งสายตาขึงขังไปให้เขาแทน
“อ่าวนั่งก่อนๆ เดี๋ยวอาหารก็มาเสิร์ฟแล้ว”
เสี่ยฉิงบอกขึ้น ทำเอามือที่จับกันอยู่ต้องแยกออกจากกัน ภูผาเอาแต่มองเจสสิก้าด้วยสายตาหวานเชื่อม เมื่อตัวจริงของเธอนั้นดูดีกว่าในรูปที่เขาดูแทบทุกวันจนแทบละสายตาไม่ได้
“โอ๊ย ปีโป้ขอโทษนะคะเสี่ย พอดีมีงานเข้า...อ่าว เอ่อ คุณภูผา?”
“ปีโป้มาพอดี นี่คุณภูผา น่าจะพอรู้จักแล้วใช่ไหม? นี่ปีโป้ ผู้จัดการส่วนตัวของเจสซี่น่ะ”
เวรแล้วไงน้องเจส...ดูสินั่น มองเหมือนอยากจะกิน โอ๊ย! ถ้ารู้ว่าอีตานี่มาไม่พาน้องเจสมาหรอก!
ปีโป้ถึงกับคิดหนัก ก่อนจะนั่งลงข้างเจสสิก้าที่หันมองผู้จัดการส่วนตัวอย่างคาดโทษ ซึ่งปีโป้ก็มองเจสสิก้าอย่างลุแก่โทษ ไม่นึกว่าจะมีภูผามาร่วมวงด้วยแบบนี้
จากนั้นมื้ออาหารที่แสนอึดอัดก็เริ่มขึ้น เมื่อทุกครั้งที่มีโอกาส ภูผาเอาแต่มองเจสสิก้าด้วยสายตาสื่อความหมายจนเจสสิก้าแทบกินอะไรไม่ลงเมื่อสายตาที่เขามองนั้นมันบ่งบอกว่าเขาพร้อมจ่ายให้เธอไม่อั้นเพียงแค่เธอยอมเดินเข้าไปในฮาเร็มของเขา จนกระทั่งมื้ออาหารนี้จบลง กวินทร์ก็เดินถือถุงกระดาษเข้ามาสองถุง
“พอดีผมเตรียมของมาให้สองสาวด้วย หวังว่าจะถูกใจ”
เขายื่นถุงหนึ่งให้ปีโป้ อีกถุงยื่นให้เจสสิก้าและไม่วายแอบจับมือเธอจนเจสสิก้าขนลุกอย่างรังเกียจแต่ก็รับมาเมื่อเสี่ยฉิงมองอย่างพึงพอใจที่สามารถหารายได้เข้าบริษัทได้
“น้องเจส! ต่อไปนี้เราจะไม่เจออีตานั่นอีก พี่สัญญา”
พอกลับมาถึงห้องพักของเจสสิก้า ปีโป้รีบบอกขึ้น เมื่อเธอเองก็อึดอัดกับสายตาที่ภูผามองเจสสิก้าเพราะมันเปิดเผยซะขนาดนั้น
“ไม่เจอได้ยังไงคะ เสี่ยรับงานเอาไว้ตั้ง 5 ตัว พรุ่งนี้พี่ปีโป้น่าจะได้สัญญามา”
“ห๊ะ?”
ปีโป้ถึงกับตกใจ เมื่อเธอยังไม่รู้เรื่องนี้
“หรือว่าที่นัดไปกินข้าเพราะเรื่องนี้”
“อืม เจสว่าน่าจะใช่ เขาอยากได้พรีเซนเตอร์สินค้าตัวใหม่ คนเดียว 5 ตัว”
พอได้ยินแบบนั้นปีโป้ถึงกับอึ้ง เมื่อดูท่าภูผาจะไม่ได้มาเล่นๆเสียแล้ว คงเลี่ยงที่จะเจอเขาไม่ได้
“แล้ว...ไอ้นี่อะไร ถุงนี่ก็ดูคุ้นๆว่าไหม?”
ปีโป้มองไปที่ถุงกระดาษสองอันที่วางอยู่พร้อมกับขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกคุ้น ก่อนจะเดินไปหยิบมันมาเพื่อเปิดดูของที่ภูผาให้มา
“น้องเจส! นี่มันกระเป๋าชาล์ลคอลเลคชั่นใหม่ลาสุดเลยนี่คะ! อ๊ายยยย พี่ปีโป้อยากได้อยู่พอดีเลย หาซื้อในไทยไม่ได้ด้วยนะคะเนี่ยยย”
พอเห็นของที่ภูผาให้มา ปีโป้ถึงกับเสียอาการ เมื่อเป็นของที่เธออยากได้มากแต่หาซื้อไม่ได้
“ไหน ดูของน้องเจสซิ ได้อะไรมา”
ทีนี้ก็ของเจสสิก้า ซึ่งเจสสิก้าก็อดที่จะอยากรู้และเดินมานั่งลงข้างกับปีโป้ไม่ได้
“ว๊าย!!! นี่มัน...น้องเจส!!”
“ต่างหูเหรอ?...แบรนด์อะไรไม่เห็นเคยเจอ...”
เจสสิก้ายกมันขึ้นมาดูอย่างนึกแปลกใจ เพราะมันดูแปลกและเธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่นี่มัน...เพชร...เพชรทั้งนั้นเลยนี่คะ! แล้วนี่...มีอักษรมาด้วย...”
ปีโป้ที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับเพชรที่เป็นระย้าลงมาหาตัวอักษร เมื่อมันเยอะแยะละลานตาไปหมด
“JESSICA นี่มันชื่อของน้องเจสนี่คะ?”
และพออ่านดูก็เจอว่าอักษรเพชรนั้นเป็นชื่อของเจสสิก้า ทำเอาเจสสิก้ารู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอเคยได้รับของจากคนอื่นมาก็เยอะ แต่กลับไม่เคยรู้สึกพิเศษเท่าต่างหูคู่นี้เลยสักครั้ง
“หรือว่าเขาสั่งทำ โอ้ววว อีตาภูผานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มีจดหมายแนบมาด้วยพี่เปิดนะ”
และพอเปิดดูในจดหมาย มันเขียนเพียงว่า ‘สำหรับคนพิเศษ’
“พี่ว่า...มันเหมือนกับ...”
และสองสาวก็เงยหน้าขึ้นไปมองของแบรนด์เนมที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลพร้อมกันทันทีที่นึกบางอย่างออก ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากัน
“อย่าบอกนะว่าของพวกนั้น...”
และตอนนี้เหมือนทั้งสองได้รู้แล้วว่าใครเป็นคนส่งของหรูพวกนั้นมาให้
“เขาลงทุนไปแค่ไหนเนี่ย...”
สองสาวถึงกับมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ นี่ขนาดแค่ยังไม่ได้เริ่มต้นเขายังจ่ายหนักขนาดนี้ สมแล้วที่เขาสามารถเลี้ยงผู้หญิงได้เป็นสิบๆคนแบบนั้นได้สบายๆ