ตอนที่ 28 : ปกป้องดูแล

2067 คำ
เวลาล่วงผ่านไป ในที่สุด ความตั้งใจของซือลี่หยางก็สัมฤทธิผล จากในรั้วพระราชวัง กระจายสู่ชาวบ้านนอกรั้ววัง หลังจากที่วิชาต่อสู้ยูโดได้ถูกเผยแพร่ให้สตรีทั่วทั้งแคว้นต้าฉู่ จำนวนตัวเลขของคดีอาชญากรรมก็ลดลงอย่างถนัดตา สตรีเริ่มหันมารักตัวเองมากขึ้น มีสติ ระมัดระวังและรู้สึกเท่าเทียมบุรุษเพศในใต้หล้า ตระกูลไหนที่มีคู่แต่งงาน ภรรยาจะเริ่มต่อต้าน ไม่ยอมอ่อนข้อต่อสามีที่เอาแต่ตบตีทำร้ายนางจนร่างกายเขียวช้ำ พวกนางยืนหยัดตอบโต้อย่างมีศักดิ์ศรี แม้ความยุติธรรมจะยังไม่ประจักษ์ชัดในสังคมที่มีบุรุษเป็นใหญ่มากนัก ทว่าพวกนางก็เริ่มหันมารักและเคารพในร่างกายของตัวเองมากยิ่งขึ้น การกระทำของซือลี่หยางสร้างแรงกระเพื่อมครั้งยิ่งใหญ่ ทว่าทำให้เกิดเสียงแยกแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเพิกเฉยอีกฝ่ายร้อนรนดุจเพลิงไฟ แน่นอนว่าฝ่ายที่ร้อนรนมีมากกว่าหนึ่ง อ๋องห้าและเสนาบดีอู๋หรงเป่ยคอยจับตามองนางอยู่ห่าง ๆ ที่ลานประลองนั่น พวกเขาหวังจะปลิดชีพนางหลายครั้ง แต่ก็ถูกองครักษ์เงาของเยี่ยเทียนสกัดอาวุธเอาไว้ได้ทุกครั้ง ส่วนหยางฮองเฮา หลังจากที่นางรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง ก็ยากที่จะข่มโทสะเอาไว้ได้ นางเป็นประมุขฝ่ายในดูแลความเรียบร้อยของวังหลังทั้งหมด การกระทำของซือลี่หยางไม่ต่างอะไรจากการหยามเกียรติ "เจ้าว่าอย่างไรนะ! พระชายาเยว่ชิงเกณฑ์นางกำนัลไปซ้อมวรยุทธ์อย่างนั้นหรือ" เสียงแครกดังขึ้นพัดกลมในมือฉีกขาดเป็นสองส่วน หยางฮองเฮาเอ่ยถามพลางเหลือกตาโตจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า 'ซ่งกูกู' บ่าวใช้อาวุโสประจำตำหนักลั่วหยาง ก้มหน้างุด เอ่ยเล่าตามความจริง "เพคะฮองเฮา หม่อมฉันแอบไปซุ่มดูมา ที่ลานประลองนั่น พระชายาเยว่ชิงเป็นคนควบคุมดูแลเองทั้งหมดเลยเพคะ" "นานหรือยัง แล้ววรยุทธ์ที่เจ้าว่าคือวรยุทธ์ใด" หยางฮองเฮาขมวดคิ้ว นิ่วหน้าถาม "นานแล้วเพคะ หม่อมฉันได้ยินเหล่านางกำนัลพูดกันว่าเป็นวรยุทธป้องกันตัวสำหรับสตรี...ยูโด เพคะ" "ยูโด...อย่างนั้นหรือ ชื่อแปลกประหลาดนัก นางสติวิปลาสหรืออย่างไร ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น นางก็เอาแต่พูดจาเพ้อพกไม่หยุด" ซ่งกูกูพยักหน้าน้อย ๆ พลางกล่าว "ใช่เพคะ ข่าวลือพูดกันหนาหู ว่าแท้ที่จริงแล้วพระชายาสติฟั่นเฟือน แบบนี้ไม่ควรเก็บไว้ให้เสื่อมเสียพระเกียรติขององค์รัชทายาทนะเพคะ" คำพูดของบ่าวใช้คนสนิททำให้ใบหน้าของหยางฮองเฮาฉายความวิตกกังวลขึ้นมาฉับพลัน หากเป็นเช่นนั้นจริง ซือลี่หยางก็คือกาลกิณี ที่นำพาความอัปมงคลมาให้เยี่ยเทียนบุตรชายของนาง ยิ่งยามนี้เยี่ยเทียนยังมิได้ขึ้นครองราชย์ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน วันหนึ่งบุตรชายอาจจะหลุดลอยจากตำแหน่งรัชทายาทก็เป็นได้ คิดได้เช่นนั้น หยางฮองเฮาก็อดรนทนไม่ไหว รีบบึ่งกายไปหาซือลี่หยางที่ลานประลองทันที ณ ลานประลอง ไม่มีนางกำนัลมายืนฝึกซ้อมอีกแล้ว มีเพียงขันทีและทหารที่มายืนคุ้มกันอยู่ประปราย ซือลี่หยางเข้ามาเดินตรวจตราเหล่านางกำนัลที่กำลังยุ่งง่วนทำความสะอาด ประจวบเหมาะกับหยางฮองเฮาที่ต้องการพบเจอกับนางอย่างพอดิบพอดี เสื้อคลุมยาวหรูหรากรุยกรายที่แขวนบนร่างของหยางฮองเฮาครูดไปตามพื้น ทุกย่างก้าว ขันทีและนางกำนัลต่างค้อมกายแสดงความเคารพ ความเงียบงันที่ผิดปกติและกลิ่นอายเย็นเยียบที่เคลือบคลานใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ซือลี่หยางหันหลังกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าเป็นหยางฮองเฮา ดวงตาของซือลี่หยางก็พลันขยายเบิกกว้าง รีบย่อตัวลงคำนับทันทีอย่างทุลักทุเล "ถวายบังคมเพคะฮองเฮา" หยางฮองเฮาตวัดสายตามองนางพลางตวาดเสียงแหลม "เจ้ากล้าดีอย่างไร!" บรรยากาศหม่นหมองระคนหวาดหวั่นแผ่คลุมในฉับพลันนั้น แน่แล้วว่านางไม่เข้าใจในวาจาของหยางฮองเฮา แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยาก ท่าทางขุ่นเคืองเช่นนั้น นางคงจะไปเผลอล่วงเกินอะไรบางอย่าง แม้จะพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก "หม่อมฉันโง่เขลานัก ฮองเฮาโปรดชี้แจงด้วยเพคะ" ซือลี่หยางหลุบตาตอบอย่างสงบเสงี่ยม หยางฮองเฮาแค่นเสียงขึ้นจมูก เหยียดปากเป็นรอยยิ้มหยัน "วังหลังเป็นของข้า ทุกคนอยู่ใต้การดูแลของข้า เจ้าคิดว่าเป็นชายาของรัชทายาท แล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ" พอได้ยินเช่นนั้น ทุกอย่างก็พลันกระจ่างแจ้ง นางลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท คงเป็นเรื่องเผยแพร่ยูโดไม่มีผิดเพี้ยน ฮองเฮาคือประมุขวังหลัง แม้วาจาของจักรพรรดิจะถือเป็นสิ่งสูงสุด แต่การทำข้ามหน้าข้ามตาฮองเฮา ก็มิใช่เรื่องที่ถูกควรเช่นเดียวกัน และการที่นางจะโกรธก็หาใช่เรื่องแปลก "ฮองเฮาได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ" ซือลี่หยางทรุดกายคำนับบนพื้น เนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อย หยางฮองเฮาปรายตามองนางอย่างดูแคลน กล่าวเสียงเนิบนาบ "สำนึกผิดแล้วหรือ...แต่ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ค่อยมีสติเสียเท่าไร" นางมองซือลี่หยางอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะแสยะยิ้มน่าสะพรึงกลัว "เอาเถิดพระชายา...ข้าจะช่วยเจ้าเอง" สิ้นสุดประโยค ไหล่บางของซือลี่หยางก็ถูกผลักจนหงายล้มไปทางด้านหลัง ก่อนที่หยางฮองเฮาจะง้างมือขึ้นสูง หวังตวัดฝ่ามือฟาดไปที่ใบหน้างามด้วยความเดือดดาล ทว่าเยี่ยเทียนวิ่งเข้ามาจับยั้งเอาไว้เสียก่อน "รัชทายาท! เจ้าจะทำอะไร" หยางฮองเฮาหันไปถลึงตาถาม "นางคือชายาของกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ" น้ำเสียงหนักอึ้งและท่าทีขึงขังที่แสดงออกมาทางแววตาของเยี่ยเทียนทำให้หยางฮองเฮาชะงักงันไปชั่วครู่ นางจ้องมองบุตรชายด้วยแววตาแข็งกร้าว แทบไม่เชื่อหู ว่าบุตรชายจะเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเช่นนั้น "เรื่องฝึกฝนนางกำนัล ข้าเห็นดีเห็นงามกับนางมาตั้งแต่ต้น ท่านพ่อทรงรับรู้และยินยอมอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง บัดนี้เวลาล่วงเลยไป การกระทำของนางส่งผลประโยชน์ต่อแคว้นต้าฉู่อย่างมหาศาล ข้าไม่เห็นว่าพระชายาจะผิดอย่างไร หากจะลงโทษ ก็ลงที่กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ" เขากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ หยางฮองเฮาพูดไม่ออก โทสะไร้ที่ระบาย ทำให้นางได้แต่หอบหายใจอย่างหนักหน่วง จนในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว เดินจากไปพร้อมกับคำพูดที่คล้ายกับมีดแหลมปักกลางหัวใจของบุตรชายอย่างไร้ความปรานี "รัชทายาท! ข้าผิดหวังในตัวเจ้า" เยี่ยเทียนเก็บซ่อนความเจ็บปวดระคนหวาดหวั่นไว้ภายใต้สีหน้านิ่งสุขุม ซือลี่หยางรู้สึกซาบซึ้งที่เขาปกป้อง ทว่าอีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารพระสวามีจับใจ นางเดินเข้าไปหาเขา ริมฝีปากที่แห้งผากนิด ๆ อ้าแล้วหุบหลายครั้ง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก เยี่ยเทียนค่อย ๆ ละสายตาจากแผ่นหลังของมารดา คว้ามือเล็กของซือลี่หยางขึ้นมาจับกุม ก่อนจะเดินพานางออกไปจากลานประลองโดยที่ไม่เอ่ยคำใดออกมาสักคำ เขาจูงมือพานางเดินเข้าไปในอุทยานแห่งหนึ่งในวังหลวงที่ดูไม่คุ้นเคยนัก ซือลี่หยางกวาดสายตามอง หมู่แมกไม้เขียวขจีร่มรื่น นกน้อยที่บินเกาะอยู่บนกิ่งไม้ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว อุทยานแห่งนี้ไม่ต่างจากอุทยานอื่นในวังหลวง ทว่าที่นี่สงบเงียบ ให้ความรู้สึกน่าค้นหาราวกับเป็นอุทยานลึกลับอย่างไรอย่างนั้น แสงอาทิตย์อ่อน ๆ โอบล้อมรอบทิศ รอบด้านเงียบสนิทประหนึ่งมีเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง ท่ามกลางบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน เขาประสานมือนางแน่น เถาวัลย์ที่คดเคี้ยวเกี่ยวพันต้นไม้ใหญ่ราวกับกำลังโอบกอดปลอบโยนหัวใจนางที่ยามนี้กำลังเต้นรัวเร็วไม่หยุด ไออบอุ่นจากร่างกายเขาแผ่ซ่านจากฝ่ามือแล่นพรูเข้าสู่หัวใจ แม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่เขาแสดงออกมาในวันนี้ทำให้นางรู้สึกสุขใจอยู่ไม่น้อย “เจ้าอย่าได้โกรธท่านแม่ไปเลย...รู้หรือไม่” ถ้อยคำแรกที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากของเขาราวกับเสกโลกใบนี้ให้หยุดหมุน นางหลุบตากล่าวตอบเสียงแผ่วเบา “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ” “ท่านแม่ผ่านเรื่องราวมามากมาย เกิดเหตุการณ์แปลกใหม่ในรั้ววัง ย่อมหวาดระแวงเป็นธรรมดา” “เรื่องนั้นหม่อมฉันทราบดีเพคะ” ซือลี่หยางเพียงตอบออกไปสั้น ๆ หาใช่ต้องการเสียมารยาท ทว่าสมองสั่งการ ฮองเฮาคือมารดาของพระสวามี ไม่อาจพลั้งปากพูดคุยเกี่ยวกับฮองเฮาตามอำเภอใจ หากพูดมากเกินไปอาจสื่อสารคลาดเคลื่อนได้ รังแต่จะนำภัยมาถึงตัว “เจ้าพูดน้อยกว่าปกติ” เขาเอ่ยเสียงขรึม “หม่อมฉันล่วงเกินแล้ว” ซือลี่หยางเอ่ยพลางก้มหน้าย่อเข่าลงคำนับ เยี่ยเทียนใช้สองมือดึงกายนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีดำขลับสุกสกาวแวววับจับจ้องไปที่นางด้วยความประหลาดใจ “ข้าหาได้ตำหนิเจ้าเสียหน่อย” “หม่อมฉันรู้ดีว่า ที่ผ่านมาเคยทำตัวไม่ดีมากมาย แม้แต่เรื่องเผยแพร่ยูโด ท่านพี่ก็สนับสนุนหม่อมฉัน ต่อไปหม่อมฉันจะปฏิบัติตัวดี ๆ จะคิดหน้าระวังหลัง ไม่ทำให้ท่านพี่เดือดร้อนเพคะ” เยี่ยเทียนนิ่งเงียบไป แววตาทอประกายคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เนิ่นนานจึงกดเสียงต่ำถาม “หากข้าตาย…เจ้าจะมีความสุขกว่านี้หรือไม่” สิ้นเสียงเอ่ย รอยยิ้มอ่อนจางบนใบหน้างามของซือลี่หยางก็พลันสลายหายไปทันที นางถาม “เหตุใดท่านพี่ถึงได้ถามอะไรเป็นอัปมงคลเช่นนั้นละเพคะ หากท่านพี่ตาย ข้าจะมีความสุขได้อย่างไร” เยี่ยเทียนกระตุกมุมปากยิ้ม ทว่าแววตากลับนิ่งงันไม่ยิ้มตาม เขาเอื้อมมือไปจับปอยผมของนางทัดหู เสื้อแขนกว้างของเขาปลิวไสวน้อย ๆ ตามแรงลม ดูคล้ายกับเกลียวคลื่นสีเขียวน้ำทะเลที่กระเพื่อมพลิ้วไหวอย่างไร้ทิศทาง “ท่านพ่อพอใจกับการแก้ปัญหาของเจ้ามาก สั่งการให้ข้ามาถามว่า เจ้าปรารถนาสิ่งใดเป็นการตอบแทน” ซือลี่หยางพยายามปรับอารมณ์เป็นปกติ ก่อนจะระบายยิ้มเบาบาง กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอให้ฝ่าบาทสนับสนุนท่านพี่ก็เพียงพอเพคะ” หัวคิ้วของเยี่ยเทียนขมวดมุ่นเข้าหากันแน่น เอ่ยถาม “เพียงสนับสนุนข้าเท่านั้นหรือ” ซือลี่หยางยิ้มน้อย ๆ พลางตอบ “เพคะ หม่อมฉันตบแต่งเข้ามาเป็นชายาขององค์รัชทายาท ไม่มีสิ่งใดที่มุ่งหวังนอกเสียจากความสำเร็จของพระสวามี หากท่านพี่ถามหม่อมฉันอีกเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง หม่อมฉันก็ยังคงยืนกรานที่จะตอบเช่นเดิมเพคะ” นัยน์ตาสีอำพันของเยี่ยเทียนจ้องมองนางอย่างละโมบเหมือนดั่งกำลังคิดหมายจะครอบครองหยกชั้นงามที่ยังไม่ได้เจียระไน เขาฉวยจังหวะตอนที่นางไม่ทันตั้งตัว เชยคางพลางโน้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากบางของนางอย่างรวดเร็ว ซือลี่หยางสะดุ้งตกใจ เซซวนเสียหลักไปด้านหลังเล็กน้อย เพียงครู่ก็ได้สติ ม่านตาจึงค่อย ๆ ปิดลง ร่างกายที่สั่นระริกตอบรับจุมพิตเขาอย่างว่าง่าย รสจูบหอมหวานราวกับกำลังดูดกลืนวาจาอันน่าหวาดหวั่นของเขาเมื่อครู่มลายหายไปจนสิ้นกลายเป็นความอิ่มเอมใจเข้ามาแทนที่ นางรู้สึกหัวใจพองโตราวกับลอยตัวอยู่กลางทะเล ราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบานในใจ สองมือโอบรัดต้นคอเขาอย่างแผ่วเบา ดื่มด่ำอยู่ในห้วงแห่งภวังค์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยามนี้ข้ารู้หัวใจตัวเองแล้ว ภายภาคหน้าเพียงได้อยู่เคียงข้างเขาอย่างมีความสุขตลอดไป แม้ว่าอุปสรรคจะยิ่งใหญ่ ข้าก็เต็มใจที่จะพบเจอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม