"มายา ไม่อยากมีชื่อเล่นเหรอ" หมอมะนาวเอ่ยถามหนูน้อยที่กำลังตั้งใจระบายสีบนตัวการ์ตูน
"อะไรนะ" วันนี้ทั้งคู่พากันมางานวัด ดังนั้นแสงสีเสียงจึงตะกาลตา แต่ก็ทำให้การพูดคุยกันแบบปกติกลับได้ยินลำบาก
"ไม่อยากมีชื่อเล่นเหรอ" คนอายุมากกว่าเริ่มตะโกน พอได้ยินชัดจึงเข้าใจหยุดคิดสักพักก่อนจะส่ายหัวเบาๆ และก้มลงระบายสีต่อ
"พี่อยากให้มายามีชื่อเล่น"
"ก็ตั้งให้สิ" มายาทำปากขมุบขมิบ
"อะไรนะ พูดดังหน่อย" แต่มายาก็ยังไม่เปลี่ยน ปกติคนน้องก็พูดเบามากอยู่แล้วแต่ยิ่งวันนี้ เธอไม่พยายามจะพูดดังเลยสักครั้งจนหมอมะนาวย้ายฝั่งไปนั่งข้างมายาและต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้พูดข้างหูแทน
"อ้ะ พูดมา"
"ก็ตั้งให้สิ" คราวนี้มายาจงใจยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ ริมฝีปากแกล้งเฉียดแก้มเนียน
"งั้น พี่ว่า" แต่หมอมะนาวไม่ได้คิดว่าคนข้างๆ จงใจ
"ชื่อมายด์ ดีมั้ย เรียกง่ายด้วย" กระซิบข้างหูมายาอีกรอบ
"อืม" พยักหน้าตอบแค่นั้นด้วยความยินดี
"เจ้านายพวกแกไปไหน" คุณนายใหญ่ของบ้านลงบันไดมาก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที ในบ้านหลังนี้นอกจากสองสามีภรรยาผู้เป็นประมุขของบ้านแล้วก็ยังมีเหล่าบรรดาคนรับใช้ และนักฆ่าฝีมือดีคอยคุ้มกันทั้งคู่เต็มไปหมด แต่วันนี้ดูเบาบางกว่าทุกวัน แถมสามียังไม่อยู่อีก
"ไปทำงานค่ะนายหญิง" คนรับใช้สะดุ้งก่อนจะตอบออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเธอนั่งลงที่โต๊ะปุ้บอาหารมากมายก็เรียงรายมาเสิร์ฟ ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับคำตอบ พอจะทราบสาเหตุที่ผู้คนเบาบาง หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบไม่เร่งรีบก่อนจะเอ่ยถามอีก
"แล้วมายาล่ะ"
"เดี๋ยวตามมาให้ค่ะ"
"ไม่ต้อง! แค่บอกว่าอยู่ที่ไหน" มือเรียวรีบวางแก้วกาแฟลงและเดินออกจากห้องอาหารไปยังเป้าหมายหลังจากรับทราบว่าคนที่ต้องการพบเจออยู่ไหน
"ของเธอทั้งหมดเลยเหรอ" ยืนเอามือไพ่หลังถามออกไปเมื่อเห็นว่าคนยิ้มยากอย่างมายากำลังนั่งลงกับพื้นหรือเรียกว่านอนเล่นกับบรรดาแมวฝก็ว่าได้
"ค่ะ" มายารีบวางลูกแมวลงข้างตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเกรงว่าเจ้านายจะไม่ชอบใจที่เธอเอาเวลางานมาเล่นกับน้องแมวพวกนี้ แต่คุณหญิงศศิกลับนั่งยองๆ ลงและยื่นมือออกไปแตะและจิ้มๆลูกแมวเบาๆ
"มันสกปกค่ะ" กลัวว่านายหญิงจะเลอะเทอะจึงเอ่ยห้าม
"ว้าย! " ไม่ทันไรก็ถูกลูกแมวตัวเดิมข่วนที่เเขนเพราะไม่ทันระวัง ก่อนเจ้าแมวน้อยทั้งหมดจะพากันวิ่งหายไปด้วยความตกใจ ลูกน้องรีบรุดตัวลงนั่งข้างๆ เจ้านายและดึงแขนมาดูอย่างถือวิสาสะ
"ขอโทษค่ะ ต้องล้างแผลก่อน" พยุงตัวคนเป็นนายไปยังก๊อกน้ำที่ใกล้ที่สุด เปิดน้ำออกมาให้ไหลผ่านแผลที่ยาวเป็นทางจากการถูกข่วน
"เคยฉีดยากันบาดทะยักและยากันพิษสุนัขบ้าหรือยังคะ" มายาดูร้อนรน ล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวออกจากกระเป๋าก่อนจะขออนุญาตเจ้านายเช็ดเลือดที่เบาบางลงกว่าเดิมให้แห้งสนิท
"เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลย" เอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนัก เพิ่งจะเคยเห็นคนตรงหน้าร้อนรนจนอยากจะขำกับท่าทางของหล่อน
"ขอโทษค่ะ"
"ไปหาหมอนะคะ หากนายท่านรู้ฉันคงตายแน่" ตายเเน่นอนหากนายท่านรู้ว่าเธอเป็นสาเหตุให้นายหญิงของบ้านเลือดตกยางออก
"เชอะ! ฉันไม่ไปหรอก แมวข่วนแค่นี้ไม่ถึงตาย" รู้สึกหมั่นไส้กับคำพูดของหล่อน ที่ดูจะห่วงตัวเองมากเสียเหลือเกิน เธอเพียงสะบัดหน้าหนีและกุมแผลตัวเองไว้แค่นั้น แต่ก็หันกลับมาใหม่อีกครั้งเพราะได้ยินเสียงบางอย่างจากสมาร์ทโฟนของมายา ที่ตั้งใจส่งให้เธอดู
"ไปก็ได้! " หล่อนตั้งใจดูวิดีโอที่มายาเปิด เป็นภาพผู้ป่วยถูกมัดแขนมัดขา เห่าหอน ดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง สภาพน่ารังเกียจ มันคือผลจากการถูกสุนัขหรือแมวกัดแต่ไม่ยอมรีบรักษา
"เจ็บมั้ยคะ" ถามออกมา เมื่อคนเป็นนายก้าวขึ้นมานั่งบนรถ
"ฉันจะต้องมาอีกสี่ครั้ง แผลเป็นนี่อีก" เธอจำเป็นต้องมาฉีดยาให้ครบจำนวนตามที่หมอสั่ง
"เธอต้องรับผิดชอบ"
"ฉันขอโทษค่ะ"
"ฉันทำไม่เป็นค่ะ" เอ่ยบอกคนเป็นนายภายในห้องครัวใหญ่
"ก็หัดทำสิ ฉันจะขึ้นห้องเสียหน่อย เสร็จแล้วก็ขึ้นไปเรียกแล้วกัน" เธอสั่งให้มายามาส่งที่บ้าน บ้านของตัวเอง แม้เธอจะตัวติดกับนายสินชัยตลอดแต่ก็ไม่ค่อยอุ่นใจและสบายใจนักหากต้องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นเป็นเวลานานๆ หากเขาไม่อยู่ติดต่อกันหลายวันเธอก็จะกลับมายังบ้าน หรือหากเขาอยู่ก็ห้ามเธอไม่ได้เช่นกัน
"คุณมายาทำอาหารเป็นมั้ยคะ" ป้านอมเอ่ยถามออกมา
"ทำแต่ง่ายๆ ได้ค่ะ" มองดูบรรดาวัตถุดิบและเครื่องเคียงยังมองไม่ออกเลยสักนิดว่าจะต้องทำเมนูอะไร
"ไม่เป็นค่ะ เดี๋ยวป้าสอน คุณผู้หญิงชอบทานอาหารไทยและก็ต้องแบบชาววังเท่านั้นนะคะ ซึ่งในระแวกนี้เนี่ย ป้าเก่งที่สุด" คำพูดโอ้อวดของป้านอมทำให้มายายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
"คุณผู้หญิงไม่ชอบไปไหนไกล เธอชอบกลับมาอยู่บ้านและก็ชอบทานข้าวที่บ้าน" พูดไปก็เตรียมข้าวของเพื่อจะทำอาหารให้กับเจ้านายเหมือนอย่างทุกวันที่เจ้านายอยู่บ้าน อาหารมื้อเย็นที่บ้านนี้จะเตรียมกันไวเสียหน่อยเพราะทุกเมนูต้องพิถีพิถันตั้งแต่เครื่องแกง ซึ่งมายาก็ตั้งใจช่วยทำอย่างเต็มที่ ก่อนที่อาหารหลายอย่างจะถูกตักใส่จานป้านอมก็เชื้อเชิญมายาให้ลองชิม
"หืม อร่อยค่ะ" เพราะอร่อยแบบนี้นี่เองเธอถึงกลับมาทานข้าวที่บ้านอยู่บ่อยๆ สังเกตุเห็นนายหญิงไม่ค่อยทานข้าวเยอะคงเพราะแบบนี้ อาหารนอกบ้านจะหรูหราและแพงแค่ไหนก็ไม่อาจสู้ที่นี่ได้
"จำรสชาตินี้ไว้นะคะคุณมายา เผื่อต้องทำให้คุณผู้หญิงทาน" มายาเพียงพยักหน้าตอบและตั้งใจทานทุกอย่าง อย่างจริงจัง
"จวนจะได้เวลามื้อเย็นแล้วล่ะค่ะ" ตักอาหารใส่ถ้วยจานเบญจรงค์อย่างดี ก่อนจะหันมาบอกมายา แต่คนตัวสูงยังนิ่ง
"คะ" แต่พอเห็นใบหน้าพะยักพะเยิดของป้านอมจึงเอ่ยถามออกไปอย่างสังสัย
"ขึ้นไปตามคุณผู้หญิงสิคะ" ก่อนคุณผู้หญิงของบ้านจะขึ้นห้องคนแก่อย่างป้านอมจำได้แม่นกับคำสั่ง
"ฉันเหรอคะ" เธอก็ได้ยินแต่ไม่คิดว่าเป็นตัวเอง
"ค่ะ ปกติคุณท่านจะลงมาเองแต่คราวนี้ท่านคงอยากให้คุณขึ้นไปเรียก" อธิบายออกมาจนมายากระจ่าง
มายาเข้ามาหยุดยืนอยู่ในห้องนอนของคนเป็นนาย ก่อนจะก้าวต่อไป มองดูที่เตียงปราศจากผู้หญิงที่ต้องการจะตามหา
"เธอมาช้า" คุณผู้หญิงของบ้านเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมสีขาวสะอาดตา
"ขอโทษค่ะ" ตอบออกมาอย่างรู้สึกผิด เพราะเผลอตักข้าวสวยทานก่อนคนเป็นนายจนลืมเวลาไปเสียสนิทดีที่ป้านอมเตือน
"ไม่เป็นไร ตามมานี่สิ" เดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องแต่งตัว หล่อนนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเครื่องสำอางและน้ำหอมราคาแพงมากมายวางเรียงราย
"ทาให้ทีสิ ยกแขนไม่ขึ้น" ยื่นขวดโลชั่นให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"ทาทั้งตัว! " ก่อนจะเอ่ยย้ำผ่านกระจกเงา เริ่มจากยื่นแขนข้างหนึ่งให้มายา ส่วนอีกข้างก็เท้าแขนมองท่าทางของลูกน้องไม่วางตา มายากำลังคุมสติตัวเองให้เป็นปกติ ค่อยๆ เทโลชั่นเนื้อละเอียดที่มือ ละเลงลูบไล้ไปที่แขนของคนเป็นนาย
"เบามือหน่อยสิ ฉันเจ็บ" เอ่ยออกมาไม่ได้จริงจังนัก
"ขอโทษค่ะ" คว้ามืออีกข้างของคนเป็นนายมาลูบไล้อย่างเบามือตามคำสั่ง
"ขาด้วย" มายาจำต้องนั่งลงคุกเข่า ยกขายาวๆ ของเจ้านาย ขึ้นมาวางที่หน้าแข้งตัวเอง สายตาพลันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นภายใต้ชุดคลุม พยายามไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่ได้ต้องหันกลับไปมองตลอด
"พอแล้วล่ะ" คนเป็นนายเอ่ยเบรก เพราะรู้สึกว่าเเข้งขาของเธอแทบจะอ่อนเปลี้ยไปหมด ทั้งสายตาและมือที่กำลังลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อคลุมเนื้อดี
"เธอออกไปรอข้างนอก" หันหนีลูกน้องและเอ่ยไล่มายาโดยไม่สบตา
"ฉันยังไม่ได้..." ก็ในเมื่อคนเป็นนายสั่งให้เธอทาให้ทั้งตัว นี่ยังไม่ถึงไหนเลยแค่แขนและขาเพียงข้างเดียว
"ออกไปก่อน! " คราวนี้มายาไม่ได้ดื้อดึง ยอมออกจากห้องคนเป็นนายอย่างว่าง่าย
"นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย" มือข้างขวากำหน้าอกตัวเองแน่นเพราะเเรงสั่นสะเทือนภายในใจทำให้ต้องเอ่ยไล่ลูกน้องออกจากห้อง ดีที่ยังพอมีสติรู้จักยั้งคิด