บทนำ 1-3

4430 คำ
เคยถามตัวเองไหมว่าคุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ตั้งแต่ที่คุณเกิดมา มีสิทธิมองเห็นโลกใบนี้ รายล้อมด้วยคนที่รัก ที่คุณเรียกมันว่าครอบครัว มาถึงตรงนี้ คุณคงจะมองออกแล้วล่ะ ว่าคุณจะต้องอยู่เพื่ออะไร และเพื่อใคร 'ครอบครัว' ที่ทำให้คุณต้องคาดหวัง คาดหวังว่าต้องทำชีวิตให้ดี เรียนสูง หางานที่ดีทำ มีเงินเยอะ เพื่อคุณและครอบครัวจะได้มีความสุขและสุขสบาย ดังนั้นการรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอดก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับฉัน ฉันเกิดมาเพื่อฆ่าและระวังตัวไว้ให้ดี เพราะฉันพรากชีวิตของพวกคุณเพื่อต่อลมหายใจของคนที่ฉันรัก "พ่อจ๋าแม่จ๋า อย่าทิ้งหนูเลยนะจ้ะ หนูไม่อยากอยู่ที่นี่" เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักวัยสิบขวบกำลังยกมือไหว้ขอร้องคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ตั้งใจพาเธอมาที่สถานสงเคราะห์ "กูไม่มีปัญญาเลี้ยงมึง โตขึ้นทุกวันค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น" คนเป็นพ่อพูดด้วยความโมโหทั้งที่ในปากยังคาบบุหรี่ เขาเป็นคนแก่ที่เนื้อตัวไม่สะอาดนักชอบใส่เสื้อลายสก๊อตสีซีดตัวโคร่งเพราะถ้าให้เลือกระหว่างเอาเงินที่หามาได้ไปซื้อเสื้อใหม่หรือการลงทุนกับอบายมุข เขาต้องเลือกอย่างหลัง ไม่แปลกที่ภายในรถกระบะสภาพซอมซ่อจะมีกลิ่นบุหรี่อบอวลไปหมด "แม่จ๋าหนูอยากอยู่กับพ่อกับแม่ อย่าให้หนูไปจากที่นี่เลยนะจ๊ะ" รถกระบะรุ่นไดโนเสาร์ที่เธอมองว่ามันวิ่งช้าจนเต่าสามารถแซงหน้าได้ วันนี้มันกลับเคลื่อนตัวด้วยความเร็วราวกับรถหรูที่เคยเห็นในทีวีของเพื่อนบ้าน เธอคิดแบบนั้นและอยากจะให้มันเสียกลางทางเหมือนกับทุกวัน เธอจะได้ไม่ต้องไปสถานที่แห่งนั้น "มึงต้องไป ยิ่งอยู่ก็มีแต่ทำให้พวกกูตกต่ำ" คนเป็นแม่เสริมอย่างอารมณ์เสียโดยไม่สนใจว่าคนเป็นลูกจะร้องไห้สะอึกสะอื้นส่งเสียงน่ารำคาญจน "มึงบอกมันให้หุบปากเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะตบปากมึง" เขาหันมาตวาดใส่ภรรยาที่นั่งข้างๆ เด็กน้อยที่นั่งมาข้างหลังจึงถูกคนเป็นแม่กดคอลงต่ำ พร้อมกับกร่นด่าให้หยุดร้องไห้แต่ยิ่งร้องหนักไปอีกจนต้องใช้วิธีรุนแรง ไม้แขวนเสื้อที่วางระเกะระกะอยู่ข้างหลังถูกหยิบขึ้นมาและฟาดไปที่เนื้อตัวของคนที่ไม่ยอมหยุดร้องง่ายๆ หลายต่อหลายที จนคนเป็นแม่พอใจ และโยนอุปกรณ์ที่ทำร้ายร่างกายลูกสาวทิ้งไป กว่าเด็กตัวน้อยจะหยุดร้องไห้ก็เล่นเอาหล่อนเหนื่อย "หนูขอโทษ" เด็กน้อยละล่ำละลักพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว พ่อและแม่มักจะมีปากเสียงและทำร้ายร่างกายกันทุกวัน หากวันไหนแม่เข้าบ่อนและเสียเงิน ทั้งคู่ก็จะทะเลาะตบตียิ่งด้วยพ่อติดเหล้างอมแงม ไม่แปลกที่ผีพนันจะมีเรื่องมีราวกับขี้เหล้า และเด็กน้อยที่น่าสงสารจะต้องรับเคราะห์ทุกครั้งเนื้อตัวมีแต่รอยถูกทำร้าย ชาวบ้านระแวกนั้นสงสารและเห็นใจจนต้องแจ้งศูนย์ดำรงธรรมให้เข้ามาช่วยเหลือ พ่อและแม่เธอถูกตรวจสอบและแจ้งข้อหาหลายกระทง และยื่นข้อเสนอให้ส่งเด็กไปที่สถานรับเลี้ยงเพื่อให้เธอได้มีการศึกษาและมีชีวิตที่ดี หรือหากโชคดีกว่านั้นมีคนใจดีรับไปอุปการะ ชีวิตเด็กน้อยอาจจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ "ถ้ามึงรวยกูจะมารับมึง" คนเป็นพ่อพูดออกมาหน้าตาเฉย "หรือเราจะเรียกเงินจากพวกผู้ปกครองพวกนั้นดีพี่ คิดดูนะ พวกมันต้องรวยและกระเป๋าหนักมากแน่ๆ " สองสามีภรรยาเริ่มคิดหาลู่ทางการได้เงิน คำพูดของทั้งคู่เข้าหูคนเป็นลูก สำหรับบ้านอื่นพ่อแม่เป็นเหมือนครูที่คอยสั่งสอนให้ลูกเติบโตเป็นคนดี แต่กลับบ้านนี้ พ่อแม่สอนและสั่งให้เธอเป็นโจรหากสิ่งไหนขโมยได้ เธอก็ต้องทำเพื่อนำเงินไปให้พ่อและแม่ ทั้งคู่คิดว่าเธอมีประโยชน์แค่นี้ ตั้งแต่เกิดมาหนูน้อยไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากคนทั้งสอง มีแต่เสียงกร่นด่า และถูกเฆี่ยนตีเสมอ แต่คนเป็นลูกกลับพยายามเป็นเด็กดีแม้จะไม่ได้รับโอกาสเล่าเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่ก็พยายามหาความรู้ และไม่ขัดใจพ่อและแม่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือตรงกันข้าม ยิ่งวันนี้หนูน้อยตาสว่างกำมือแน่น เธอเป็นแค่เครื่องมือที่พ่อแม่ใช่เพื่อหาเงิน 'อีตัวซวย' คำด่าทอจากพ่อและแม่ก้องดังอยู่ในหู ระหว่างที่ผู้ที่ให้กำเนิดกำลังพูดคุยและวางแผนทางการเงินกันอย่างสนุกสนาน เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งมองไปยังรถที่สวนไปสวนมา ซ้ายมือคือไหล่ทางและคูน้ำ ภายในรถมีผ้าขาวม้าผืนเก่าวางบนกองผ้า หยิบขึ้นมาถือไว้ก่อนจะขยับไปทางด้านหลังของคนขับและลุกขึ้นจัดการคล้องไปที่คอคนเป็นพ่อและทิ้งตัวไปข้างหลังใช้เท้าถีบเบาะ เพื่อช่วยให้มีแรงดึงมากพอ เขาไม่แม้แต่จะพูดหรือร้องออกมาเป็นคำ ได้แต่ตาเหลือก พยายามขยับให้พ้นพันธนาการ แต่ยิ่งขยับกับแน่นขึ้น คนแม่โวยวายพยายามช่วยสามี เอื้อมมือมาดึงผมลูกสาวให้ปล่อย พร้อมกับด่าทอด้วยความโมโหและกลัวตายเพราะขณะนี้รถของพวกเธอกำลังเคลื่อนตัวอย่างน่าหวาดเสียวจนทั้งท้องถนนมีเสียงบีบแตรไล่ตลอดทาง มองดูหน้าลูกสาวที่จ้องเขม็งมาทางเธออย่างไม่วางตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คนแม่รีบปล่อยทันทีด้วยความกลัวไม่เคยเห็นลูกสาวในแบบนี้ เสียงคนเป็นพ่อเริ่มขาดหายตาเบิกโพลง เสียงกรี้ดของคนเป็นแม่เข้ามาแทน ยิ่งทำให้คนก่อเหตุพอใจ แสยะยิ้มออกมา ค้อนในรถถูกหยิบขึ้นมาใช้เพื่อหยุดปากและเสียงอันน่ารำคาญของผู้เป็นแม่จนสีแดงสดของเลือดกระจายเต็มรถ รถกระบะคันเก่าเสียหลักลงคูน้ำและค่อยๆ จมลง เด็กน้อยถูกช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัยเนื้อตัวไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดจากอุบัติเหตุ จะมีก็แค่รอยแผลจากการถูกพ่อและแม่ทำร้าย ก่อนรถจะจมหนูน้อยที่เตรียมการมาอย่างดี เปิดหน้าต่างและรีบหนีออกจากที่เกิดเหตุและยืนดูรถคันเก่าโสโครกจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาด้วยความสะใจ "หนูจ๋า พี่ให้" เงยหน้าขึ้นมาหาคนเรียก ก่อนจะหยิบตุ้กตาตัวเล็กมากอดอย่างไม่ลังเล ใครจะไปลังเลได้ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยน่ามองต่างจากบรรดาคนในชุมชนแออัดที่เธอเคยเจอ "พี่ขอนั่งด้วยนะ" เธอนั่งลงใกล้ๆ ตอนนี้กระบะหลังรถกู้ภัยดูแคบไปทันที "พี่ชื่อมะนาวนะ เป็นหมอ ขอดูแขนได้มั้ย" เด็กน้อยไม่ตอบแต่ยอมยื่นแขนออกมา "ตายแล้ว เจ็บมั้ยเนี่ย" คุณหมอสาวพลิกไปพลิกมาและร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ "งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทายาให้นะ" หยิบหลอดยาในกล่องออกมาอย่างชำนาญก่อนจะค่อยๆ ทาลงไปที่แขนของเด็กน้อย "เสร็จแล้วล่ะ" "พี่ยังไม่รู้เลยนะว่าหนูน้อยคนสวยตรงหน้าพี่ชื่ออะไร" "พี่บอกชื่อพี่ไปแล้วนะ อย่าโกงสิ" เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยตรงหน้ายังเงียบเธอจึงพยายามตื๊อต่อและก็ได้ผล "มายา" ตอนที่สอง มายา และ นายหญิง มายาในวัยเด็ก "น้องไม่พูดคุยกับใครเลยค่ะนอกจากคุณหมอ" คุณครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์รับเลี้ยงพูดกับหมอมะนาว ที่หลังจากพบเจอกับมายาในวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอกับเด็กน้อยยิ้มยากอีกเลย แต่แววตาโศกเศร้าคู่นั้นทำให้อยากกลับมาที่นี่อีก "เดี๋ยวหมอคุยกับน้องเองค่ะ" เธอละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังนั่งหันหลังกอดเข่าอยู่ในมุมห่างไกลจากเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกันที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน หันไปตอบผู้ดูแลก่อนจะเดินเข้าหาและลงนั่งข้างๆ "มายา นี่พี่มะนาวนะ" เธอเพียงเรียกชื่อเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเป็นมิตรแม้จะกล้าๆ กลัวๆ ก็เถอะ สังเกตเห็นคนนั่งหันหลังสะดุ้งเล็กน้อยจึงเอ่ยต่อ "โกรธพี่เหรอ ไม่คุยกันเลย" ก่อนจากกันวันเกิดเหตุ เธอได้ให้สัญญากันคนตรงหน้าว่าจะมาหาบ่อยๆ แต่ก็แค่พูดเพื่อให้เด็กน้อยในวันนั้นยอมอ่อนให้เธอและไม่ดื้อดึงที่จะเข้ามาอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ ไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่ตามที่พูด "พี่มีของมาให้ด้วยนะ" ส่งยางมัดผมสีชมพูให้คนตรงหน้าที่ไม่ขยับเขยื่อนแต่ก็สายตาก็แอบจับจ้องกับสิ่งของที่คนอายุมากส่งมาให้ "ไม่ชอบเหรอ งั้นคราวหน้าพี่ซื้อซื้อฟ้ามาให้แล้วกันคิดว่าจะชอบสีชมพูเสียอีก" ชักกลับมาจนคนอายุน้อยรู้สึกเสียดายแต่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง 'แป๊ะ' เสียงยางมัดผมจากศีรษะคนอายุน้อยขาดฝึง เส้นผมสีน้ำตาลยาวรุ่ยร่ายล่วงสยายเต็มแผ่นหลัง "เดี๋ยวพี่มัดให้นะ" แม้คนอายุน้อยจะไม่ได้โต้ตอบ แต่ก็ยอมให้หมอมะนาวทำตามอย่างที่พูด "พี่ไม่มีหวี อาจจะไม่สวยเหมือนตอนที่มายามัดครั้งแรก" "ถ้าเจ็บก็บอกนะ" หล่อนพยายามทำอย่างเบามือที่สุด "เสร็จแล้ว หันมาให้ดูหน่อยสิ" "อยากเห็นว่าจะสวยหรือเปล่า" แกล้งบอกคนอายุน้อยกว่า ด้วยความเป็นเด็กจึงยอมหันมาหาจนได้ แม้ในใจจะเคืองคนผิดสัญญา "อืม สวยจ้ะ" มายาในวัยทำงาน "นี่คือเมียของฉันและเป็นนายหญิงคนใหม่ของพวกแก" เหล่าบรรดาลูกน้องทั้งชายและหญิงต่างก้มหัวทำความเคารพคนมาใหม่ ไม่บ่อยนักที่นายสินชัยจะพาผู้หญิงเข้าบ้านและแนะนำอย่างเป็นทางการ คุณหญิงศศิคือคนที่สอง หลังจากคุณนายที่หนึ่งเสียไป นายสินชัยก็ไม่ยุ่งกับหญิงสาวคนไหนแบบจริงจังสักคน ลูกน้องทุกคนต่างรู้ดีกับการปฏิบัติตนต่อนายผู้หญิงคนใหม่ "ไอ้ฟูไอ้กลิ่น แกต้องดูแลเมียข้า" เนื่องจากเขาเป็นคนมีอิทธิพลผู้คนนับหน้าถือตาและเกรงกลัวแต่มันก็ตามมาด้วยเหล่าศัตรูที่จ้องจะเล่นงาน ลำพังตัวเขาคนเดียวก็พอจะเอาตัวรอดได้ แต่ตอนนี้มีภรรยาที่เข้ามาเชิดหน้าชูตาและเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมการและระวังความปลอดภัยให้คนรัก "อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น" เสียงคุณผู้หญิงคนใหม่เอ่ยขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก "ช่างมันปะไร ถ้าใครกล้ามองจะควักลูกตามันให้" สายตาสารถีอย่างมายาหลุบต่ำลงที่พื้นทันที เธอพาเจ้านายทั้งสองกลับมาถึงหน้าประตูบ้าน กำลังจะลงรถเพื่อคอยอำนวยความสะดวกแต่ดันถูกนายสินชัยบังคับให้นั่งอยู่ในรถก่อน "ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะพี่ชัย" เธอตีมือลงไปที่อกกว้างของคนที่เป็นสามีอย่างไม่จริงจังนักแต่ไม่นานเสียงพูดของทั้งคู่ก็ขาดห้วง มีแต่เสียงครวญครางของทั้งคู่แทน มายาจำต้องทนนั่งอยู่ในนั้นโดยไม่เต็มใจแต่ก็ต้องยอมทำตาม ตั้งแต่มีนายหญิงในบ้านเจ้านายของเธอก็ไม่ค่อยออกไปไหน อยู่ติดบ้านตลอดจนผู้คนต่างซุบซิบนินทา "ข้าว่านายเราโดนของว่ะ" หนึ่งในบรรดาบริวารรับใช้พูดขึ้น "ข้าก็ว่างั้น ได้ข่าวว่าโอนทรัพย์สมบัติให้นายหญิงจนหมดใช่มั้ยวะมายา" หันมาถามมือขวาของนายใหญ่เพราะเธออยู่ใกล้ชิดเขาตลอด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ซึ่งทุกคนต่างรู้นิสัยเธอดีจึงไม่คิดเซ้าซี้ อย่างน้อยการที่เจ้านายอยู่บ้านเธอก็ไม่ต้องเหนื่อยออกไปข้างนอกแถมได้เอ้อระเหยกินข้าวและขนมนมเนยในครัวอย่างสบายใจ จนสามารถเดินออกมาเล่นกับบรรดาแมวที่เธอเลี้ยงไว้ "ขอโทษค่ะ" มายารีบลุกขึ้นยืนก้มหัวให้คนมาใหม่ทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร และขอตัวเดินออกไปจากตรงนั้น "เดี๋ยว! " เสียงนายหญิงของบ้านเรียกเธอ จึงจำเป็นต้องหยุดฝีเท้าและหันมา "ฉันยังไม่ได้ให้เธอไป ไร้มารยาท" ไม่ค่อยชอบใจนักที่มือขวาของสามีเอาแต่ก้มหน้าและหนีที่จะเผชิญหน้ากับเธอไม่เหมือนกับลูกน้องคนอื่นๆ "ขอโทษค่ะ" รีบเอ่ยขอโทษแต่ไม่วายก้มหน้า "เงยหน้าขึ้น! " คนเป็นนายสั่งเธอจึงต้องทำตาม "ไปได้" แค่เพียงได้เห็นสายตาและใบหล่อนเต็มๆ ตา ก็ทำให้นึกถึงใครบางคน 'ลูกสาว' ที่น่ารักของเธอ มายาเป็นผู้หญิงสวยผิวพรรณและทรวดทรงดีช่างน่าอิจฉา แต่กลับถูกปิดบังเสียมิดชิดด้วยชุดสูทตัวยาว วันนี้เธอได้เห็นใบหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับแววตาที่ดูโศกเศร้าของผู้หญิงที่เพิ่งเดินห่างออกไปยิ่งทำให้อยากรู้จักมากขึ้นเพราะมันช่างมีเสน่ห์ แม้หล่อนจะไม่ค่อยพูดหรือช่างเจรจาเหมือนกับสาวๆ ในวัยนี้ ที่เธอพบเจอมาก็เถอะ "พี่สินคะ ถ้าน้องขออะไรพี่ก็จะให้ใช่มั้ย" ศศิ หรือคุณหญิงศศิ ที่ใครๆ ต่างเรียกกันแบบนั้นเพราะอดีตเคยแต่งงานกับเจ้าสัวมหาเศรษฐี เธอจึงเป็นที่นับหน้าถือตา และพอเขาตายทรัพย์สมบัติที่มีก็เหมือนเป็นเครื่องการันตีตำแหน่งจนได้มาพบรักครั้งใหม่กับนายสินชัย ยิ่งต่อบารมีและเงินทองไปอีก "แน่น่อน สำหรับน้องพี่พูดคำไหนคำนั้น" ทั้งคู่ไม่เคยตัวห่างกันเลย เมื่อนอนอยู่บนเตียงราวกับเป็นรังรัก คอยกกกอดกันทั้งวันทั้งคืน "น้องอยากได้มายา" เขาผงกหัวขึ้นมาทันทีและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเหมือนที่เคยเอ่ยกับบรรดาลูกน้อง "หมายความว่าไง ไอ้สองตัวนั้นมันทำรุ่มร่ามกับน้องเหรอ พี่จะจัดการมัน! " แต่มีหรือที่คุณหญิงศศิจะกลัว เธอรู้ทางผู้ชายคนนี้ดี มือเรียวยาวค่อยๆ ลูบไล้อกกว้างของคนข้างกายราวกับคอยดับอารมณ์ร้อนให้เย็นลง "ไม่ค่ะ น้องแค่รู้สึกอายหากมีผู้ชายมาคอยเดินตามตลอด เวลาน้องช็อปปิ้งเลือกซื้อซื้อเสื้อผ้าหรือชุดชั้นใน พวกมันก็ต้องเห็น" เขาเริ่มคิดตาม "แต่ถ้าเป็นผู้หญิงน้องก็วางใจ" "โถ! ที่แท้ยอดรักของพี่อายนี่เอง" "พี่ขอคิดดูก่อนนะ เพราะมายาเป็นมือดีของพี่หรืออาจจะหาผู้หญิงมาให้น้องแทน" "ถ้าในเมื่อมายาเป็นมือดีของพี่แล้วทำไมไม่ให้น้องล่ะคะ พี่ไม่รักน้อง อยากให้น้องตายหรือไง" คราวนี้เริ่มแสร้งทำน้ำเสียงน้อยใจ ราวกับจะร้องไห้ "โอ๋ๆ ก็ได้จ้ะพี่ยอมน้องทุกอย่าง" หล่อนกลับมายิ้มอีกครั้งอย่างผู้ชนะ รู้สึกชนะทุกครั้งที่ได้ควบคุมผู้ชายคนนี้ ตอนที่สาม ห้องลองชุดกับนายหญิง&กลิ่นหอมๆ ของหมอมะนาว "อยากได้อะไรมั้ยฉันจะซื้อให้" หันไปถามคนที่กำลังหิ้วของพะลุงพะลัง "ไม่ค่ะ" "งั้นก็ตามมา! " เธอเริ่มหงุดหงิด คำถามว่า อยากได้อะไรมั้ยฉันจะซื้อให้ ออกจากปากหล่อนหลายต่อหลายครั้งในวันนี้ เธอพยายามเอาใจลูกน้องแต่คำตอบที่ได้แต่ละครั้งไม่น่าพอใจนัก "เข้ามาสิ" หันไปสั่งลูกน้องที่ยืนนิ่งหน้าร้านไม่ยอมขยับ "ฉันรอข้างนอกดีกว่าค่ะ" ร้านอาหารหรูหราแบบนี้เธอไม่อาจเข้าไปได้เนื่องด้วยไม่สมฐานะผู้ต้อยต่ำและอีกอย่างไม่ควรร่วมโต๊ะกับเจ้านาย เธอแค่ยืนเฝ้าหน้าห้องอาหารก็พอ "ฉันสั่งให้เธอเข้ามา! " "นั่งลงสิ จะยืนค้ำหัวอีกนานมั้ยไม่มีใครสั่งใครสอนหรืออย่างไร ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่เนี่ย" เมื่อเข้ามาภายในห้องอาหารที่ถูกจองไว้เป็นการส่วนตัว คุณหญิงศศิก็ลงนั่งบนเบาะนุ่มที่พื้น เธอชอบทานอาหารญี่ปุ่นเป็นที่สุดและบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบญี่ปุ่นโดยแท้แบบนี้เธอยิ่งชอบ ต่างจากมายาที่ดูไม่ชินปกติเเล้วหากเจ้านายทั้งสองมาด้วยกันเธอเพียงยืนรอหน้าห้องแต่คราวนี้กลับถูกเชื้อเชิญจะเรียกเชิญก็ไม่ได้เพราะตอนนี้เธอเข้ามาเพราะถูกบังคับ "นั่งตรงข้ามนั่นแหละ" เมื่อเห็นว่ามือขวาของสามีที่ตอนนี้ถูกยกให้มาเป็นผู้ติดตามของเธอ กำลังเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูกจึงเอ่ยบอก "ค่ะ" เธอนั่งลงตามตำแหน่งที่คนเป็นนายสั่ง ไม่นานอาหารก็เริ่มเสิร์ฟ บรรยากาศข้างในไม่ได้ร้อนมาก แต่คนตรงข้ามเธอกำลังค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อและบ่นออกมาเนื่องด้วยบรรยากาศที่เธอว่าร้อน "เดี๋ยวฉันแจ้งพนักงานให้ปรับอุณหภูมิให้ค่ะ" เป็นการดีกว่าหากจะช่วยให้หล่อนไม่ต้องปลดกระดุมไปถึงไหนต่อไหน ปากเอ่ยเสนอคนเป็นนายแต่สายตากลับจ้องเนินอกที่โผล่พ้นบราอย่างไม่วางตา "ไม่ต้อง" คุณหญิงศศิเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจังนัก ทั้งยังเริ่มสงสัยกับสายตาของลูกน้องที่ปกติหล่อนมักจะไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่คราวนี้กลับมองอย่างอื่นแทน "มองหน้าอกฉันเหรอ" ถามออกไปอย่างสงสัยไม่ได้มีน้ำเสียงโกรธเคืองแต่อย่างใด "ขอโทษค่ะ" เธอรีบก้มหน้าต่ำลงทันที ยิ่งทำให้คนเป็นนายแน่ใจ "ไม่เป็นไร ใครๆ ก็ชอบมองหน้าอกฉัน ไม่มองสิแปลก" คำตอบของมายาทำให้หล่อนพอใจ "เงยหน้าได้แล้ว ฉันหิวและก็ไม่ได้ให้เธอมานั่งก้มหน้าระหว่างฉันกิน" อาหารอีกเซ็ทถูกเสิร์ฟตรงหน้ามายา มายาในสถานรับเลี้ยง เธอได้รับการศึกษา จากเด็กหญิงวัยสิบขวบตอนนี้ผ่านไปห้าปีแล้ว แม้จะเรียนช้ากว่าเพื่อนแต่มันสมองและความเฉลียวฉลาดกลับแซงหน้า และคนที่ทำให้เด็กเย็นชาแววตาโศกเศร้ากลับมายิ้มแย้มแจ่มใสจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากคุณหมอมะนาว ที่คอยแวะเวียนมาหาราวกับเป็นพี่สาวคนหนึ่ง "ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ พี่รอได้" เห็นเด็กน้อยคนเดิมในวันนั้นที่ตอนนี้สูงขึ้นหลายเท่าแทบจะตัวเท่าเธอวิ่งกระหืดกระหอบมาที่รถ ผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิง มายาไม่ตอบได้แต่ยิ้มเขิน "มีการบ้านหรือเปล่าคะ" รีบพยักหน้าทันที "งั้นไปทำการบ้านกันก่อนค่อยไปเที่ยวนะ" "ค่ะ" รถคันเล็กเคลื่อนตัวออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กปลายทางคือบ้านพักพนักงานของคุณหมอ หมอมะนาวจะมารับมายาไปอยู่ด้วยทุกวันเสาร์อาทิตย์ ราวกับว่าเธอมีลูกติด ไปไหนไปกัน ในทุกวันเด็กน้อยได้แต่เฝ้ารอให้วันหยุดมาถึงเพื่อที่จะได้เจอพี่สาวแสนดี "พี่ขอดูหน่อยนะ" เคลื่อนตัวเข้าใกล้คนที่กำลังตั้งใจทำการบ้านจนหน้าแทบจะชิดกัน เด็กน้อยแอบสูดดมกลิ่นหอมๆ จากคุณหมอ เป็นกลิ่นที่เธอจำได้แม่นและหลงรักหล่อนเข้าไปเต็มเปา เธอพบเจอกันตั้งแต่หมอมะนาวยังเป็นแพทย์ฝึกหัดจนตอนนี้เวลาผ่านไปคุณหมอสาวเรียนจบ ได้บรรจุเป็นคุณหมออย่างเต็มตัวและไม่ลืมที่จะมาหาเธอตามที่เคยสัญญา "เก่งจังเลย ทำถูกหมด" นึกชื่นชม นอกจากเด็กน้อยหน้าตาน่ารักที่นับวันจะสวยขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้นกลับเฉลียวฉลาดอีกต่างหาก "มองแบบนี้อยากได้รางวัลเหรอ" เป็นประจำหากเด็กน้อยตรงหน้ามีเรื่องดีๆ คุณหมอมักจะให้รางวัล "งั้น...ว้าย! " กำลังจะลุกขึ้นจากพื้นตั้งใจจะเข้าในครัวหยิบเพื่อหยิบขนมมาเป็นรางวัลแต่กลับถูกเจ้าตัวเล็กดึงแขนไว้ จนตอนนี้ลงไปนอนทับมายาเต็มๆ "ขอหอมแก้มได้มั้ย" มายาเอ่ยถามหน้าตายโดยมือทั้งสองข้างกอดเอวคุณหมอไว้แน่น ด้วยความใกล้ชิดทำให้คุณหมอรู้สึกเขินอาย พยายามจะลุกออกจากตัวคนข้างล่างแต่ยิ่งขยับยิ่งแน่น สงสัยว่าทำไมเด็กน้อยตัวเล็กถึงเเรงมหาศาลขนาดนี้ "ไม่..." เอ่ยปฏิเสธทันทีแต่คนใต้ร่างกลับไม่ฟังประทับจูบไปที่แก้มเนียนใสของหล่อน คนไม่ทันระวังตัวอย่างคุณหมอตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคุณหมอยังนิ่งก็ได้ใจ ก้มลงหอมอีกหลายครั้งจนพอใจ "โอ้ย! " คนใต้ร่างร้องออกมาทันทีเพราะถูกหยิกที่แขน "ให้แค่หอม ไม่ใช่ให้จับนม! " รีบรุดตัวขึ้นนั่งด้วยใบหน้าบึ้งตึงและลุกขึ้นยืน เดินหายออกไปจากตรงนั้นทันที เธอไม่เคยเห็นท่าทีว่าคนอายุน้อยอย่างมายาจะเข้าหาเธอหรือแตะเนื้อต้องตัวเธอเลยสักครั้งมีแต่เธอเองนั่นแหละที่พยายามจะเข้าหา แต่วันนี้คนน้องมาแปลกหรืออาจเป็นเพราะฮอร์โมนของวัยรุ่น ซึ่งก็อาจจะดีหากมายาแสดงอาการหรือคำพูดออกมาบ้าง ไม่ใช่แค่ยิ้มหัวเราะหรือพูดประหยัดคำ พวกเธอจะได้คุ้นเคยกันกว่านี้ "เธออายุเท่าไหร่" คุณหญิงศศิเอ่ยทำลายความเงียบ "ยี่สิบสองค่ะ" กลืนอาหารลงคอก่อนจะรีบตอบ "ค่อยๆ กินก็ได้ฉันไม่รีบ" เห็นคนตรงข้ามคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม คล้ายว่าหล่อนกำลังสำลักอาหาร "ขอโทษค่ะ" อาจทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจที่เธอเสียมารยาทจึงเอ่ยขอโทษและเช็ดปากก่อนจะก้มลงตักอาหารเข้าปากช้าๆ คนเป็นนายเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู "มีพี่น้องมั้ย ค่อยๆ ตอบก็ได้ไม่ต้องรีบ" กลัวคนตรงข้ามจะติดคออีกจึงเอ่ยเตือนเสียก่อน "มีน้องค่ะ" "อายุเท่าไหร่ล่ะ" "สามขวบค่ะ" คนเป็นนายเริ่มคิดตามก่อนจะถามออกมาอีก "ห่างกันเยอะจัง ทำไมพ่อแม่เธอถึง..." พูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกแทรก "ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน ค่ะ" เอ่ยคลายความสงสัย "อ๋อ แล้วพ่อแม่เธอล่ะ" "ตายหมดแล้วค่ะ" บทสนทนาจบลงเท่านั้นก่อนทั้งคู่จะตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมด "มายาเข้ามาหาหน่อย" ตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่หน้าห้องลองชุด เมื่อเข้ามาภายในกลับเบือนหน้าหนีทันที ก็เจ้านายเธอเล่นเปลือยจนเกือบหมด เหลือเพียงเเพนตี้ตัวน้อย แถมยังไม่คิดอายหรือปิดบังใดๆ "ช่วยฉันใส่ชุดนั้นที" หันมาทางเธอและชี้ไปที่ชุดเกาะอกสีแดงเพลิง แขวนอยู่ตรงประตูทางเข้าที่มายายืนอยู่ ลูกน้องรีบหยิบและส่งให้ทันที รู้สึกประหม่าไม่เคยมีใครมาแก้ผ้าให้เห็นแบบนี้ รู้สึกโกรธกับห้องลองชุด ห้องเสื้อก็ออกจะหรูหราแต่ดันคับแคบจนแค่นายเธอขยับนิดขยับหน่อยก็ชนกันแล้ว รู้สึกโกรธที่ภายในห้องนี้มีกระจกบานโตติดอยู่ทุกอนู ไม่ว่าจะหันหนีไปทางไหนก็เห็นเงาเจ้านายเธอในทุกมุม "มัดเชือกให้ทีมัวทำอะไรอยู่" คราวนี้คนเป็นนายเริ่มส่งเสียงไม่พอใจ จนมายาสะดุ้งและยอมทำตามทันที "รัดแน่นกว่านี้ได้มั้ย" เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเจ็บจึงไม่กล้าออกแรงเยอะ แต่พอถูกสั่งแบบนั้นจึงยอมทำตามอย่างง่ายดาย เชือกที่พันเกี่ยวกันไปมาถูกรูดจนแน่น ตัวคนเป็นนายแทบลอยเพราะเเรงของคนด้านหลัง อยากจะเอ่ยห้ามแต่กลับกลายเป็นรู้สึกชอบแทน "อ๊ะ" เธอร้องออกมาไม่ดังนัก หน้าอกหน้าใจล้นออกมามากกวาเก่าเพราะแรงรัดที่เสื้อกว่าจะผูกเงื่อนเสร็จก็เล่นเอาซะคนออกคำสั่งเหงื่อตก เธอเพียงยืนสำรวจตัวเองในกระจกไม่วายยิ้มออกมาอย่างพอใจกับท่าทางของมายา เธอเอื้อมมือไปด้านหลังพร้อมกับแกะเชือกออกด้วยตัวเอง สำหรับเธอการใส่เเละถอดชุดสวยๆ เป็นเรื่องถนัดอยู่แล้วไม่ต้องเรียกใครหน้าไหนทั้งนั้นให้มาช่วย แต่แค่อยากจะแกล้งคนข้างหลังเท่านั้น ชุดสวยถูกปล่อยทิ้งลงพื้น หันมาหาลูกน้องที่เอาแต่ยืนกุมมือและก้มหน้า คว้ามือทั้งสองข้างของมายาไว้แน่นก่อนจะวางไว้ที่หน้าอกเต่งตึงและขนาดใหญ่ของตัวเอง มายาเริ่มหายใจติดขัดแต่ก็ไม่ขัดขืนส่วนลึกข้างในกลับพอใจและชอบสัมผัสนี้ "บีบดูสิ" เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางยั่วยวน "อ๊ะ อย่าบีบแรง" เมื่อไม่ให้บีบแรงอย่างที่ใจอยากจึงก้มลงดูดยอมปทุมถันนั้นแทนทั้งสองข้างสลับไปมาจนเสียงดังอย่างอดใจไม่ไหว คนเป็นนายเริ่มมือปั่นป่ายอยู่ไม่สุขคว้าใบหน้าลูกน้องขึ้นมาหวังจะประกบปากแต่มายากลับรู้สึกตัวก่อนปล่อยมือจากเต้าเนียนสวย ดันไหล่คนเป็นนายให้พ้นตัวและรีบออกจากห้องลองเสื้อทันที "โถ่ นึกว่าจะแน่" คุณหญิงศศิยืนกอดอกอย่างภูมิใจหลังจากมายาออกไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม