“พี่แทนปล่อยวาดนะคะ” หญิงสาวลืมตัว พลั้งเผลอเรียกเขาเหมือนในวันวาน
“อยากให้ปล่อยจริงเหรอ”
คำถามของเขาทำให้ปานวาดพูดไม่ออก ไม่แน่ใจว่าอยากให้เขาหยุดหรือว่าทำต่อ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบเขาก็ทำให้เธอลืมทุกคำถาม ส่งเสียงครางหวานอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉันจะใจดีกับเธอ... แค่ครั้งแรก”
เขาจูบกลีบปากแผ่วเบา ฝากรอยหวามบนลำคอขาว เนินอกอวบอิ่มและหน้าท้องแบนราบ ยั่วยุจนกระทั่งเธอหอบสะท้านจึงเคลื่อนกายกลับมามองตา และค่อย ๆ พาความแข็งกร้าวบุกรุกผ่านความคับแคบ ไม่รีบร้อนเอาแต่ใจอย่างทีแรกแล้ว
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
“ไม่... ไม่ค่อยเจ็บแล้วค่ะ อ๊ะ!”
ปานวาดหลับตาพริ้ม มือเล็กขยุ้มผ้าปูที่นอนยับย่น กัดปากตนเองยามถูกความกระสันเล่นงานจนลืมสาเหตุที่ทำให้เธอยอมอยู่กับเขาตามลำพัง
เธอแค่อยากขอโทษ... ที่ทำให้เขาต้องสูญเสีย
“ขึ้นให้หน่อยสิ”
หญิงสาวทำตามคำสั่ง ไม่ได้ปฏิเสธแม้ว่า ‘ตรงนั้น’ จะเจ็บแสบเจียนคลั่ง เธอทำความผิดและต้องชดใช้ การถูกพรากความบริสุทธิ์แทบเทียบไม่ได้กับเรื่องที่เขาต้องเจอ
“อย่างนั้นแหละ แล้วค่อย ๆ เร่งจังหวะ...”
เสียงแหบพร่าของเขากระตุ้นให้เธอกล้าในเรื่องที่ไม่ควรกล้า สัมผัสของมือสากยามลูบไล้ผิวกายร้อนผะผ่าว ปลุกเร้าความต้องการให้ไต่ระดับสูงจนน่าหวั่นใจ
ปานวาดถดตัวหนียามนิ้วเรียวผละจากการหยอกเย้าป้านสีหวาน เลื่อนต่ำบดบี้กลีบดอกไม้งาม แต่เขากลับใช้มือใหญ่อีกข้างตรึงสะโพกเธอไว้แน่น บนใบหน้าหล่อเหลามีเหงื่อผุดพราย ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าชู้ สลับกับครางต่ำอย่างพึงพอใจ ปานวาดอึดอัดแต่หนีไปไหนไม่ได้เพราะร่างกายยังคงแนบชิดอยู่กับเขา
ส่วนนั้นของเขายังอยู่ในตัวเธอ...
“เธอเก่งกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”
เขาชมหลังจากเธอครางหงุงหงิง แตะปลายทางแห่งความปรารถนาจากการขับเคลื่อนด้วยตนเอง โดยมีเขาขยับตัวสวนแรง ๆ ในจังหวะที่รู้สึกดีเกินห้ามใจ
“วาดไม่ไหวแล้ว”
ปานวาดทิ้งตัวซบอกกว้าง เรียวขาอ่อนแรงจากการขยับกายเนิ่นนาน แต่เขากลับไม่เปิดโอกาสให้เธอพักหายใจ รีบเร่งพลิกตัวคร่อมโดยที่สองร่างยังสอดประสานแนบชิด รัวสะโพกสอบกระแทกกระทั้นอย่างดุเดือดและรุนแรง
“อา... เธอแน่นดีจริง ๆ”
ปานวาดเกลียดที่ร่างกายตอบสนองเขาอย่างเผ็ดร้อน ที่รู้สึกอับอายในตอนแรกไม่เหลือแล้ว มีเพียงความเสียวซ่านที่โจมตีจนแทบหายใจไม่ทัน แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่รู้สึกว่าพอ เธอต้องการให้เขากอดนาน ๆ และมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย แทนความเกลียดชังที่มอบให้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ยามเขาถาโถมใส่เธอจึงไม่ปริปากบ่น โอบอุ้มความเจ็บปวดทางกายไว้อย่างยินดี จนกระทั่งถึงจุดเสียดเสียวที่มากเกินกว่าจะทนไหว เธอก็ข่วนและกัดเขาเพื่อบรรเทาความหวามที่หัวใจเคยปรารถนามานาน
เธอเคยต้องการเขา... แม้จะไม่ใช่แบบนี้ก็ตาม
“วาด...”
เขาครางเรียกเธอเบาๆ รัวบั้นเอวถี่กระชั้นไม่นาน ความกระหายก็พลันแตกซ่าน สายธารสีขาวขุ่นอัดแน่นช่องทางรักที่บอบช้ำ แต่ดูเหมือนคนลงมือไม่ได้สนใจว่าเธอจะเจ็บ ขอแค่ให้ได้ระบายความทุกข์ออกมาบ้างเท่านั้นก็พอ
เขาจูบแก้มเธอแผ่วเบา กลางกายยังฝากฝังตัวตนแนบแน่นไม่ยอมห่าง ริมฝีปากอุ่นจัดกระซิบประโยคที่ทำให้ปานวาดปวดร้าว ขอบตาร้อนผะผ่าว และใกล้ร้องไห้ออกมาเต็มที
“ค่อยหายเครียดขึ้นมาหน่อย”
“คุณแทน...”
ปานวาดเบือนหน้า ผลักอกกว้างที่เคยคิดว่าน่ากอดออกห่าง เตรียมหนีไปให้พ้นผู้ชายที่เห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายความเครียด แต่เขากลับไม่ยอมให้เธอลุกออกจากเตียงง่าย ๆ
“ตามใจฉันอีกหน่อยละกัน...” ทว่าเสียงสะอื้นของปานวาดทำให้คนใจร้ายชะงักไปชั่วขณะ ยอมให้อิสระเหยื่อทางอารมณ์ ถอดถอนความแข็งแกร่งที่ทำให้หญิงสาวทั้งผลักไสและต้องการในเวลาเดียวกัน
“ฉันไม่ชอบคนขี้แย”
“วาดเหนื่อยแล้วค่ะ อยากกลับบ้าน...”
“แต่เสื้อผ้าของเธอขาดหมดแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ “อีกอย่าง... เห็นน้ำตาเธอแล้วฉันมีอารมณ์”
“คุณไม่มีสิทธิ์บังคับวาด”
“ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอตั้งแต่แรก เธอเสนอตัวคลายเครียดให้ฉันเองนะปานวาด เธอเป็นคนตามฉันเข้ามาในห้อง แก้ผ้าต่อหน้าฉัน ยอมให้ฉันเข้าไปอยู่ในตัวเธอ... ขย่มฉัน”
“คุณแทน!”
“แต่ก็ได้ผลนะ ถ้าได้ทำบ่อย ๆ ฉันอาจให้อภัยเธอ ปานวาด ภายในหกเดือนนี้ถ้าเธอมีลูกให้กับฉัน ฉันจะถือว่าเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
“คุณจะไม่โกรธวาด?”
“ถ้าเธอตามใจฉัน คำว่าเกลียดอาจเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่มีความหมายตรงกันข้ามก็ได้นะ ปานวาด”
เขากระซิบก่อนเอนเรือนร่างบอบบางลงบนเตียงกว้างและค่อย ๆ พาอาวุธอันตรายบุกรุกผ่านช่องทางคับแคบที่ทำให้รู้สึกดีจนเกือบลืมเรื่องกวนใจอีกครั้ง
พูดง่าย ๆ ก็คือเซ็กซ์ทำให้เขาหายเครียด
ปานวาดพอได้ยินว่าหากตามใจแล้วเขาจะหายเกลียด เธอก็รีบกลืนก้อนสะอื้นลงอก โน้มใบหน้าหล่อเหลามาจูบอย่างเงอะงะ ปลุกเร้าความต้องการและเพลิงสวาทให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง
กว่าค่ำคืนเร่าร้อนจะจบลงท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว