ปานวาด วราสกุล หัวเราะเยาะตนเองเบา ๆ เมื่อพบว่าถูกทิ้งให้ตื่นขึ้นมาตามลำพัง เธอไม่รู้ว่าควรดีใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขา หรือว่าเสียใจที่ถูกทิ้งไว้ในโรงแรมหรู หลังจากที่เขากินเธอจนอิ่มแล้วดี
‘ฉันจะให้เธอเดือนละแสน... ถ้าท้องจะให้ห้าล้าน ส่วนอีกห้าล้านค่อยว่ากันหลังคลอด’
‘ถ้าวาดไม่ท้อง...’
‘หกเดือนจบ ถ้าไม่ท้องเราก็ต่างคนต่างไป ฉันจะให้อภัยเธอ เรื่องที่เธอทำให้ฉันต้องเสียน้องแพร’
ปานวาดอยากขอเวลาคิดทบทวน แต่เขาไม่อนุญาต กลั่นแกล้งเธอตลอดคืน ทักท้วงว่าไม่ไหวก็ไม่ยอมฟัง ย้ำด้วยว่าเคยพูดไปแล้วว่าจะใจดีแค่ครั้งแรก
เขาตักตวงจนกระทั่งปานวาดหมดแรงหลับไป...
‘อย่างน้อยก็ยังมีชุดให้เปลี่ยน’
หญิงสาวมองดูถุงกระดาษ ข้างในมีเดรสสีดำสนิท นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรบ่งบอกได้ว่าผู้ชายคนนั้นใส่ใจ เขาออกจากห้องตอนไหนเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
‘โง่แบบนี้ก็สมควรโดนแล้ว’
ข่าวลือที่คนพูดทำให้ปานวาดอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ จริงอยู่ว่าเขาเป็นถึงประธานบริษัท ไม่ต้องมีใครช่วยเหลือก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย แต่กระนั้นเธอก็ยังห่วงเขาอยู่ดี
‘ท่านประธานกำลังจะหย่ากับภรรยา’
‘น่าสงสารน้องแพรเนอะ เห็นว่าคุณแม่จะพาไปอยู่ที่เมืองนอก แต่ว่าท่านประธานไม่ยอม... ’
ความห่วงใยที่มีต่อรักแรกทำให้ปานวาดทำพลาดด้วยการขอคุยกับภรรยาที่มีข่าวว่ากำลังจะหย่าขาดจากสามี เธอรอพบหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดปี สอบถามดูเผื่อว่าจะมีหนทางใดที่พอจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของรุ่นพี่ที่เธอเคารพทั้งสองคนได้บ้าง
พิมพ์ลภัส อัครจินดานนท์ ภรรยาของท่านประธานทักทายปานวาดอย่างเป็นกันเอง เช่นเดียวกับวันแรกที่รู้จัก จนกระทั่งถึงวันที่ชวนเธอมาสมัครงานในบริษัทของสามี
‘ช่วงนี้งานหายากจะตาย วาดลองสมัครงานที่บริษัทของแทนสิ เดี๋ยวพี่ช่วยฝากให้’
ปานวาดตกงานหลายเดือนแล้ว เธอตัวคนเดียวและกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่จำความได้ มีเพียงยายที่เลี้ยงดูมาและเพิ่งจากไปเมื่อปีก่อน ยายไม่ได้ทิ้งสมบัติไว้ให้นอกจากบ้านเก่า ๆ แถบชานเมืองที่เธอปล่อยเช่าเพราะไม่กล้าตัดใจขาย ยามพิมพ์ลภัสเสนอทางเลือก เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ
เธอทำงานในแผนกบัญชี เก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใคร เงียบจนกระทั่งวันที่ได้คุยกับพิมพ์ลภัสและยอมรับคำขอว่าจะช่วยพิสูจน์ว่าเขาคนนั้นยังคงเป็นคนดีดังเดิม
‘แทนกลับบ้านดึก น้องแพรก็งอแงทุกวัน พี่เลยคิดว่าเขาคงมีคนอื่น... ความจริงพี่ก็อยากจะจ้างใครสักคนไปลองใจเขาดูนะ ว่าจะยังรักพี่เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือว่าไม่สนใจลูกเมียแล้ว แต่ว่าพี่ไม่ไว้ใจใครให้ไปอ่อยแทน กลัวว่าถ้าแทนเล่นด้วยแล้วผู้หญิงพวกนั้นจะไม่ยอมถอยง่าย ๆ’
‘วาดว่าคุณแทนคงทำงานหนักจนไม่มีเวลามากกว่า พี่พิมพ์อย่าคิดมากเลยนะคะ’
‘ไม่คิดไม่ได้หรอก วาด... วาดช่วยลองใจสามีของพี่หน่อยได้ไหม ถ้าเขาเล่นด้วยกับวาดพี่จะได้จัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อย แต่ถ้าเขาไม่สน พี่ก็จะได้สบายใจ’
หากเป็นสาวสวยหุ่นดีเขาอาจสานต่อและทำให้ครอบครัวแตกแยก แต่กับผู้หญิงที่ไม่โดดเด่นอย่างปานวาด เขาคงไม่เสียเวลามาเล่นด้วย เธอจึงยอมทำตามคำขอเพื่อคลายความกังวลของพิมพ์ลภัส รักษาความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา เพื่อให้น้องแพรวายังคงมีครอบครัวที่สมบูรณ์
‘งั้นวาดจะช่วยพี่พิมพ์เองค่ะ’
ปานวาดตอบรับเพราะคิดว่าเขาคงเมินเฉยไม่ต่างจากหลายปีก่อนที่เธอสารภาพความรู้สึก เขายิ้มให้จาง ๆ และบอกว่าคบหากับพิมพ์ลภัสได้สักพักแล้ว หลังจากรับปริญญาจะบินไปต่างประเทศและแต่งงานกันที่นั่น
เขาบอกด้วยว่าให้เธอตั้งใจเรียน รักษาตัวเองให้ดีและอย่าเชื่อใจผู้ชายง่ายนัก
ทีแรกปานวาดไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างดูรวดเร็ว จนกระทั่งได้เห็นภาพของพิมพ์ลภัสอุ้มทารกในโซเชียลมีเดีย เธอจึงปิดการรับรู้และลบทุกอย่างที่ทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะอกหักเป็นครั้งแรก
กว่าจะลืมเขาได้ก็ใช้เวลาเกือบสองปี
การกลับมาพบกันอีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างน้อยก็สำหรับเขาที่จำเธอไม่ได้ พิมพ์ลภัสต้องเท้าความหลังอยู่นานเขาถึงนึกออก แต่ก็บอกว่าจำรายละเอียดไม่ค่อยได้เพราะเวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว
‘เกือบห้าปีแล้วนะพิมพ์ ผมจำไม่ได้หรอก… ว่าแต่เธออยู่แผนกไหนล่ะ’
‘แผนกบัญชีค่ะ ท่านประธาน’
เขาถามตามมารยาท ไม่ได้พูดต่อให้คนเคยรักชื่นใจ ก่อนขอตัวไปประชุมด่วนอย่างที่ทำเป็นประจำ ส่วนเธอก็กลับไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง ไม่อยู่ในสายตาของเขา ไม่มีความสำคัญให้คนรอบข้างต้องนึกถึงนอกจากเรื่องงาน จนกระทั่งวันที่พิมพ์ลภัสร้องขอว่าให้ช่วยลองใจสามี
ในงานสังสรรค์สัปดาห์ก่อนเธอแต่งตัวเซ็กซี่ตามคำขอของพิมพ์ลภัส แม้จะไม่มั่นใจที่ต้องเผยสัดส่วนเรือนร่าง แต่ปานวาดก็ยอมทำเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนดีจริง ๆ
หญิงสาวจำได้ว่าเข้าไปในเลานจ์สุดหรูย่านทองหล่อ ซึ่งปกติคงไม่ได้รับอนุญาต แต่พิมพ์ลภัสเตรียมการไว้เป็นอย่างดี เธอรอจนกระทั่งแขกของเขากลับไปหมดแล้วจึงตรงเข้าไปทักทายคนที่กำลังดื่มเหล้าต่างน้ำ พอเขาเห็นเธอก็รีบลุกขึ้น แต่เพราะดื่มไปมากจึงทำให้ทรงตัวได้ไม่ดีนัก
ปานวาดเห็นว่าเขากำลังจะล้มจึงรีบเข้าไปประคอง แต่ตัวเขาใหญ่เกินไป สุดท้ายเธอกับเขาจึงล้มลงบนโซฟา ร่างกายทั้งสองแนบชิด สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
‘ฉันขอโทษ… เธอออกไปเถอะ เดี๋ยวคนจะมองไม่ดี’