ปานวาดคิดว่าคืนนี้คงไม่รอดแน่…
เธอแค่ต้องการแสดงความเสียใจกับข่าวร้ายที่ตัวเองมีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น แต่คนสอดรู้สอดเห็นในงานเลี้ยงของบริษัทมีมากเกินไป เขาจึงโน้มตัวชิดใกล้ กระซิบเบา ๆ ว่าให้ตามขึ้นไปบนห้องพักสุดหรูที่เปิดไว้เพราะไม่ต้องการขับรถในยามมึนเมา
เขาเมา… แต่ก็น้อยกว่าคืนที่เกิดเรื่อง
“คำขอโทษมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ…”
“วาดไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ”
“คำว่าไม่ได้ตั้งใจ... ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
คำพูดเรียบเฉยทำให้ปานวาดตัวสั่น แต่ไม่มากเท่ากับสายตาร้อนแรงที่มองมาราวกับตัวเธอนั้นเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดปกคลุมร่างกาย และเท่าที่จำได้ผู้ชายตรงหน้าไม่เคยมองเธอเช่นนี้มาก่อน
โกรธแค้น… อยากทำให้เธอเจ็บไม่ต่างกัน?
“วาดต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธ…”
“เริ่มด้วยการถอดเสื้อ”
“คุณแทน…” ปานวาดถอยหลังสองก้าว ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่เธอเคยแอบรักและบูชาจะพูดเรื่องเหลวไหลแบบนั้นออกมาได้
“ไม่อยากให้ฉันหายโกรธ?”
เขาทิ้งตัวลงบนเตียง หัวเราะเสียงต่ำ กดดันคนฟังอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ มือหนาค่อย ๆ ถอดเนกไทออกอย่างเชื่องช้า ตามด้วยเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เหลือเพียงปราการชิ้นสุดท้ายที่ยังพอปิดบังความดุดันเอาไว้ได้บ้าง
“นอนกับวาดไม่ได้ทำให้ปัญหามันจบหรอกนะคะ”
การต่อรองใช้ไม่ได้ผลกับคนเมา เธอทำได้เพียงรอให้เขาสร่างและยอมอภัยในความผิดที่เธอไม่ได้เจตนา แต่พอได้ฟังคำถาม หัวใจของปานวาดกลับบีบรัดรุนแรง
“เธอไม่คิดจะชดใช้หน่อยเหรอ?”
น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจของเขาทำให้ปานวาดกลืนน้ำลาย ไม่แน่ใจว่าโชคดีหรือร้ายที่ก่อนหน้านี้ได้ดื่มไวน์เพื่อรวบรวมความกล้ามากถึงสามแก้ว
ตอนนี้เธอจึงกล้ามากพอที่จะทำในสิ่งที่เขาต้องการ
“ถ้าวาดยอม คุณจะหายโกรธใช่ไหมคะ?”
“ยอมก่อน...” เขารั้งตัวเธอชิดใกล้ “รายละเอียดค่อยว่ากันทีหลัง”
ปานวาดอยากโทษแอลกอฮอล์ที่ทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เสียงกระซิบนั่นบอกให้เธอถอดเสื้อผ้า ถอดให้หมดและต้องถอดเดี๋ยวนี้ แต่พอเหลือแค่บราเซียกับแพนตี้ตัวจิ๋ว ความกล้าของเธอก็หมดไป
แต่ความใคร่ของเขาไม่ได้ลดลง
“เธอเคยชอบฉันไม่ใช่เหรอ ได้โอกาสแล้วนี่”
เรื่องที่เคยบอกว่าชอบนั้นผ่านมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยเธอยังอยู่ปีหนึ่ง เป็นนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัย ส่วนเขาคือรุ่นพี่ที่กำลังจะเรียนจบ อายุห่างจากเธอสี่ปี
ปานวาดเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ เป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่จำความได้ ตัวเล็กและไม่มีอะไรโดดเด่น ถูกเพื่อน ๆ มองว่าแตกต่างเพราะฐานะยากจน เธอตัวคนเดียวจนได้เขายื่นมือเข้ามาช่วย บอกว่าอย่าแกล้งน้อง อย่าแกล้งเพื่อน
แต่ตอนนี้เขากำลังแกล้งเธอ…
“วาดทำไม่ได้ค่ะ ทำไม่เป็น”
“แกล้งใสซื่อก็ดี ฉันชอบ...”
เขากระชากแขนจนเธอหวีดร้องเบา ๆ และผลักลงบนเตียงกว้าง พลิกตัวคร่อมอย่างชำนาญ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาดูเหยียดหยันมากกว่าเอ็นดู
รังเกียจมากกว่าพึงพอใจ
ปานวาดอยากหนีไปให้พ้นจากความเกลียดชัง แต่เขากลับกระตุกบราเซียเธอขาดติดมือ แสร้งกดจมูกบนแก้ม พึมพำว่าหอม ไม่นานแพนตี้ตัวน้อยก็หายไป และตัวเขาเองก็เปลือยเปล่าไม่ต่างกัน
เธอเบือนหน้าหนี… ไม่กล้ามองความใหญ่โต
“ปิดไฟได้ไหมคะ” ปานวาดรีบคว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย ได้แค่ท่อนล่างก็ยังดี
“มีสิทธิ์เลือก?” เขาแค่นหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่บีบความอวบอัดที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อทำงานตัวใหญ่ จนเจ้าของทรวดทรงนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
“ได้ยินเสียงเธอแล้วรำคาญ เอาเป็นว่าถ้าอยากให้ฉันหายโกรธ คืนนี้ห้ามพูด… ครางได้อย่างเดียว”
“คุณแทน…” ปานวาดทักท้วง แต่เขาไม่ฟังแล้ว
ริมฝีปากหยักที่เคยเอ่ยคำปลอบประโลมในยามที่เธอถูกแกล้ง ยามนี้ทาบทับลงบนกลีบปากนุ่ม เขาขบเบา ๆ เมื่อเธอขัดขืน ส่วนฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปยังเบื้องล่างที่อ่อนไหว บดเบียดปลุกปั่นจนคนไร้ประสบการณ์ถึงกับเบิกตากว้าง พยายามปัดป้องพัลวัน
ปานวาดไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขั้นนี้ คิดแค่ว่าคงถูกด่าหรือแกล้งให้อับอายเหมือนที่เขาต้องเผชิญเมื่อสัปดาห์ก่อน ไม่ใช่ถูกรุกล้ำสุดความยาวของนิ้วเรียว ขยับเข้าออกป่าเถื่อนจนความสาวแสบร้าว อยากหนีไปให้พ้นจากความรุนแรง แต่เรือนร่างสูงใหญ่กลับปิดทางหนีไว้ได้ไม่ยากนัก
“พร้อมนานแล้วนี่นา… ยัยหนูวาด”
หัวใจของปานวาดเต้นแรง สับสน เขาไม่ลืมคำที่เคยใช้เรียกเธอ แต่เขาลืมไปหมดแล้วว่าเธอไม่ได้แค่ชื่นชอบเขา ปานวาดรักจนยอมได้ทุกอย่าง หากคืนนี้เขาต้องการเธอก็คงไม่กล้าขัดใจ
“ค่ะ วาดพร้อมแล้ว”
“ใจง่าย…”
เขากระซิบข้างใบหูเล็กของเธอ พลางโน้มตัวหยิบอุปกรณ์ป้องกันมาสวมอย่างรีบร้อน ดันความใหญ่โตผ่านความคับแน่นอย่างยากลำบาก ปานวาดพยายามข่มความเจ็บปวดกลางกาย แต่สุดท้ายเธอก็ต้องร้องไห้ออกมาเพราะทนไม่ไหวกับความก้าวร้าวที่พบเจอ
“วาดเจ็บ…”
ความอ่อนโยนทะนุถนอมที่ควรจะได้รับในครั้งแรกของการร่วมรักนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับปานวาด เธอได้ยินเขาหัวเราะเบา ๆ ว่าแสดงได้ดีและกระแทกเข้ามาอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็นิ่วหน้าเพราะขยับเขยื้อนลำบากกว่าที่คิดไว้ มือหนาจึงสะบัดผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างออก เร่งรีบถอดถอนตัวตนและสบถออกมาเสียงดัง
“แม่งเอ๊ย!”
นอกจากเสียงสะอื้นแล้ว ปานวาดไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเห็นแววตาของชายหนุ่มตรงหน้าดูคล้ายรู้สึกผิดชั่วขณะ แต่ผ่านไปครู่เดียวเขากลับกระตุกยิ้มน่ากลัว ถอดอุปกรณ์ป้องกันที่มีหลักฐานของความบริสุทธิ์เปื้อนอยู่จาง ๆ พาความอลังการถูไถหยอกเย้าความอ่อนนุ่มอย่างใจเย็น
“ทำไมไม่ใส่…” ปานวาดถามอย่างไม่เข้าใจนัก
“ฉันนึกออกแล้วว่าเธอควรจะชดใช้ยังไงดี”
“อย่าบอกนะคะว่า…”
หญิงสาวไม่อาจซ่อนความหวาดกลัว อยากหนีไปจากผู้ชายที่เคยใจดีกับเธอ อย่างน้อยก็เมื่อหลายปีก่อนที่เขาบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ไม่ต้องกังวลกับการเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องใส่ใจหากใครนินทา ขอเพียงทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อนาคตเธอจะต้องไปได้ดีอย่างแน่นอน
ตอนนี้ปานวาดนึกไม่ออกว่ามันจะดีได้อย่างไร