'ตลอดเกือบสี่ปีที่คบกันมา เรามีความสุขมากเลยนะ ถึงวาจะเอาแต่ใจ งี่เง่า ขี้โมโห ซกมก กินมูมมาม แต่เราคิดว่านั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของวา เพียงแต่ว่าพอเราได้มาเรียนที่นี่ ได้พบเจอผู้คนมากมาย เรารู้สึกว่าเราคิดถึงวาน้อยลงทุกวัน จนในที่สุดเราก็ไม่รู้สึกคิดถึงวาอีกเลย เราเลยอยากส่งเมล์ฉบับนี้มาเพื่อบอกกับวาว่า...เราเลิกกันเถอะ'
วารีและโยธินอ่านเนื้อหาในอีเมล์พร้อมกันก่อนที่จะเงยหน้าสบตากันอย่างงุนงง
"นี่มันด่ากูใช่ไหม" เธอถามโยธิน
"ไม่แน่ใจว่ะ แต่กูว่ามันทะแม่งๆ เหมือนด่าทางอ้อมไงไม่รู้" เขาตอบ
"กะ...ก็นั่นแหละ เห็นไหมล่ะ ฉันบอกเลิกเธอแล้ว ฉันไม่ได้มีชู้หรือว่าคบซ้อนสักหน่อย"
ก้าวหน้าแทรกขึ้น แต่พอเจอวารีตวัดสายตาอันคมกริบและเดือดดาลขึ้นมอง เขาก็รีบดึงรปภ.ทั้งสองคนให้มาขวางหน้าเอาไว้ทันทีด้วยความกลัว
"แกจะบ้าเหรอฮะ! เรื่องสำคัญอย่างการบอกเลิกใครที่ไหนเขาส่งเมลหากัน มันต้องบอกตัวต่อตัวหรืออย่างน้อยที่สุดก็โทรบอกเว้ย อะ เมสเสจก็ยังดี นี่อะไร ส่งเมล! คิดว่าส่งเรซูเม่สมัครงานหรือไง"
วารีโวยวาย เมลนี้คือคำตอบว่าทำไมหลายเดือนที่ผ่านมาเธอถึงติดต่อเขาไม่ได้เลย แต่เพราะเธอเองก็ยุ่งเรื่องงานเลยไม่ได้เอะใจว่าความสัมพันธ์ได้พังไปลงไปแล้ว
"ไม่รู้แหละ เลิกก็คือเลิก เธอจะว่ายังไงก็ช่างแต่ฉันจะเลิก! ผู้หญิงที่อีกนิดเดียวก็จะข้ามเพศไปเป็นผู้ชายได้อยู่แล้วอย่างเธอ ใครมันจะไปอยากได้เป็นแฟนกัน ที่ฉันคบด้วยก็เพราะสงสาร...อึก!!!"
ก้าวหน้าตาถลน ยังพูดไม่ทันจบ ร่างสูงใหญ่ของโยธินก็พุงเข้ามาบีบคอเขาเอาไว้ด้วยมือเดียว รปภ. รีบเข้ามาห้ามและพยายามแยกพวกเขาออกจากกันแต่ก็ไม่เป็นผล
"ถ้าขืนพูดมากกว่านี้ กูเอาตีนยัดปากมึงแน่"
น้ำเสียงของโยธินน่ากลัวจนก้าวหน้าขนลุก เขารีบพยักหน้ารับ ตัวสั่นพร่าเป็นลูกหมา
"อะ...ไอ้โย มึง...ใจ..."
ตุ้บ!
โยธินเหวี่ยงก้าวหน้าลงกับพื้น ก่อนจะหันมาคว้าข้อมือวารีแล้วพาเดินออกจากสนามบิน คนถูกบีบคอจนน้ำตาเล็ดนั่งสำลักอยู่ที่เดิม โดยมีแฟนสาวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
บนรถ
เกิดความเงียบมานานนับสิบนาทีตั้งแต่ที่พวกเขาพากันกลับขึ้นมาบนรถ ต่างฝ่ายต่างมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยยังหาคำพูดดีๆ ที่จะพูดในเวลาแบบนี้ไม่ได้
"มึง..." เอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน
"มึงพูดก่อนเลย" โยธินบอก
"มึงแหละ พูดก่อนเลย" วารีโยนกลับมาที่เขา
โยธินผ่อนลมหายใจเต็มแรงก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยคำถามก่อน
"มึง...เจ็บไหมวะ"
"เจ็บอะไร ที่มึงบีบแขนกูซะแน่นตอนลากกูออกมาอะเหรอ" วารีชูข้อมือข้างขวาให้เขาดู
"ไม่ใช่ กูหมายถึงที่ใจเว้ย ก็โดนทิ้งไม่ใช่ไง คนนี้มึงรักมากด้วยนี่"
วารีนิ่งคิดไปหลายนาที เธอเม้มปากแน่นก่อนจะส่ายหน้า
"ไม่รู้ว่ะ มันไม่ได้รู้สึกอยากจะร้องไห้ หรือไปอ้อนวอนให้เขากลับมา แต่มันรู้สึกแบบ...เหี้ย เกือบสี่ปีของกู เสียดายเวลามากกว่าทำนองนั้น"
วารีตอบสิ่งที่ใจคิด ถึงจะมึนๆ งงๆ ที่จู่ๆ ก็กลายเป็นคนโสด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้เหมือนเมื่อตอนนั้น...
เมื่อเจ็ดปีก่อน
พอคิดแบบนั้น วารีก็หันไปมองโยธินในทันที ความรู้สึกที่เหมือนไม่อยากให้โลกมีวันพรุ่งนี้ และการที่ร้องไห้จนดวงตาบวมเป่ง นอกจากวาเลนไทน์เมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว ก็ไม่เคยมีใครคนไหนอีกเลยที่จะทำให้เธอเป็นได้ถึงขนาดนั้น
"มองหน้ากูทำไม" โยธินถามเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมอง
"กูอยากเมา"
"งั้นไปแดกเหล้ากัน" โยธินสรุปให้
"เดี๋ยวกูโทรตามอีซอล มึงโทรตามพี่เคด้วย พี่เขากลับจากปักกิ่งแล้วไม่ใช่เหรอ บอกว่า...เจอกันที่ห้องมึง"
"ทำไมต้องห้องกูวะ เอาห้องมึงดิ นี่เรื่องมึงไม่ใช่เรื่องกู" โยธินไม่ยอม
"ห้องกูรก อย่างกับมีสงครามในนั้น เอาห้องมึงนั่นแหละ ดีล!" วารีสรุปเองเสร็จสรรพ
โยธินอยากจะแย้ง แต่รู้ว่าแย้งไปก็คงไม่ฟังและสุดท้ายเขาก็ต้องยอมเธออยู่ดี เลยเลือกที่จะเงียบ จะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานเถียงกันโดยใช่เหตุ
วารีหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาซอนย่า หรือที่เธอเรียกสั้นๆ ว่า 'ซอล'
[ ว่าไง ] ซอนย่ารับสาย
"มึง กูโดนทิ้ง"
[ ใคร? ก้าวเหรอ ]
"อือ"
[ เฮ้ย ได้ไงวะ ทำไมอะ ] ซอนย่ายิงคำถามใส่ทันที
"ไว้กูเล่าให้ฟัง มาต้อนรับความโสดของกูกัน แดกเหล้าห้องไอ้โยตอนสองทุ่ม"
[ ได้ๆ ถ่ายแบบเสร็จตอนทุ่มครึ่ง เดี๋ยวรีบบึ่งไปเลย เอาไรไหม กับแกล้มงี้ ]
"เอา พรุ่งนี้กูหยุด ไม่เมาไม่เลิก"
[ จัดไป แค่นี้แหละ ไว้เจอกัน ]
ซอนย่ากดวางสาย วารีเก็บมือถือลงกระเป๋าก่อนจะหันไปทางโยธินที่เพิ่งวางสายเหมือนกัน
"พี่เคว่าไง"
"บอกว่าตกลง เดี๋ยวพี่เคจะซื้อเหล้ามาเอง"
"เยส งั้นไป กลับห้องมึงกัน"
วารียังคงยิ้มแย้มและดี๊ด๊าตามปกติ โยธินแอบยิ้มกับตัวเอง ที่เธอไม่ได้ฟูมฟายอย่างที่เขากังวล
ด้านซอนย่า
ตั้งแต่เรียนจบด้านแฟชั่นจากมหาวิทยาลัยมา เธอก็มาทำงานเป็นสไตล์ลิสต์ให้กับนิตยสารแฟชั่นชื่อดังแห่งหนึ่ง และยังมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อแบรนด์ 'Soll' อีกด้วย
เอี๊ยด
ซอนย่าจอดรถริมถนนในย่านค้าขายเพื่อแวะซื้อกับแกล้ม เธอสวมชุดแฟชั่นสุดล้ำ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยจะรู้จัก กางเกงขาสั้นแบบหนังสีดำสั้นจุ๊ดจู๋และถุงน่องสีดำลายตาราง กับรองเท้าบูธสีดำส้นสูงปรี๊ด แต่งหน้าจัดที่รับกันได้ดีกับริมฝีปากแดงแป๊ดของเธอ
สายตาเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล มันทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อเจ็ดปีก่อน นึกถึงใครบางคนที่เธอไม่ได้เจอเขามาเกือบเจ็ดปีแล้ว
ซอนย่าสะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ออกไป ก่อนจะเดินไปเลือกซื้อของกินมากมายแล้วเดินกลับออกมา ทว่าทันทีที่กลับมาถึงรถ ก็ต้องพบว่ารถได้ถูกตำรวจล็อกล้อไปแล้ว!
"ได้ไงเนี่ย!" ซอนย่าไม่เข้าใจ
มีใบสั่งหนีบไว้กับที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ หญิงสาวมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่ตรงนี้จอดรถได้ก็จริง เพียงแต่ในช่วงเวลานี้คือช่วงห้ามจอด เธอไม่ทันได้สังเกตป้ายที่ระบุเวลา
"บ้าจริง ทำไมต้องตอนนี้ด้วย"
สองมือของหล่อนถือของพะรุงพะรัง เหลืออีกตั้งเป็นสิบๆ กิโลฯ กว่าจะถึงคอนโดฯ ของโยธิน
"ซอนย่า?" เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้น
เจ้าของชื่อหันกลับไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นคนที่เธอเพิ่งนึกถึงไปเมื่อครู่ เขาดูเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะผ่านมาตั้งเกือบเจ็ดปีแล้ว นอกจากจะสูงขึ้น หุ่นล่ำขึ้น ยังดูภูมิฐานและเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อน
"รุ่นพี่..."
"ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่นะเนี่ย จะไปหาโยกับวาใช่หรือเปล่า" ธีรดลยังคงพูดคุยแบบปกติ
เรื่องราวหลังจากที่พวกเขากลับบ้านด้วยกันตอนกลับจากสวนสนุก ทั้งสองคนก็ได้พบว่าตัวเองอยู่คอนโดฯ ที่เดียวกันเพียงแต่คนละตึก ซอนย่าอยู่ตึกเอ และธีรดลอยู่ตึกบี ทำให้ไม่เคยเจอกันเลย
ตั้งแต่นั้นมา เวลาที่บังเอิญเจอกันตอนหลังเลิกเรียน เขาก็จะรับเธอกลับด้วยกันเสมอ หมวกกันน็อคที่ตั้งใจทำมาให้วารี ก็กลายเป็นเตรียมไว้ให้ซอนย่าใช้ไปโดยปริยาย จนกระทั่งสองเดือนต่อมาเขาเรียนจบ ม.6 และต้องย้ายตามมารดาที่แต่งงานใหม่กับสามีคนจีน เลยต้องย้ายไปอยู่ปักกิ่ง ทั้งสองคนเลยไม่ได้พบเจอหรือติดต่อกันอีก
ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะดีขึ้นในตอนนั้นจึงหยุดชะงักลง ต่างคนต่างเดินไปตามเส้นทางในอนาคตของตัวเอง
"ใช่ค่ะ อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่ก็ด้วย"
"ใช่ ฉันแวะซื้อเหล้าน่ะ" เขาชูถุงที่บรรจุขวดเหล้าให้เธอดู
"ฉันซื้อกับแกล้ม" เธอชูถุงฝั่งของเธอเช่นกัน
"แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ หรือว่า...รถเธอเหรอ?" เขาชี้นิ้วไปยังรถที่ถูกล็อคล้อ
"ค่ะ รถฉันเองแหละ ไม่เป็นไร เดี๋ยวโบกแท็กซี่เอาก็ได้"
"จะไปแท็กซี่ทำไม ไปกับฉันสิ ยังไงก็ไปที่เดียวกัน"
"รุ่นพี่เสนอเองนะ ฉันไม่ได้ขอให้ช่วย"
ซอนย่าตอบพลางเสมองไปทางอื่น ธีรดลยิ้ม นึกดีใจที่หล่อนยังนิสัยเหมือนไม่เปลี่ยนแปลง
"โอเค ฉันวุ่นวายเอง เธอไม่ได้ขอร้องอะไรเลย พอใจไหม"
"รู้ตัวก็ดีค่ะ นำไปสิคะ"
ธีรดลยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะดึงถุงในมือเธอไปช่วยถือแล้วเดินนำไปที่รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านในตลาด
"นึกถึงตอนนั้นเลยนะ ถึงเหตุการณ์จะต่างกัน แต่สถานการณ์ก็ประมาณนี้เลย เธอซ้อนท้ายฉัน"
เขาส่งหมวกกันน็อคให้หล่อน ซอนย่ารับไปถือไว้ก่อนจะเอะใจ ที่หมวกใบนี้เหมือนกับหมวกที่เธอเคยใส่เป๊ะๆ
"หมวกนี่..."
"เอ่อ...พอดีหลังจากไปปักกิ่ง ก็ไม่ได้ให้ใครใช้หมวกนี้น่ะ พอกลับมาฉันเลยเอาติดมาด้วย ไม่คิดว่า...จะได้เจ้าของคนเดิมกลับมาใส่"
ธีรดลตอบอ้อมแอ้ม เขาดูประหม่า อาจเพราะซอนย่าเองก็โตเป็นสาวขึ้นและสวยขึ้น ถึงบุคลิกความมั่นใจจะคูณร้อยกว่าแต่ก่อน แต่เรื่องอื่นๆ เธอก็ยังคงเป็นเธอ
"ว่าไง เจ้าหมวกน้อย ได้เจอกันอีกแล้วนะ"
ซอนย่าเอ่ยทักทายหมวกกันน็อค ธีรดลมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู
"รีบไปเถอะ สองคนนั้นรอแย่แล้ว"
พูดจบ เขาก็ตรงเข้ามาดึงหมวกไปจากเธอแล้วจัดการใส่ให้เหมือนที่เคยทำ ซอนย่ายืนตัวแข็งทื่อ ทั้งตกใจและตื่นเต้น
"มะ...ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย"
"ขอบคุณพูดแบบนี้ เผื่อเธอจะลืม"
เขาดีดหน้าผากเธอเบาๆ หนึ่งที ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์รอ ซอนย่าแอบเบ้ปากใส่เขาลับหลัง แล้วค่อยๆ ปีนขึ้นไปซ้อนท้ายเขา สองมือเกาะบ่าทั้งสองข้างเอาไว้