10

2986 คำ
“ก็จริงน่ะสิ! พี่มีรีสอร์ต ไนต์คลับ แล้วก็ฟาร์มโคขุนอยู่ที่เชียงรายด้วย อ้อ! แล้วแม่ของพี่ก็ชอบไปพักอยู่ที่รีสอร์ตเชียงใหม่-เชียงรายครับ” แม่ทัพเอ่ยถึงกิจการและการใช้ชีวิตก่อนหน้าที่จะเจอกัน “วิเศษจังเลยค่ะ” “พี่ชอบอยู่ที่นั่นเพราะอากาศดี ไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนกับกรุงเทพ” “อืม...บางทีหนูก็แอบเซ็งกับรถติด” ช่อเอื้องเอ่ยเสริม “ใช่! ทั้งๆ ที่เป็นเมืองหลวง แต่สายไฟ รถเมล์ รถไฟ กลับไม่เคยพัฒนา นี่ถ้าพี่ได้เป็นผู้ว่านะ หึ! ป่านนี้เจริญไปนานแล้ว” แม่ทัพบอกด้วยสีหน้าที่เริ่มจะตึงขึ้นมานิดๆ “คิกๆๆ” ช่อเอื้องเห็นท่าทีขึงขังของเจ้าชายแล้ว ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะมันช่างเหมือนกับตอนที่พ่อของเธอและลุงศักดิ์นั่งคุยกันเรื่องการเมืองไม่มีผิด “โทษที พูดเรื่องสภาพบ้านเมืองเราทีไรพี่จะหงุดหงิดน่ะ” แม่ทัพรีบบอก กลัวว่าสาวเจ้าจะเบื่อตน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พ่อกับลุงศักดิ์ก็นั่งวิจารณ์กันทุกวันตอนจิบกาแฟก่อนไปทำงาน เลิกงานเสร็จก็ยังกลับมานั่งวิจารณ์กันต่ออีกค่ะ” ช่อเอื้องบอกอย่างขำๆ “แหมะ! นึกว่าอาการแบบนี้เป็นแค่พี่กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม” แม่ทัพหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจหลังได้ฟังคำตอบ” “หนูว่าน่าจะทั้งประเทศมากกว่าค่ะ เดินไปที่ไหนก็ได้ยินแต่เสียงคนก่นด่าอยู่ไม่ขาดสายเกี่ยวกับการบริหารที่ล้มเหลวในยุคที่เหมือนกับไร้สิ้นซึ่งความหวัง” “ใช่ครับ ดีนะที่เอื้องอยากจะไปเรียนต่อที่เชียงราย” “จริงๆ หนูเคยสอบชิงทุนเรียนฟรีได้ค่ะ แต่สละไปแล้วเพราะอยากจะอยู่ดูแลพ่อใกล้ๆ” “อืม...งั้นก็เอาอัฐิของท่านไปเชียงรายด้วยสิครับ” แม่ทัพรีบเสนอ เพราะรู้ว่าสิ่งนี้มีค่าทางใจกับสาวตรงหน้ามากขนาดไหน “ค่ะ พี่ทัพน่ารักที่สุดเลย” ช่อเอื้องฉีกยิ้มหวานก่อนจะลุกเดินไปหอมแก้มคนที่เป็นดั่งเจ้าชายของเธอเบาๆ อย่างรู้สึกขอบคุณในหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่ อีกฝ่ายเมตตา จุ๊บ! “อื้อ...ชื่นใจจัง” แม่ทัพฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ริมฝีปากบางอันอวบอิ่มจรดลง ที่แก้มของตน ช่อเอื้องหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างรู้สึกเขินอาย แต่อยู่ๆ ก็ถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวซะก่อน “อ๊ะ! พี่ทัพจะทำอะไรคะ” เธออุทานอย่างตกใจ “หนูไม่รู้จริงๆ เหรอ?” แม่ทัพกระซิบถามเสียงสั่นพร่า เพราะตอนนี้ไฟปรารถนาของตนกำลังลุกโชนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “ระ...เราทานข้าวกันอยู่นะคะ” ช่อเอื้องรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร จึงรีบเตือน “เดี๋ยวค่อยกลับมาทานครับ” แม่ทัพกระซิบบอกก่อนจะช้อนอุ้มนางฟ้าคนสวยตรงเข้าห้องนอนไปอย่างไม่รอช้า ช่อเอื้องซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง นอกเสียจากให้ความร่วมมือกับคนหื่น และเปิดใจยอมรับหน้าที่เมียอีกฝ่ายยัดเยียดให้ สองวันต่อมา...เชียงใหม่ (งานแต่งของจอมพลกับจีอาน่า) แม่ทัพขับรถเข้าไปจอดในไร่ไปรยาเวศเสร็จ ก็รีบหันไปบอกคนที่ถูกมารดาของตนจับแต่งหน้าทำผมและใส่ชุดเดรสเข้ารูปสีฟ้าอ่อนของแบรนด์ดัง ทำให้ดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิง ซึ่งนั่น...ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก “เอื้องอยู่ใกล้ๆ กับแม่พี่นะ ถ้าใครถามว่าเป็นไรกับพี่ ก็ให้บอกว่า...” “หนูเป็นคู่หมั้นของพี่ทัพค่ะ” ช่อเอื้องฉีกยิ้มตอบอย่างรู้สึกเขินๆ “เก่งมาก อ้อ! ถ้าไอ้ขุนมาหา ให้บอกมันไปว่า...ไปตายซะ! โอเค้?” “คะ...ใครเหรอคะ” เธอขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย “ก็ไอ้ขุนคนที่จ้างเอื้องให้มาแกล้งพี่ไง” “หนูไม่...” ช่อเอื้องกำลังจะตอบ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น ก๊อกๆ “เอื้อง! รีบๆ ลงมาเร็วลูก แม่จะพาไปแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนๆ ของแม่” มาลีนเอ่ยชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อยากจะเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้ให้คนสนิทรู้จัก ใจแทบขาด “ค่ะ” ช่อเอื้องปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างไม่รอช้า “ฝากเอื้องด้วยนะครับแม่” แม่ทัพที่ก้าวออกจากรถอีกฝั่ง หันไปบอกพลางส่งยิ้มให้ไปมารดาที่จะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ไม่ต้องห่วงจ้ะ แม่จะไม่ให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด” มาลีนตอบก่อนจะควงแขนว่าที่ลูกสะใภ้เดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ แม่ทัพมองตามจนกระทั่งเห็นนางฟ้าคนสวยยกมือไหว้ผู้ใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ ตนจึงออกเดินไปยังขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวที่มีขุนพันยืนทำหน้าเลิกลั่กเหมือนว่ากำลังนินทาตนให้ภาคินและจอมพลฟัง “ว่าไงขุนพันเพื่อนรัก สบายดีไหม” แม่ทัพเอ่ยทักทายพร้อมกับจ้องมองใบหน้าสีซีดเผือดของคนที่เอาคืนตนได้อย่างเจ็บแสบ จนกลายเป็นคนมีพันธะไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “แฮ่ๆ หวัดดีเพื่อนทัพ นึกว่าจะไม่มาร่วมงานแล้วซะอีก” ขุนพันฝืนส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้เพื่อนรักที่ทำหน้าดุราวกับ หมา เอ๊ย! สุนัขสายพันธุ์พิตบูลยังไงยังงั้น “มาสิ! ยังไงก็ต้องมา เพราะอะไรรู้ไหม?” แม่ทัพแกล้งส่งสายตาอำมหิต ไปให้ “อะ...อะไรเหรอ” ขุนพันถามเสียงสั่นๆ “เพราะมึงคือคนที่กูอยากเจอที่สุดในงานยังไงล่ะไอ้ขุน” แม่ทัพบอกด้วย สีหน้ามุ่งมั่น “อ้าวๆ เคลียร์กันเองนะ งานนี้กูเป็นเจ้าบ่าว” จอมพลรีบออกตัว “เดี๋ยวกูให้ไอ้โอมขับรถพาพวกมึงสองคนไปเคลียร์กันที่ศาลาท้ายไร่แล้วกัน จะได้ทำอะไรกันสะดวกๆ ที่นี่ผู้ใหญ่เยอะ” ภาคินเอื้อเฟื้อสถานที่ทันที “ไอ้คิน!” ขุนพันหันไปต่อว่าเพื่อนรักอย่างขุ่นเคือง “หึ! วันนี้กูมาอวยพรไอ้จอมกับน้องจีอา แต่พรุ่งนี้กูจะชำระความกับ มึงไอ้ขุน” แม่ทัพที่ได้ที ก็ข่มขวัญต่อ “แฟนสวยนะทัพ” ภาคินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะเห็นผู้ใหญ่กำลังมองมายังที่พวกตนยืนอยู่ “ขอบใจ” แม่ทัพยิ้มรับคำชม “ไปเจอกันที่ไหนเหรอทัพ?” ขุนพันกลั้นใจถามอย่างข้องใจ “กูว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มึงไปชำระความกับกูตอนนี้เลยไหม” แม่ทัพหันไปมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ‘ไอ้เชี่ย! มึงเป็นคนพามายังจะมาถามอีก’ “ไอ้ทัพ! แขกเต็มงานนะมึง จะทำอะไรก็นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เอาไว้ให้เยอะๆ” ขุนพันรีบเอ่ยเตือน “มึงเจอกับน้องเขาที่ไหนเหรอทัพ” จอมพลยิงคำถามแทน เพราะตนก็อยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องราวเป็นอย่างที่ขุนพันสงสัยหรือเปล่า “ถามไอ้ขุนสิ มันน่าจะรู้ดีที่สุด” แม่ทัพบอกอย่างเริ่มหัวเสียนิดๆ เดาว่าอีกฝ่ายคงจะเล่าเรื่องที่แกล้งตนให้กับภาคินและจอมพลฟังไปแล้ว “ทัพ! สาวที่กูจ้างไปแกล้งมึง เป็นพนักงานเสิร์ฟในคลับชื่อส้ม อายุ 28 ปี” ขุนพันเอ่ยสารภาพ “...” แม่ทัพค่อยๆ หันกลับไปมองสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ กับมารดาอย่างเต็มไปด้วยความมึนงง ‘พระเจ้า! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?’ “หนุ่มๆ จ๊ะ ตั้งขบวนกันได้แล้ว” ดวงทิพย์เดินเข้ามาบอกหลังจากที่พูดคุยกับคุณหญิงกังศมาเสร็จ “ครับ / ครับ” จอมพล แม่ทัพ ขุนพันและภาคินขานรับพร้อมกัน “ทัพ! มึงโอเคไหม?” จอมพลถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเพื่อน “กูโอเค” แม่ทัพบอกก่อนจะแสร้งหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาหา “สวัสดีครับอามนัส” “สวัสดีทุกคน ฝากดูแลเจ้าบ่าวด้วยนะ ตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ตีสามเลย” มนัสเอ่ยแซวบุตรชาย “พ่อ!” จอมพลหันไปมองค้อนบิดาที่เอาเรื่องจริงมาพูดให้เพื่อนๆ ฟัง “เหมือนไอ้คินเลยครับ โทรไปปลุกทุกคนให้ตื่นตอนตีสาม” ขุนพันบอกอย่างจำได้ “ไม่ได้เป็นเจ้าบ่าวบ้าง พวกแกไม่รู้หรอกว่ามันตื่นเต้นขนาดไหน” จอมพลบอกพลางกลอกตา “จริง!” ภาคินสมทบตามยิ้มๆ “แต่แม่เห็นขุนตื่นตั้งแต่ตีสองนะ” ดวงทิพย์บอกความลับ “อ้าว! ยังไงเนี่ยเพื่อนเจ้าบ่าว” แม่ทัพหันไปแซว “แหม...น้าดวงครับ ผมหิวข้าว” ขุนพันรีบบอกอย่างรู้สึกเขินๆ “หิวข้าว แต่ต้มกาแฟกินเนี่ยนะ?” มนัสแสร้งถาม “โธ่! ผมก็ต้มเผื่อคุณอากับน้าดวงด้วยนั่นแหละครับ” ขุนพันบอกยิ้มๆ “ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนพากันหัวเราะก่อนจะเดินตั้งขบวนขันหมาก ท่ามกลางความครื้นเครงและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม แม่ทัพแสร้งยิ้มและสนุกกับงาน ขณะที่ภายในหัวใจเกิดคำถามขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพันเกี่ยวกับช่อเอื้องเต็มไปหมด เวลา 22:30 น. หลังจากผ่านพ้นพิธีการต่างๆ จนกระทั่งส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นรถเสร็จ แม่ทัพก็เอ่ยขอตัวแล้วเดินทางกลับเข้าเมืองทันที ท่ามกลางถ้อยคำหยอกล้อของขุนพันและภาคิน แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะสิ่งเดียวที่อยากจะรู้ตอนนี้คือ...ใครจ้างนางฟ้าคนสวยให้มานอนอยู่บนเตียงของตน “พี่ทัพเมาหรือเปล่าคะ” ช่อเอื้องถามอย่างเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ขับรถออกจากงานมาได้เกือบยี่สิบนาที อีกฝ่ายก็เอาแต่เงียบมาตลอดทาง “เปล่าครับ พี่ดื่มไปนิดหน่อยเท่านั้น” แม่ทัพหันไปส่งยิ้มบางๆให้ หลังขบคิดมาได้สักพัก...ว่าจะเริ่มต้นพูดถึงเรื่องนั้นยังไง “มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ช่อเอื้องรู้สึกข้องใจกับท่าทีที่แปลกไป “มีครับ พี่หิวข้าว เดี๋ยวเราแวะหาทานอะไรก่อนดีไหม” “ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะล้วงมือถือออกมาเปิดดูรูปของตัวเองที่ถ่ายคู่กับเจ้าชายสายเปย์ โดยคุณมาลีนอาสาเป็นช่างภาพถ่ายให้ ซึ่งแต่ละรูปออกมาดูดีและสวยราวกับช่างภาพมืออาชีพ 20 นาทีต่อมา...ร้าน Harper แม่ทัพขับเข้าไปจอดยังที่หน้าร้าน ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้นางฟ้าคนสวย ที่วันนี้เปลี่ยนชุดไปสองครั้ง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของงาน “สวัสดีครับบอส” เจต (ผู้จัดการของร้าน) รีบเดินมาทักทายหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเหลือบไปมองหญิงสาวที่ยืนข้างๆ ก็ถึงกับตกตะลึงในความงามไปทันใด “สวัสดี นี่น้องเอื้องคู่หมั้นของฉันเอง” แม่ทัพเอ่ยแนะนำพร้อมกับกลอกตาที่เห็นผู้จัดการร้านจ้องมองนางฟ้าของตนนานเกินสามวิ ‘หึ! มองนานขนาดนี้! เดี๋ยวพ่อก็สั่งเปลี่ยนผู้จัดการคนใหม่ซะหรอก’ “สวัสดีครับคุณเอื้อง ผมชื่อเจต เป็นผู้จัดการของร้านฮาร์เปอร์ครับ” เจตฉีกยิ้มหวานส่งให้อย่างรู้สึกเขินๆ ‘นี่พวกบอสแข่งกันหาแฟนสวยหรือไงนะ ทั้งคุณไวน์ คุณจีอาน่า แล้วก็คุณเอื้อง สวยระดับนางฟ้าทุกคนเลย’ “สวัสดีค่ะคุณเจต” ช่อเอื้องยกมือไหว้ด้วยท่าทีเอียงอาย “โซนวีว่างหรือเปล่า” แม่ทัพถามพลางมองขึ้นไปที่ชั้นสองของร้าน “ว่างครับ พอดีวันนี้มีลูกค้าเหมาโซน เพิ่งจะเช็คบิลกลับไปเมื่อห้านาทีก่อนครับ” เจตรายงาน “ดี! งั้นปิดโซน V ต่อเลยนะ” แม่ทัพรีบบอกเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว “ได้ครับบอส” เจตพยักหน้ารับทันใด “ครัวปิดหรือยัง?” “กำลังจะปิดครับ” “บอกเชฟรอรับออเดอร์ก่อน” “ได้ครับ” เจตขานรับก่อนจะกดสั่งงานผ่านวิทยุสื่อสาร ที่ใช้คุยงานภายในร้าน [เชฟครับ บอสแวะมาที่ร้านรอรับออเดอร์ก่อนนะครับ] [โอเคครับ] หลังเชฟใหญ่ตอบกลับ เจตก็หันไปผายมือเชิญหุ้นส่วนของร้านให้ออกเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง “เชิญครับบอส เชิญครับคุณเอื้อง” ลูกค้าภายในร้านต่างพากันจ้องมองหนุ่มหล่อสาวสวยที่กำลังเดินขึ้นไปยังชั้นVIPอย่างตกตะลึง น้อยครั้งจะเห็นเจ้าของค่ายมวยดังควงสาวแบบเปิดเผยอย่างนี้ แม่ทัพพาสาวเจ้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะเสร็จ ก็หยิบเมนูมาเปิดดู ก่อนจะบอกคน ที่เอาแต่จ้องมองดูนักร้องหญิงบนเวทีด้านล่าจนแทบจะไม่กะพริบตา “พี่สั่งให้นะครับ” “ค่ะ” ช่อเอื้องยิ้มบางๆ อย่างรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับบทเพลง Qing Fei De Yi ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร Meteor Garden รักใสๆ หัวใจ 4 ดวง เวอร์ชั่นไต้หวัน ที่ขับกล่อมด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ แม้ว่าละครเรื่องนี้ถูกนำมาออกอากาศในไทยเมื่อนานมาแล้ว แต่ทว่า...บทเพลง Qing Fei De Yi ก็ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ เช่นเดียวกับ 4 หนุ่ม F4 “ขอฟิเลต์มิยอง มีเดียมแรร์ สองที่กับบรั่นดี ส่วนสปาร์กกิ้งไวน์ ขอแบบหวานหอม ดื่มง่ายๆ มาขวดหนึ่ง อ้อ! แล้วก็เอายำรวมทะเลกับอะไรก็ได้มาอีก 2-3 อย่าง” แม่ทัพสั่งก่อนจะเหลือบมองนางฟ้าคนสวย “ได้ครับ” เจตรับออเดอร์เสร็จก็เดินออกไป ช่อเอื้องฟังเพลงจบ ก็หันมาถามเจ้าชายของเธออย่างรู้สึกเขินๆ เมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องมองหน้าเธอด้วยสายตาแปลกๆ “ร้านของพี่ทัพเหรอคะ” “อืม...เป็นร้านที่พี่กับเพื่อนๆ ในกลุ่มร่วมหุ้นกันครับ” แม่ทัพบอกพลางหันไปมองนักร้องหญิงบนเวทีที่มีคาแรคเตอร์คล้ายกับทอมอย่างรู้สึกแคลงใจ ‘อ๊ะ! หรือว่าน้องเอื้องจะชอบทอมวะ? ทำไมถึงได้มองนักร้องคนนั้นจนไม่กะพริบตา’ “ในร้านมีหุ่นเยอะเลยนะคะ” ช่อเอื้องชวนคุย “ของไอ้ขุนมันน่ะครับ คลั่งหุ่นเหล่าซูเปอร์ฮีโรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” “ราคาคงจะแพงน่าดูเลยใช่ไหมคะ” “พอสมควรครับ สั่งนำเข้า” แม่ทัพพยายามปรับสีหน้าซ่อนความหึงหวงเอาไว้ภายในใจ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดูตึงเครียด “ขออนุญาตครับบอส” พนักงานเสิร์ฟชายเอ่ยหลังยกเครื่องดื่มมาถึง “เชิญ” แม่ทัพพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบบรั่นดีที่พนักงานส่งให้ขึ้นมาแกว่งวนเบาๆ “ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องรับแก้วรูปทรงทิวลิปมาถือ พลางจ้องมองน้ำสีชมพูใสที่มีกลิ่นหอมอย่างรู้สึกอยากจะลิ้มลองขึ้นมานิดๆ “ยินดีครับ” พนักงานชายยิ้มก่อนจะเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์บาร์ “ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” พนักงานหญิงขออนุญาตก่อนจะหยิบเมนูต่างๆ วางเรียงลงบนโต๊ะอาหาร พอเสร็จก็เอ่ยขอตัว “ต้องการอะไรเพิ่มก็เรียก ได้นะคะ” “ครับ” แม่ทัพขานรับก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ “ว้าว! น่าทานจังเลยค่ะ” ช่อเอื้องบอกพร้อมกับจ้องมองอาหารบนโต๊ะอย่างรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ เพราะตอนอยู่ในงานแต่งเธอทานอะไรไม่ค่อยลง รู้สึกเหมือนถูกใครต่อใครจับจ้องอยู่ตลอดเวลา “เดี๋ยวพี่หั่นสเต๊กให้ครับ” แม่ทัพลงมือหั่นเนื้อนุ่มๆ เป็นชิ้นขนาดพอดีคำ “ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องส่งยิ้มหวานให้เจ้าชายสุดหล่อที่เทคแคร์เธอดุจดั่งเจ้าหญิง ก่อนจะสอบถามถึงเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ “มันจะทำให้เมาไหมคะ?” “นิดๆ ครับ น้องเอื้องเมาได้เพราะมีพี่ดูแลอยู่ใกล้ๆ” แม่ทัพบอกจบก็ยก สเต๊กที่หั่นเสร็จขึ้นสลับกับจานของสาวเจ้า “ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องจิบเครื่องดื่มที่ถืออยู่อย่างรู้สึกตื่นเต้น “อื้ม...รสชาติคล้ายๆ กับน้ำผลไม้ แต่ออกซ่าๆ” “หึหึ!” แม่ทัพหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหั่นสเต๊กของตนเองต่อ “พี่ทัพมีอะไรจะถามเอื้องไหมคะ” ช่อเอื้องทำใจกล้าเปิดประเด็น “มีครับ” แม่ทัพวางมีดและส้อมลงทันใด “ถามมาได้เลยค่ะ” “ใครเป็นคนจ้างน้องเอื้องให้มาแกล้งพี่” “พี่ส้มค่ะ เขาอยู่ในชุมชนที่เอื้องอยู่ แล้วทำงานในไนต์คลับ เขาโทรมายื่นข้อเสนอให้เอื้องไปแกล้งนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงกับพี่ทัพ แล้วก็ให้เงินค่าจ้างเอื้องมาหนึ่งหมื่นบาท ตอนแรกเอื้องก็คิดว่าจะปฏิเสธ แต่ด้วยความที่อยากจะซื้อรถเข็นไฟฟ้าให้พ่อ ก็เลยรับงานค่ะ” ช่อเอื้องบอกตามตรง “แล้วตอนนี้ยังคุยกับคนที่ชื่อส้มอยู่ไหม” แม่ทัพถามด้วยสีหน้านิ่งๆ “ไม่ค่ะ ตั้งแต่วันนั้น พี่ส้มก็หายไป ไม่รับสาย ไม่ตอบแชตไลน์ของเอื้อง วันก่อนลองถามป้านิล เขาบอกว่าพี่ส้มหนีไปอยู่กับแฟนแล้ว” “เพื่อนพี่จ้างห้าหมื่น ยังดีนะที่เขาให้เอื้องหมื่นหนึ่ง แต่ก็ยังเลวที่เอาเปรียบเอื้องอยู่ดี” แม่ทัพบอกสิ่งที่รู้มาจากขุนพัน ขณะเดียวกันก็ให้คนสนิทตามสืบเรื่องของหญิงสาวที่ชื่อส้ม “...” ช่อเอื้องได้ฟังก็ถึงกับพูดไม่ออก “ทานข้าวกันดีกว่าครับ” แม่ทัพเปลี่ยนเรื่องคุย กลัวว่าสาวตรงหน้าจะ รู้สึกแย่ “ขอบคุณพี่ทัพมากๆ นะคะที่บอกความจริงกับเอื้อง” ช่อเอื้องบอกก่อน จะดื่มแชมเปญจนหมดแก้ว “ช่างมันเถอะครับคนดี ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ไม่ต้องไปสนใจที่ไปที่มา สนแค่เรามีกันก็พอ” แม่ทัพส่งยิ้มหวานไปให้ “ค่ะ” ช่อเอื้องยิ้มตอบก่อนจะลงมือทานสเต๊กที่อีกฝ่ายหั่นให้อย่างรู้สึกผ่อนคลายที่ได้เปิดอกคุยกันตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม