ทันทีที่เห็นผู้ใหญ่ออกมาต้อนรับ แม่ทัพก็รีบยกมือไหว้และเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับลุงศักดิ์”
“สวัสดีค่ะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้อย่างรู้สึกเขินๆ ที่มากับชายหนุ่มซึ่งอยู่ในสถานะที่เรียกว่า...คนรัก
“สวัสดีครับคุณทัพ หนูเอื้อง มาทานข้าวด้วยกันครับ เย็นนี้นิลทำน้ำพริกกะปิ ปลาทับทิมทอดกระเทียม ไข่เจียว แล้วก็ต้มจืดครับ” คงศักดิ์รับไหว้หนุ่ม-สาว ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะทานอาหารด้านในบ้าน
“ว้าว! กับข้าวเยอะจังเลยค่ะ” ช่อเอื้องมองกับข้าวที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะอย่างรู้สึกทึ่ง และแอบเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้มาช่วยทำเพราะดันเผลอหลับไป
“ป้าไม่รู้จะถูกปากคุณทัพหรือเปล่านะคะ” นิลยารีบบอก เพราะแอบเข้าไปส่องเฟซบุ๊กเจ้าของค่ายมวยดังมา แล้วเห็นอีกฝ่ายใช้ชีวิตแบบหรูหรา ก็เลยกลัวว่าจะกินอาหารเมนูที่แสนจะธรรมดาไม่ได้
“ผมทานได้ครับไม่ต้องห่วง” แม่ทัพนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้างๆ กับช่อเอื้อง
“คุณทัพครับ ผมเห็นข่าวเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่ทราบว่า...คุณหิรัญจะขึ้นชกกับคุณไดอิจิจริงๆ เหรอครับ” คงศักดิ์สอบถามเรื่องการขึ้นชกของสองนักธุรกิจชื่อดัง ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า
“จริงครับ ผมเอาบัตรมาให้ลุงศักดิ์กับป้านิลด้วยนะครับ” แม่ทัพยิ้มก่อนจะล้วงบัตรการเข้าชมให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง
“บัตรวีไอพี” คงศักดิ์รับบัตรมาถือมือไม้สั่น ก่อนจะส่งไปให้ภรรยาดูอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณทัพ” นิลยาฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ เพราะเคยดูแต่การชกผ่านโทรทัศน์ที่บ้าน ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปดูการชกบนสังเวียนสดๆ มาก่อน
“ผมจะจุดธูปเรียกชัยไปดูด้วยกันครับ” คงศักดิ์บอกพลางนึกไปถึงเพื่อนที่ชอบนั่งดูมวยด้วยกันเป็นประจำ พออีกฝ่ายเสียไป ก็รู้สึกเหงาและเคว้งอย่าง บอกไม่ถูก
“พ่อต้องตามลุงศักดิ์ไปแน่ๆ เลยค่ะ” ช่อเอื้องเอ่ยสมทบตามอย่างเห็นภาพ
“อืม! ถ้าลุงชวน ชัยเขาไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว” คงศักดิ์บอกอย่างเห็นด้วย
แม่ทัพหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสริม “วันชกผมจะให้คนสนิทมารับ ที่บ้านครับ”
“เอ่อ...จะรบกวนคุณทัพมากเกินไปหรือเปล่าคะ” นิลยาถามอย่างเกรงใจ
“รบกงรบกวนอะไรครับป้านิล เราคนกันเองทั้งนั้น หากอยากจะไปดูการชกนัดไหนก็บอกมาได้เลย ผมจะให้เด็กมาดูแลเป็นพิเศษครับ” แม่ทัพส่งยิ้มให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง
“ขอบคุณค่ะ/ ขอบคุณมากๆ ครับ” นิลยากับคงศักดิ์บอกอย่างซาบซึ้งใจ แต่กระนั้นก็คงจะไม่กล้ารบกวนอีก เพราะแค่นี้ก็เกรงใจอีกฝ่ายจะแย่อยู่แล้ว
ช่อเอื้องอมยิ้มที่เห็นเจ้าชายของเธอเอาใจผู้ใหญ่ทั้งสอง นี่ถ้าหากบิดาของเธอยังอยู่ เขาก็คงจะดูแลเอาใจท่านเป็นอย่างดีแน่ๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ช่อเอื้องก็ช่วยนิลยาเก็บจานไปล้าง ส่วนคงศักดิ์ก็ชวนหนุ่มหล่อไปนั่งดื่มและพูดคุยกันต่อที่ด้านนอก
“เรื่องบ้านเช่าของเอื้อง คุณทัพคิดว่ายังไงครับ” คงศักดิ์ที่จัดยาดองไปสามโบก เอ๊ย! สามแก้วช็อต ก็เปิดประเด็นอย่างไม่รอช้า
“อืม...ผมคิดว่าจะเช่าต่อครับ แล้วก็จะจ้างป้านิลกับลุงศักดิ์คอยดูแลให้” แม่ทัพบอกความตั้งใจให้ผู้ใหญ่ทราบ
“ดีเลยครับ บ้านเช่าหลังนี้ชัยต่อเติมไปเยอะเลย เพราะเป็นห่วงกลัวจะมีใครมาทำอะไรเอื้องตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน” คงศักดิ์บอกอย่างโล่งใจ เพราะอย่างน้อยหากในอนาคตเกิดอะไรขึ้น ตนก็อยากจะให้ช่อเอื้องกลับมาอยู่มาใกล้ๆ หู ใกล้ๆ ตา เหมือนแต่ก่อน
“ครับ ผมเห็นห้องนอนของน้องเอื้องแล้ว ก็พอจะเดาความคิดของท่านได้”
“ยังไงก็ฝากคุณทัพดูแลเอื้องด้วยนะครับ เธอเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย กิริยาก็เรียบร้อย”
“เรื่องนี้ลุงศักดิ์ไม่ต้องห่วงครับ ผมขอให้สัญญาว่าจะดูแลเอื้องเป็นอย่างดี” แม่ทัพเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ...แล้วคุณทัพจะแต่งงานกับเอื้องไหมครับ” คงศักดิ์ถามเสร็จก็ยกยาดองขึ้นดื่มเติมความด้าน เอ๊ย! ความกล้า
“แต่งอยู่แล้วครับ แต่แม่ของผมท่านอยากให้แต่งหลังจากที่น้องเอื้องรับปริญญาเสร็จ”
“ปะ...แปลว่า...” คงศักดิ์เอ่ยค้างไว้อย่างรู้สึกอึ้ง
“คุณแม่ของผมจะส่งน้องเอื้องเรียนต่อมหาลัยครับ” แม่ทัพบอกก่อนจะยกแก้วยาดองที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าขยันรินมาให้ดื่ม
คงศักดิ์ได้ฟังถึงกับน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าคุณหญิงมาลีนจะเมตตาช่อเอื้องขนาดนี้
“ลุงศักดิ์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” แม่ทัพถามเมื่ออยู่ๆ ก็เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง
“ผมดีใจแทนเอื้องครับ ตอนแรกผมกับเมียก็ตั้งใจว่าจะช่วยกันส่งเสียให้เอื้องได้เรียนต่อ แต่เอื้องก็ปฏิเสธครับ เพราะกลัวจะไม่มีเวลาดูแลชัย”
นิลยาที่แอบฟังการสนทนามาได้ครู่หนึ่ง ก็รีบเดินเข้าไปหา เพราะกลัวว่าสามีผู้อ่อนไหวของเธอจะร้องไห้ต่อหน้าแขก “เอ่อ...คุณทัพนั่งคุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าจะเดินไปซื้อของใช้กับหนูเอื้องสักหน่อยค่ะ”
“ครับ แล้วเอื้อง...” แม่ทัพพยักหน้ารับก่อนจะถามหาสาวเจ้า
“ไปเอาของที่บ้านค่ะ”
“โอเค! ผมขอตัวสักครู่นะครับลุงศักดิ์”
“ครับ” คงศักดิ์ยิ้มและมองตามหลังชายหนุ่มรูปหล่อที่ลุกเดินไปยังบ้านหลังข้างๆ ยังไม่ทันไรก็ถูกภรรยาตีเข้าที่แขน
เพียะ!
“โอ๊ย! อะไรกันนิล?” คงศักดิ์หันไปถามภรรยาอย่างมึนงง
“เก็บอาการด้วย ไม่เห็นแก่หน้าเมีย ก็เห็นแก่เอื้องมันบ้าง” นิลยาต่อว่าทันทีที่ได้โอกาส
“รู้หรอกน่า” คนขี้อ่อนไหวมองค้อนก่อนจะรินยาดองใส่แก้วใบเล็ก
“รู้อะไร? เมื่อกี้ถ้าฉันไม่รีบเดินออกมาพี่คงร้องไห้ไปแล้ว” นิลยาถลึงตาใส่คนปากดี
“ก็มันดีใจนี่นา ที่คุณหญิงท่านจะส่งเอื้องเรียนมหาลัย”
“เฮ้อ...ในที่สุดก็ได้เรียนสมใจเอื้องมันซะทีนะ” นิลยารู้สึกราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก เพราะแอบคิดว่าหากช่อเอื้องแต่งงานกับแม่ทัพในตอนนี้จะต้องถูกวิจารณ์เรื่องอายุและวุฒิการศึกษา แถมอีกฝ่ายยังเป็นคนมีหน้ามีตาระดับประเทศ เลยกลัวว่าวันหนึ่ง...จะมีคนขุดประวัติของช่อเอื้องขึ้นมาเหมือนกับคู่ควงที่แม่ทัพเคยเป็นข่าวด้วยบ่อยๆ
“อืม! ขอร้องไห้ต่อหน้าเมียได้ไหม?” คนที่บ่อน้ำตากำลังจะแตกถามความเห็นจากภรรยา
“รีบๆ เลย เดี๋ยวคุณทัพมา” นิลยาดึงสามีเข้ามากอดและลูบหลังเบาๆ อย่างรู้สึกขำนิดๆ เพราะหน้าตาของอีกฝ่ายนั้นออกจะเหมือนโจรเถื่อน แต่กลับเป็นคนใจดี รักสัตว์ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และที่สำคัญคือมักจะอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ
ด้านแม่ทัพที่พอเดินเข้าไปในบ้านหลังน้อย ก็ตรงเข้าไปกอดคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างๆ ตู้โชว์
“เอื้อง!”
“อุ๊ย! ตกใจหมดเลยค่ะ” คนที่กำลังก้มหาของบางอย่าง ยกมือขึ้นลูบ ที่หน้าอกเบาๆ
“ป้านิลบอกว่าจะไปซื้อของใช้เหรอ?” แม่ทัพถามเข้าเรื่อง
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับทันใด
“รอแป๊บ!” แม่ทัพรีบเดินเข้าไปในห้องนอน ตรงไปยังกระเป๋าหิ้วใบใหญ่ เปิดออกและล้วงธนบัตรจำนวนสองปึกออกมา แล้วเดินกลับไปหานางฟ้าคนสวย พร้อมกับยัดเงินสดใส่ลงในมือของสาวเจ้า “นี่เอาไว้ใช้จ่ายนะ”
“เอ่อ...มันเยอะไปค่ะ หนูแค่จะซื้อของใช้ไม่กี่อย่างเอง” ช่อเอื้องพยายามจะส่งคืน แต่ก็ไม่สำเร็จ
“เก็บเอาไว้เถอะน่า อ้อ! อย่าลืมซื้อของให้ป้านิลด้วยนะ แล้วก็ซื้อของสำหรับใส่บาตรตอนเช้าด้วย” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินเบี่ยงตัวหลบออกมายืนที่ประตูหน้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้เจ้าชายสายเปย์ ก่อนจะถามอย่างข้องใจ หลังได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาเตะจมูก “คุณทัพดื่มกับลุงศักดิ์เหรอคะ”
“อืม! นิดหน่อย เธอก็รู้ว่าฉันปฏิเสธไม่ได้” แม่ทัพกลอกตาอย่างเพลียๆ เพราะถูกยัดเยียดให้ดื่มยาดองไปหลายแก้ว ครั้นจะปฏิเสธก็กลัวอีกฝ่ายหาว่าหยิ่ง จำต้องยกแก้วขึ้นกระดก พอวางแก้วลงปุ๊บ! อีกฝ่ายก็รินเพิ่มปั๊บ! แทบไม่ปล่อยให้ได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว
“ลุงศักดิ์คอแข็งนะคะ” ช่อเอื้องรีบเตือน
“หึๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า” คนที่เคยดื่มแอลกอฮอล์มาหลากหลายสัญชาติบอกพลางขยิบตาส่งให้อย่างไม่กลัว
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้านิลรอนาน” ช่อเอื้องบอกพร้อมกับเก็บเงินสดจำนวนสองหมื่นใส่ลงในกระเป๋าถืออย่างรู้สึกเขินๆ
“โอเค! เอามือถือไปด้วย มีอะไรก็โทรหาพี่นะ” แม่ทัพดึงสาวเจ้าเข้ามากอดและโยกตัวไปมาเบาๆ อย่างรู้สึกหมั่นเขี้ยว ใจจริงก็อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ แต่กระนั้นก็เกรงใจดวงวิญญาณของพ่อตา ที่น่าจะยังวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้
“ค่ะ” ช่อเอื้องยิ้มก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเจ้าชายสายเปย์เบาๆ แล้วเดินออกไปบ้านของนิลยาพร้อมกับอีกฝ่าย
สองชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ช่อเอื้องไปซื้อของกินและของใช้ต่างๆ เสร็จ ก็รีบกลับมาที่บ้านและแยกย้ายกับนิลยาได้ไม่ถึงห้านาที ก็ตกใจที่เห็นเจ้าชายสายเปย์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ
“เอื้อง! พี่หิวจัง” คนที่เมากรึ่มๆ ถอดรองเท้าออก แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของสาวเจ้า ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง
“เอ่อ...กินโจ๊กไหมคะ?” ช่อเอื้องถามยิ้มๆ
“ได้ครับ” แม่ทัพพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเริ่มถอดเสื้อที่สวมใส่ออก
“แล้วลุงศักดิ์ละคะ”
“หลับไปแล้ว หลอกให้พี่นั่งคุยคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน”
“คิกๆๆ เดี๋ยวหนูไปเอาถ้วยมาใส่โจ๊กให้ค่ะ” ช่อเอื้องหัวเราะก่อนจะเดินไปหยิบถ้วยกับช้อนมาวางที่โต๊ะ แล้วแกะโจ๊กร้อนๆ ใส่ลงไป
“ขอบคุณครับ” คนที่นั่งเปลือยท่อนบนส่งยิ้มหวานไปให้
“นี่ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านประจำที่พ่อมักจะซื้อมาใส่ตู้เย็นให้หนูกินก่อนไปโรงเรียน” ช่อเอื้องยกมาเสิร์ฟพลางจ้องมองหน้าอกกว้าง อันแสนจะเพอร์เฟค ซึ่งแดงปลั่งด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ อย่างรู้สึกเขินๆ
แม่ทัพตักโจ๊กที่มีกลิ่นหอมๆ ขึ้นมาทาน ก่อนจะเอ่ยชม “อื้ม...อร่อยนะเนี่ย มีหมูเด้ง ตับ ไส้อ่อน แล้วก็ไข่ลวกด้วย”
“ค่ะ 25 บาทเอง”
“ไม่อยากจะเชื่อ ร้านอยู่ตรงไหนเนี่ย?”
“หลังรามค่ะ ชื่อร้านโจ๊กสี่สหาย”
“คราวหลังต้องแวะไปกินซะแล้ว” คนที่ติดใจในรสชาติ บอกก่อนจะตักขึ้นมาทานต่ออย่างเอร็ดอร่อย
“ได้เยอะ อร่อย แล้วราคาก็น่ารักด้วยค่ะ”
“ใช่! น่ารักสุดๆ” แม่ทัพบอกอย่างเห็นด้วย
ช่อเอื้องยิ้มก่อนจะลุกไปจัดของใช้ และจัดของที่เตรียมจะใส่บาตรในตอนเช้าให้กับบิดาต่ออย่างอารมณ์ดี
หลังทานเสร็จแม่ทัพก็ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็ถูกไล่ให้ไปนอนบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง
“พรุ่งนี้เราเปลี่ยนเตียงใหม่นะเอื้อง” คนที่ชินกับการนอนบนเตียงขนาดใหญ่ๆ บอกอย่างรู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าถ้าฝันหรือละเมอแล้วเผลอผลักสาวเจ้าตกเตียงไป คงไม่ดีแน่
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ายิ้มๆ ตั้งใจว่าคืนนี้เธอจะไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่ แล้วปล่อยคนเมานอนบนเตียงไปคนเดียว น่าจะดีกว่าต้องขึ้นไปนอนเบียดกัน
“ขึ้นมานอนได้แล้ว” แม่ทัพกวักมือเรียกคนที่มัวแต่ทำนู่นทำนั่นทำนี่ให้มานอนกับตน
“หนูยังไม่ได้อาบน้ำค่ะ”
“ไม่ต้องอาบหรอก เอื้องตัวหอมจะตาย มาเร็ว!”
“ไม่เอาค่ะ หนูเหนียวตัว”
“พี่ก็ไม่ได้จะทำอะไรเอื้องสักหน่อยนี่ครับ แค่อยากจะนอนกอดเท่านั้น”
“กอดก็ไม่ได้ค่ะ ช่วยเกรงใจคุณพ่อของหนูด้วย” ช่อเอื้องมองค้อน คนขี้อ้อนอย่างรู้สึกเพลียๆ
“หึๆ โอเคๆ ยอมแล้วครับ” คนเมาดึงผ้าห่มหอมๆ สีเหลืองอ่อนขึ้นมาคลุมตัวอย่างว่าง่าย
“หลับไปเลยนะคะไม่ต้องรอ หนูอาบน้ำนาน” ช่อเอื้องหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“ครับ” แม่ทัพขานรับก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างรู้สึกง่วง
เช้าวันต่อมา...ช่อเอื้องตื่นเช้ามาทำกับข้าวและใส่บาตรกับแม่ทัพที่หน้าบ้านเสร็จ ก็แวะเข้าไปเอ่ยลานิลยากับคงศักดิ์ แล้วออกเดินทางไปที่วัดเพื่อรับเถ้ากระดูกของศรชัยบรรจุลงในโกศ จากนั้นก็พากันกลับคอนโด
ทันทีที่แม่ทัพเปิดประตูเข้าไปในห้องพัก ก็เห็นมือขวาคนสนิทนั่งตรวจเอกสารรออยู่
“สวัสดีครับคุณเอื้อง สวัสดีครับบอส” โดมเอ่ยทักทายหญิงสาวกับผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณโดม” ช่อเอื้องยกมือไหว้หนุ่มมาดขรึมอย่างรู้สึกเขินๆ
แม่ทัพพยักหน้ารับ ก่อนจะถามถึงเรื่องที่สั่งการไปเมื่อวาน “ของที่สั่งได้ครบไหม?”
โดมรับไหว้หญิงสาว ก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นนาย “ครบครับบอส”
“ว้าว! ดอกไม้สวยจังเลยค่ะ” ช่อเอื้องหันไปมองพานพุ่มดอกไม้ที่จัดเอาไว้สองพานกับอีกสองแจกัน
“พี่สั่งเอามาแต่งห้องให้พ่อชัยครับ” แม่ทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงทำเอาคนสนิทถึงกับ อึ้ง มึน งง ไปทันใด เพราะไม่เคยเห็นผู้เป็นนายในเวอร์ชันนี้มาก่อน
“ดอกไม้ทั้งหมดนี่ของพ่อจริงๆ เหรอคะ” ช่อเอื้องถามอย่างดีใจ
“จริงสิครับ” แม่ทัพเอ่ยยืนยันก่อนจะหันไปถามคนสนิทแก้เขิน “งานมีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่มีครับ จะมีก็แต่...ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น” โดมบอกพร้อมกับส่งซิกให้ผู้เป็นนายทราบอ้อมๆ
“จัดการได้ไหม?” แม่ทัพเลิกคิ้วถาม พลางเหลือบมองสาวเจ้าที่เอาแต่ชื่นชมดอกไม้
“ได้ครับ ได้อยู่แล้ว” โดมบอกยิ้มๆ
“โอเค! แล้วจองตั๋วเครื่องบินหรือยัง?”
“เรียบร้อยครับ พรุ่งนี้ตอนสามทุ่ม”
“แล้วแม่ของฉันล่ะ?”
“คุณมาลีนนั่งเครื่องบินไปก่อนแล้วครับ เห็นว่าจะไปเตรียมตัวรอ อ้อ! ถุงนี้ของคุณเอื้องครับ” โดมส่งถุงกระดาษขนาดใหญ่ออกมาวางอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“อะไรเหรอคะ?” ช่อเอื้องหันมาถามอย่างสงสัย
“ก็อุปกรณ์ในการเข้าเรียนมหาลัยน่ะสิ” แม่ทัพหยิบถุงกระดาษส่งไปให้ สาวเจ้าเปิดดู
ช่อเอื้องหยิบกล่องข้างในออกมาเปิดดู ก็อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ว้าว! นี่มัน...Ipad กับ Macbook”
“ใช่ครับ ข้อมูลมันจะเชื่อมถึงกัน”
“พี่ทัพให้หนูจริงๆ เหรอคะ”
“ก็จริงน่ะสิ แต่อย่าเพิ่งแกะนะ ไปจัดดอกไม้ให้คุณพ่อที่ห้องนั้นก่อนครับ” แม่ทัพชี้ไปยังห้องว่างที่อยู่ถัดไป
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับก่อนจะยกพานพุ่มกับโกศของบิดาเดินตรงไปยังห้องเล็กอย่างไม่รอช้า ขณะเดียวกันแม่ทัพกับโดมก็ช่วยกันยกแจกันกับพานที่เหลือเดินตามไปติดๆ
เวลา 12:02 น. หลังจากที่ยกดอกไม้เข้าไปให้นางฟ้าแสนสวยเสร็จ โดมก็เอ่ยขอตัวกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ แม่ทัพเดินออกมาส่ง จากนั้นก็ไปทำกับข้าว พอเสร็จก็เดินไปเรียกสาวเจ้าเบาๆ
“เอื้อง! ไปทานข้าวกัน”
“ค่ะ เสร็จพอดีเลย” ช่อเอื้องยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ว้าว! สวยนะเนี่ย คุณพ่อท่านคงจะชอบ อ้อ! เราต้องจุดธูปหนึ่งดอก เพื่อบอกกล่าวดวงวิญญาณของท่านครับ” แม่ทัพบอกอย่างนึกขึ้นได้
“ค่ะ! เดี๋ยวหนูจุดธูปเสร็จแล้วจะตามออกไป”
“ครับ พี่ตั้งโต๊ะรอนะ”
“ค่ะ” ช่อเอื้องตอบก่อนจะนั่งลงแล้วจุดธูปหนึ่งดอกบอกกล่าวดวงวิญญาณของบิดาครู่หนึ่ง ก็เดินตามออกไปที่ด้านนอก
“ว้าว! พี่ทัพสั่งอะไรมาทานคะ เต็มโต๊ะเลย” เธอจ้องมองกับข้าวหลายอย่างที่วางเรียงอยู่เต็มอย่างรู้สึกอึ้ง
“ไม่ได้สั่งครับ แค่เคลียร์ของในตู้เย็นเท่านั้น เพราะพรุ่งนี้เราจะต้องนั่งเครื่องไปเชียงใหม่กันหลายวันเลย” แม่ทัพบอกพร้อมตักข้าวสวยร้อนๆ ส่งไปให้สาวเจ้า จากนั้นก็เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ไปทำไมเหรอคะ?” ช่อเอื้องนั่งลงแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไปงานแต่งของเพื่อนพี่ครับ”
“เอ่อ...หนูไม่ไปได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะ?”
“หนูไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อน เกรงว่าจะ...”
“คนเราต้องมีครั้งแรกทุกเรื่องครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก”
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะหันไปตักซุปกิมจิขึ้นมาชิม แล้วฉีกยิ้มออกมากับความแซบและกลมกล่อมของน้ำซุปเข้มข้นที่แสนจะถูกใจ
“พี่ทำยำให้ด้วยนะ ไม่รู้ว่าจะถูกปากเราหรือเปล่า” แม่ทัพบอกก่อนจะตักยำรวมทะเลวางลงในจานของสาวเจ้าอย่างเอาใจ
ช่อเอื้องตักชิมแล้วยกนิ้วให้ทันใด “อื้ม! อร่อยค่ะ”
แม่ทัพหัวเราะก่อนจะถามเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการ “ได้คิดเอาไว้หรือยังว่าอยากจะเข้าเรียนที่ไหน?”
คนที่มีมหา’ลัยในดวงใจอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ เลยแกล้งบอกไปว่า...“หนูยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ”
“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิดก็ได้”
“เอ่อ...แล้วถ้าหนูอยากจะไปเรียนที่เชียงรายล่ะคะ” ช่อเอื้องกัดฟันถามไปตรงๆ เพราะคิดไปคิดมาก็เหลือเวลาอีกประมาณสองเดือน มหา’ลัย ก็จะเริ่มเปิดกันแล้ว หากเจ้าชายสายเปย์ไม่เห็นด้วย เธอก็จะได้เลือกมหา’ลัย อื่นแทนไปเลย
“อืม...งั้นพี่ก็คงต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงราย” แม่ทัพออกความเห็น
“มันจะยุ่งยากไหมคะเพราะธุรกิจของพี่ทัพอยู่ที่นี่” เธอถามอย่างไม่สบายใจ
“ไม่หรอก ปกติพี่ก็อยู่ที่เชียงใหม่-เชียงรายเป็นหลักอยู่แล้วครับที่มากรุงเทพฯ. ก็เพราะงาน ครั้งนี้มาดูแลเรื่องการชกมวยคู่สำคัญ เลยทำให้ได้มาเจอกับเอื้อง ว่าแต่...เราอยากจะเข้าเรียนที่มหาลัยไหนครับ”
“เอ่อ...M--- ค่ะ”
“แหม...พี่กำลังจะเสนอครับ มหาลัยนี้เป็นมหาลัยที่ดีและติดอันดับต้นๆ ของประเทศ”
“พี่ทัพจะให้หนูเรียนที่นั่นจริงๆ เหรอคะ” ช่อเอื้องถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าในที่สุดแล้ว...เธอก็จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เลือกเอาไว้ตั้งแต่แรก