อวิกามองออกว่าหลานชายข้างบ้านคิดยังไงกับลูกสาวของตัวเอง ก็ดูเอาเถอะ แสดงออกขนาดนี้แล้วใครจะไม่รู้ หมอหนุ่มแวะมาที่บ้านของนางทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกัน ซึ่งอีกสองวันนางก็จะเดินทางไปญี่ปุ่นกับเพื่อนๆ แล้ว นางจะได้ฝากฝังให้ทัพพ์ช่วยดูแลอารยาและบ้านให้พอดีเลย
“หมอทัพพ์มาหาน้าหรือมาหาน้องอายจ๊ะวันนี้”
“ทั้งสองแหละครับ แล้วนี่น้องอายยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“วันนี้น้องอายไม่มีเรียน นอนอ่านหนังสืออยู่บนห้องน่ะ ว่าแต่หมอทัพพ์เถอะ วันนี้ทำไมกลับไวจังลูก”
“พอดีวันนี้ไม่มีเคสผ่าตัดครับน้าแวว อีกอย่างผมซื้อขนมไทยที่หน้าโรงพยาบาลมาฝากด้วยครับ” เขาพูดพร้อมกับส่งยื่นถุงขนมไทยที่ตัวเองซื้อติดมือส่งให้เจ้าของบ้าน
“ขอบใจมากจ้ะ แต่ครั้งหน้าไม่ต้องแล้วนะหมอทัพพ์” รับมาพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กรับใช้มานำถุงขนมไปจัดใส่จานมาเสิร์ฟ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ”
“ขอบใจมากพ่อคุณของน้า และน้ามีเรื่องจะรบกวนหมอทัพพ์ด้วย”
“เรื่องอะไรครับน้าแวว”
“อีกสองวันน้าจะไปญี่ปุ่นกับเพื่อนน่ะหมอทัพพ์ น้าเลยอยากฝากเราดูแลบ้านและน้องอายให้ด้วยจะได้ไหม น้าไปรอบนี้ไปสองอาทิตย์เลยลูก”
“ผมยินดีครับน้าแวว” ตอบรับแบบไม่ต้องคิดนานเลย เพราะนี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใกล้ชิดอารยา
“น้าขอบใจมากนะหมอทัพพ์”
“ผมยินดีครับ อยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับ แล้วร้านเพชรของน้าแววใครดูแลครับ ถ้าน้าแววไปนานแบบนี้”
“ผู้จัดการร้านน่ะลูก แต่น้องอายจะแวะไปช่วยน้าดูบ้างจ้ะ อันนั้นไม่น่าห่วง เป็นห่วงแต่น้องอายเนี่ยแหละ ยิ่งตอนนี้มีแฟนกลับบ้านดึกทุกวัน แถมอยู่ไม่ค่อยติดบ้านด้วย และช่วงนี้ใกล้เรียนจบแล้วด้วย น้ายิ่งเป็นห่วง จะมีแต่หมอทัพพ์เนี่ยแหละที่น้าไว้ใจให้ดูแลน้องอายกับบ้านระหว่างที่น้าไม่อยู่” จริงอยู่แม้เมทีจะเป็นคนนิสัยดี แต่นางก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี
“ผมยินดีครับน้าแวว ร้านเพชรถ้าน้าแววไม่ว่าอะไร ผมเข้าไปช่วยดูแลก็ได้นะครับช่วงนี้”
“ใจดีเหลือเกินพ่อคุณของน้า เอาเป็นว่าตามนี้นะหมอทัพพ์ น้าฝากดูแลบ้าน น้องอาย และร้านด้วยนะ และอย่าให้น้องอายกลับดึกนะช่วงที่น้าไม่อยู่ เดี๋ยวน้าบอกน้องอายอีกทีว่าช่วงนี้ให้กลับบ้านเป็นเวลาด้วยจะได้ไม่รบกวนหมอทัพพ์มาก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดีครับน้าแวว”
“ใจดีจริงๆ พ่อคุณ งั้นเย็นนี้อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันไหมลูก”
“วันนี้เห็นทีจะไม่ได้ครับ ผมนัดกับแม่น้องและพ่อศรว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นด้วยครับวันนี้ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“จ้ะพ่อคุณ”
ทัพพ์ยกมือไหว้ลาอย่างมีมารยาทเหมือนอย่างตอนแรกที่เดินเข้ามา เขาเดินจากไป ส่วนเจ้าของบ้านได้แต่มองยิ้มตามไปแล้วก็นึกไปถึงหน้าลูกสาว ทำไมนะ ทำไมอารยาถึงมองไม่เห็นความรักของหมอหนุ่มเหมือนที่นางมองเห็นบ้าง
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นโทรศัพท์ของอารยาดังขึ้นขณะนอนอ่านหนังสืออยู่ พอมองดูหน้าจอก็เห็นเป็นชื่อของแฟนหนุ่ม เธอก็ยิ้มแล้วกดรับสายทันที
“ว่าไงไมค์”
“พรุ่งนี้ไมค์ไปหาอายที่บ้านนะ”
“ได้สิ ว่าแต่จะมาตอนไหน”
“บ่ายๆ”
“โอเค เจอกันนะไมค์”
“ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“จ้า”
“ไมค์รักอายนะ” ก่อนตัดวางสายเมทีไม่ลืมบอกรักอารยา แต่อารยาทำเพียงแค่ครางตอบรับแล้วกดวางสายไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรือทำไมถึงไม่กล้าบอกรักแฟนหนุ่มสักที ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ชอบอีกฝ่ายมากเช่นกัน
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
“อะไรของไมค์อีกเนี่ย” เพราะคิดว่าเป็นเมทีโทรมาอีกครั้งเลยรีบหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทันที
“ว่าไงไมค์”
“พี่เอง”
“พะ...พี่หมอ”
“ใช่ จำเสียงพี่ได้นี่”
“ค่ะ แล้วพี่หมอมีอะไรคะ”
“พี่แค่อยากได้ยินเสียงน้องอายเฉยๆ ก็เล่นหลบหน้าไม่พอ ไม่รับสายพี่อีก อ่านไลน์ก็ไม่ยอมตอบ คิดถึงนะครับ”
“บ้า” หล่อนเขินกับคำพูดของพี่ชายข้างบ้านจนบิดตัวกลิ้งไปมาบนเตียง หากทัพพ์ได้มาเห็นภาพเธอตอนนี้คงยิ้มพอใจไม่น้อย
หึหึ
“ถ้าจะโทรหาน้องอายพูดเรื่องไร้สาระแค่นี้ ขอวางสายนะคะ” พอสติกลับมาก็กรอกเสียงแข็งส่งไปในสายทันที
“ก็พี่คิดถึงน้องอายนี่ ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายวันแล้วนะเราน่ะ จะหลบหน้าพี่ไปถึงไหน เกลียดพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คะ...คือ...”
“ว่าไงครับ เกลียดพี่หมอมากขนาดนั้นเลยเหรอ เกลียดถึงขนาดไม่อยากพูดด้วยจริงๆ เหรอ”
“ไม่พูดกับพี่หมอแล้ว เสียเวลา”
“อย่าเพิ่งวางนะ แม่น้องให้พี่โทรบอกน้องอายมาเอาแกงเขียวหวานเนื้อของโปรดน่ะ พี่เลยโทรมาหาเรา ตอนแรกก็กลัวนะ กลัวน้องอายจะไม่รับสาย แต่โชคเข้าข้างพี่ น้องอายกดรับสาย และก่อนหน้านี้คุยกับไอ้หน้าอ่อนใช่ไหมถึงได้ทักพี่แบบนั้น”
“ค่ะ เดี๋ยวน้องอายไปเอาแกงเขียวหวานค่ะ ส่วนเรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบนะคะ” พูดจบก็กดตัดสายทันที
“คนบ้า แล้วเราจะกลิ้งเขินทำไมเนี่ย” พอวางสายไปแล้วก็แปลกใจตัวเองที่เขินไปกับคำพูดของทัพพ์ แถมยังแสดงออกขนาดนี้อีก เธอเป็นอะไรไปเนี่ย