อุ๊ย!
ร่างเล็กวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความเร่งรีบจนไม่ทันได้ระวังเลยชนกับแขกที่เพิ่งเดินสวนกับตัวเองเข้ามาในบ้าน
“จะรีบไปไหนน้องอาย” เสียงทุ้มเอ่ยถามไม่จริงจังนักพร้อมกับยกมือปัดเสื้อตัวเองไปมาให้เรียบตึงเหมือนเดิม
“พี่หมอเหรอคะ น้องอายขอโทษนะคะ พอดีรีบเลยไม่ได้ระวัง งั้นน้องอายขอตัวนะคะ”
จากนั้นคนตัวเล็กในชุดนักศึกษาก็รีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที ส่วนผู้เป็นแขกของบ้านได้แต่มองตามคนเร่งรีบไปจนลับสายตา
“หมอทัพพ์มาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ”
เสียงเนิบนาบตามวัยเอ่ยถามแขกผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงเอ็นดูลูกชายของเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับตัวเองตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว
“แม่น้องบอกว่าน้าแววไม่สบาย ผมก็เลยแวะมาดูน้าแววก่อนจะไปทำงานครับ”
“น่ารักจริงพ่อคุณ หมอทัพพ์ไม่ต้องห่วงน้าหรอก ตอนนี้น้าสบายดีแล้ว เข้าไปในบ้านกันเถอะ เดี๋ยวน้าหาน้ำเย็นๆ ให้ดื่ม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าน้าแววเป็นอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ ช่วงนี้บ้านเรายิ่งฝุ่นพีเอ็ม สองจุดห้าด้วยครับ แถมยังมีไวรัสโครานามาอีก ผมเลยเป็นห่วงครับ หรือยังไงไปหาผมที่โรงพยาบาลได้เลยนะครับน้าแวว” หมอหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นห่วง ด้วยตอนนี้อากาศและโรคภัยมักมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเสมอ
“หมอทัพพ์ห่วงใยคนอื่นเสมอ น้าขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“ผมยินดีครับ ก็เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่ครับ แล้วน้องอายรีบไปไหนแต่เช้าครับ” ยังไม่ลืมถามถึงคนตัวเล็กที่วิ่งชนตัวเอง
“พอดีพ่อไมค์จะมารับที่หน้าปากซอยน่ะ หนูอายเลยรีบ”
“ไมค์ไหนครับน้าแวว”
“หมอทัพพ์คงยังไม่รู้ว่าน้องสาวเราน่ะมีแฟนแล้วนะ เนี่ยพ่อไมค์น่ารักมาก นิสัยดีด้วย หนูอายพามาบ้านสองสามครั้งแล้ว เป็นเพื่อนเรียนที่คณะบริหารด้วยกันน่ะ เพิ่งตกลงเป็นแฟนกันได้เดือนกว่าเองนะหมอทัพพ์” อวิกาพูดถึงเรื่องของลูกสาวและแฟนหนุ่มไปยิ้มไปโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหลานชายข้างบ้านว่าตอนนี้มันบึ้งตึงขมวดมุ่นชนกันเสียแล้ว
“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับน้าแวว” ทัพพ์ทนฟังไม่ไหวจึงเอ่ยขอตัวพร้อมยกมือไหว้แล้วเดินก้าวยาวๆ ออกไปทันที
ส่วนเจ้าของบ้านก็ได้แต่มองตามหลังของหมอหนุ่มไปแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง อวิกาเป็นหญิงหม้ายวัย 57 ปี มีลูกสาวคนเดียวคือนางสาวอารยา ม่วงฉวี หรืออาย วัย 21 ปี และอารยาก็กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ก็ใกล้ได้เวลาไปร้านขายเพชรของครอบครัวแล้ว สามีที่จากไปทิ้งธุรกิจร้านเพชรไว้ให้นางและลูกสาวจึงไม่ได้ลำบาก ถือว่าเป็นคนมีอันจะกินเลยก็ว่าได้
ระหว่างที่ขับรถมายังโรงพยาบาลที่ครอบครัวตัวเองมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย 40% นั้น ทำให้ทัพพ์ พ่วงทรัพย์ หรือหมอทัพพ์ วัย 38 ปี ขบคิดตลอดทางถึงเรื่องที่ได้ทราบมา เขาไม่ยอมแน่ ไม่ยอมให้อารยามีแฟนแน่นอน เขาเฝ้ามองหล่อนมาตลอดตั้งแต่เล็กจนตอนนี้เป็นสาวเต็มตัว ตั้งใจไว้ว่าหากน้องข้างบ้านเรียนจบจะให้คุณแม่และคุณพ่อมาสู่ขอมาเป็นเจ้าสาวให้ตัวเอง แต่คงจะยาก เพราะตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว และแฟนของเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่คณะที่เรียนด้วยกัน เจอกันทุกวันเสียด้วยสิ แล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตอย่างเขาที่วันๆ ทำแต่งานจะมีเวลาที่ไหนไปเต๊าะเด็กสาวได้ล่ะ แถมอายุของเขาก็เยอะกว่าอารยาเกือบรอบเลยทีเดียว ไม่มีทางหรอก เขายังไม่แก่ เขายังเหมาะสมกับหล่อน
พอมาถึงโรงพยาบาลชายหนุ่มก็จอดรถที่จอดประจำสำหรับผู้บริหารแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล แล้วสายตาของเหล่าพยาบาลและคนป่วยก็ต่างมองมายังออร่าของเขา หมอหนุ่มหล่อขวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาลที่มีความสูง 6 ฟุต ใบหน้าคมเข้ม แบบฉบับหนุ่มไทยแท้ คิ้วหนาเข้มดกดำพาดอยู่เหนือดวงตาสีดำทมิฬ แม้จะดุดันแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ” เสียงพยาบาลที่เขาเดินผ่านเอ่ยทัก
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงทุ้มพร้อมยิ้มทรงเสน่ห์ส่งให้เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์โดยสารของผู้บริหารเพื่อจะไปห้องทำงานของตัวเอง