ปืนกระบอกหนึ่งจี้ที่หัวเด็กสาวตัวน้อย
“แกมานี่”
“แม่ ช่วยหนูด้วย หนูไม่ไป”
ใบหน้าของผู้เป็นแม่พลันขาวซีด เธอเอ่ยปากขอร้องน้ำเสียงเวทนา เสียงของทั้งสองดังอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด ทุกคนล้วนอดสั่นขวัญเสีย
“อย่า อย่าทำลูกฉัน ฮื้อ ฮื้อ...”
เสียงร้องไห้ของแม่และเด็ก ทำให้หลายคนสะดุ้งตกใจ แม้โจรผู้นั้นจะรู้สึกรำคาญแต่มันก็ฝืนสั่งออกไป
“ได้ งั้นแกก็ออกไปบอกตำรวจ ถอนกำลังออกไปอย่าให้ฉันเห็นใคร ไม่อย่างนั้นลูกแกตาย”
ผู้เป็นแม่วิ่งออกไปรับหน้าตำรวจทันที แม้โจรไม่ได้บอกให้กลับมาเธอก็ไม่ได้หนีไป กลับเข้ามาในธนาคารอีกครั้งทันที เข้าไปกอดบุตรสาวกลั้นเสียงสะอื้น
“ดีมาก” โจรยกปากยิ้มอย่างพอใจ เจ้าหน้าที่ธนาคารเก็บเงินเข้ากระเป๋าให้พวกมันเรียบร้อยได้เวลาออกไปแล้ว
พวกโจรชำเลืองมองไปรอบ ๆ จะออกไปจากที่นี่มันต้องมีตัวประกัน มันกวาดสายตามองไป หลายคนต่างพากันถลาถอยหนีจึงไม่ได้สนใจ แต่ไปสะดุดตาม่านเวยอิงที่นั่งนิ่งอยู่ใกล้ ๆ กับเด็ก
“แกลุกขึ้น”
อย่างไรก็ต้องหวาดกลัวบ้าง ม่ายเวยอิงพยายามทำให้ตนเองดูตกใจและขวัญเสียตัวสั่นงัก แม้จะดูไม่สมจริงแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเธอแกล้งทำ
เธอปรายตามองดูรอบ ๆ หาได้หวาดหวั่นเหมือนคนอื่น แต่กำลังคำนวณ หากเธอจัดการกับเหล่าโจรพวกนี้ เธอจะได้พลังเท่าไรนะ
ในขณะเดียวกัน
“ครับคุณลุง”
“จือหยาง ลุงฝากป้ากับน้องด้วยนะ” เสียงปลายสายระส่ำระส่ายหวาดกลัว
“ครับ มีผมอยู่ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง ทำให้ปลายรู้สึกมีความหวัง
ไม่แปลกที่หรงจือหยางจะกล้าเอ่ยอย่างมั่นใจ เขาขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยคอมมานโด ชุดปฏิบัติการพิเศษของเขตเมือง A ด้วยอายุเพียง 25 ด้วยฝีมือและความสามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็นเพชรเม็ดงามที่หน่วยค้นพบในรอบ 100 ปี และที่สำคัญเขาไม่เคยทำภารกิจพลาด
“ท่านครับ มันจับคุณหนูและเด็กสาวคนหนึ่งเป็นตัวประกันครับ”
หรงจือหยางไม่แปลกใจ พวกมันต้องจับตัวประกันเพื่อหนี หากให้พวกมันออกจากอาคารไปได้ งานจะยากยิ่งกว่าต้องจบภารกิจให้เร็วที่สุด
“เตรียมตัว”
แม้ตำรวจส่วนหนึ่งจะถอยออกมา แต่หน่วยคอมมานโดเข้าไปยังอาคารเรียบร้อย หรงจือหยางอยู่ในช่องแอร์เขาจ้องมองไปยังโจรที่ควบคุมคุณป้าของเขา คาดว่าคนนี้น่าจะเป็นหัวหน้าโจร
ความคิดนี้ไม่ต่างจากม่านเวยอิง แม้จะจัดการกับหัวหน้าแต่พวกมันมีกัน 5 คน เธอไม่มั่นใจว่าจะสามารถชนะได้ แต่ไม่กี่นาทีเธอได้กลิ่นอื่นแทรกเข้ามาในห้อง กลิ่นนั้นน่าจะเป็นลมหายใจของบุรุษจำนวนหนึ่ง ในเมื่อพวกเขายังไม่เปิดเผยแสดงว่าต้องเป็นตำรวจ
ม่านเวยอิงปรายสายตาเล็กน้อยหาจังหวะให้ตำรวจมีโอกาสจู่โจม เสียดายที่พลังเธอมีไม่มากพอ ทำให้ไม่อาจจะสรุปตำแหน่งของพวกเขาได้
“ไปอุ้มเด็ก”
คำสั่งนั้นไม่มีความปราณี ทำให้แม่ของเด็กแทบหยุดหายใจ ส่วนม่านเวยอิงรู้สึกโล่งอก เธอไม่มั่นใจว่าจะสามารถหลบกระสุนปืนได้ ทว่าในระยะประชิดจะช่วยให้เธอจัดการคนร้ายได้ง่ายขึ้น จ
เธอยืนขึ้นแล้วโค้งตัวลงไปอุ้มเด็ก
“ไม่นะ”
ผู้เป็นแม่หัวใจจมดิ่งเธอกอดบุตรสาวแน่น แม้ต้องตายก็ไม่มีทาง ให้ม่านเวยอิงอุ้มบุตรสาวไป
แต่โจรหาได้มีความอดทนไม่ มันกำลังลั่นไกจัดการ
หรงจือหยางเตรียมส่งสัญญาบุก
แต่ม่านเวยอิงรวดเร็วยิ่งกว่า ในจังหวะที่โจรไม่ทันระวังเธอที่ยืนเคียงข้างมัน เธอตวัดกายล๊อคมือ แย่งปืนพร้อมเล็งจ่อที่หัวมันอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
พวกโจรต่างชะงัก
หรงจือหยางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณยิง
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังต่อเนืองพวกโจรล้มลงอย่างไม่มีโอกาสโต้ตอบ
เพียงวินาทีสถานการณ์ก็พลิกผัน ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ได้
เสียงร้องไห้ดังสนั่นอย่างอัดอั้น พวกเขาล้วนปล่อยโห่อย่างไม่อาย ต่างจากม่านเวยอิงที่ไม่รู้จะแสดงท่าทีอย่างไร
เพราะเธอต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นมาเกือบจะเท่าตัวทำให้เธอดีใจแทบคลั่ง หากเธอเจอโจรปล้นธนาคารแบบนี้ไม่ถึง 10 ครั้งพลังก็จะคืนมาเกือบจะ 1 ส่วนแล้ว อย่าถูกพลังเพียง 1 ส่วนของเธอเด็ดขาด ในดินแดนแห่งนี้ไม่มีใครจะต่อกรกับเธอได้แน่นอน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ม่านเวยอิงนั่งลงกอดเข่าเข้าตัวตัวเองแล้วก้มหน้าลง เพื่อปกปิดรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มหน้า เธอกลั้นเสียงหัวเราะ จนตัวสั่นระริก ๆ
เพราะไม่มีใครเห็นสีหน้าของเธอ หลายคนเข้าใจว่าเธอหวาดกลัวจนตัวสั่น
ไม่เว้นแม้กระทั่งหรงจือหยาง เขาคิดว่าที่เด็กสาวกล้าจะต่อกรกับผู้ร้ายคงเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่นั่นก็เป็นการกระทำที่กล้าหาญและเธอก็ทำได้ดี ท่วงท่าแย่งมือจากคนร้ายเธอทำได้สวยงามมาก
หรงจือหยาง จึงไปคุกเข่าย่อลงไป เอ่ยถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“คุณผู้หญิง เป็นอย่างไรบ้างครับ”
เสียงคุ้นเคยที่สลักอยู่ในความทรงจำส่วนลึก ดังแว่วอยู่ใกล้ๆ ประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวระวังภัย จิตใจกระสับกระส่าย แม้จะหวาดหวั่นก็ต้องรู้ความจริง ม่านเวยอิงค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นมา