‘ความไว้ใจ’ คือการเอาใจไปวางใจในมือคนอื่นเสมือนสิ่งเสพติดอ่อนๆ ที่ยั่วยวนให้ถล้ำลึกเชื่อมั่นทั้งวาจาและการกระทำของอีกฝ่ายดุจเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว ความผิดพลาด ความเศร้าโศกและเสียใจ หรือการหักหลังล้วนเกิดจากความไว้ใจทั้งสิ้น
รัชทายาทหวงห่าวซวนเป็นพระโอรสองค์โตของฮ่องเต้กับอดีตพระสนมหวงกุ้ยเฟยที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาเป็นฮองเฮาในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มเติบโตขึ้นมาท่ามกลางการปกป้องทั้งจากพระมารดาและตัวฮ่องเต้เอง รวมถึงขุนนางหลายคนก็สนับสนุนทำให้ชีวิตของเขาดูจะเป็นเรื่องราวในอุดมคติที่หลายคนเฝ้าฝัน
กระนั้นสวรรค์ก็มอบบทเรียนใหญ่หลวงบทหนึ่งให้แก่เขาเพื่อให้ลูกมังกรได้เริ่มหัดบิน หรือหากไร้ความสามารถ....ก็เพียงตกลงไปตายยังพื้นดินเบื้องล่างก็เท่านั้น
เมื่อสามปีก่อน
สระน้ำด้านในเขตพระราชฐานโอบล้อมพื้นที่บริเวณกว้างราวกับทะเลสาบ ข้างกันมีศาลาริมน้ำเหมาะแก่การชมจันทร์ยามค่ำคืนตั้งตระหง่านโดดเด่นเชื้อชวนให้ไปนั่งเล่น บรรยากาศยามเช้าก็สงบเงียบไม่วุ่นวาย สระใหญ่แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่กักเก็บน้ำสำหรับใช้ในวังและยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าเจ้านายในยามว่าง ซึ่งการชมทิวทัศน์มองดูระลอกคลื่นบนผืนน้ำท่ามกลางสวนบุปผาส่งกลิ่นหอมโชยมาตามลมนั้นน่าสนใจไม่น้อย
“องค์ชาย กระหม่อมซึ้งใจที่พระองค์ทรงปฏิบัติกับกระหม่อมด้วยดีมาตลอด” องครักษ์หนุ่มเอ่ย ตัวเขานั้นรับหน้าที่ปกป้องชายเบื้องหน้ามานานตั้งแต่รัชทายาทน้อยมีวัยเพียงไม่กี่หนาว
“อะไรของเจ้า” เขาหยุดเดินเมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆ คนด้านหลังก็เริ่มกล่าววาจาจริงจังกับตนต่างจากปกติ
“เพราะพระองค์ทรงดีกับกระหม่อม เรื่องนี้ทำให้กระหม่อมลำบากใจมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่หากไม่ทำเช่นนี้แล้วภายภาคหน้าพระองค์ก็จะกลายเป็นปีศาจที่สูบเลือดเนื้อของประชาชนและแผ่นดินไม่ต่างจากฮ่องเต้องค์ก่อน” น้ำเสียงของชายตรงหน้าต่างไปจากที่เคยปฏิบัติ ห่าวซวนไม่เข้าใจกับสิ่งที่องครักษ์หนุ่มจะสื่อ
“เจ้า-” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยวาจาถามไถ่ไปมากกว่านี้ กระบี่เล่มยาวซึ่งรัชทายาทเคยมอบให้อีกฝ่ายในฐานะดาบและโล่เพื่อปกป้องเขาตวัดเข้าที่ไหล่ซ้ายก่อนแรงผลักจะทำให้ร่างสมส่วนตกลงไปยังผืนน้ำเย็นด้านล่าง ความเจ็บปวดจากบาดแผลยังไม่เท่ากับการที่องครักษ์ผู้ให้สัตย์จะภักดีใช้อาวุธนั้นทำร้ายตน
“เจียงเฉิง…”
ตู้ม!!!
ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนร่างกายร่วงหล่นคือใบหน้าอันเศร้าหมองของอดีตข้ารับใช้ผู้ดูแลตนมาหลายปีก่อนที่ชายคนนั้นจะใช้กระบี่เล่มเดิมซึ่งยังอาบเลือดของรัชทายาทปาดลำคอตนเอง...
ตอนนั้นชายหนุ่มเต็มไปด้วยความสับสนทุกสิ่งประดังเข้ามาพร้อมกันในคราเดียว บุรุษที่เขาไว้ใจให้ปกป้องแผ่นหลังกลับหันอาวุธเข้าใส่หรือผู้สืบทอดบัลลังก์เช่นเขาเป็นคนที่ประชาชนไม่ต้องการ อีกทั้งสหายเพียงคนเดียวซึ่งคิดว่าเข้าใจเขามาโดยตลอดก็ฆ่าตัวตายหลังจากมั่นใจแล้วว่าการสังหารเขาสำเร็จลุล่วง
แม้อยากจะขยับก็ปวดหนึบไปทั้งแขนคล้ายความอึดอัดนั้นเป็นตัวดึงร่างกายของเขาให้จมลึกลงไปเรื่อยๆ ก่อนที่สติจะเลือนรางสุดปลายสายตามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ เมื่ออยู่ในระยะมองเห็นพบว่าเป็นหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งปรากฏกายเบื้องหน้านัยน์ตาสีอ่อนและวงหน้าสวยหมดจรดของนางดูไม่คุ้นตา สองมือเล็กฟาดมายังใบหน้าของเขาหลายต่อหลายที อาจเพราะอยู่ด้านในน้ำฝ่ามือที่ตีซ้ำไปมาไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกเจ็บเท่าใด ที่เจ็บคงไม่พ้นบริเวณไหล่ขวาอันมีบาดแผลฉกรรจ์อยู่ ในปากเริ่มถูกน้ำเข้ามาแทนที่อากาศไม่ว่าจะกลั้นหายใจแค่ไหนสิ่งที่ถูกเติมเข้ามาก็มีแต่น้ำเท่านั้น สตรีตัวน้อยใช้สองมือโอบร่างกายที่โตกว่าตนเองเอาไว้แต่ต่อให้พยายามเท่าใดก็ไม่สามารถดึงรั้งหินก้อนโตนี้ขึ้นไปได้มีเพียงจะจมลงไปพร้อมกันเท่านั้น
เขาออกแรงผลักนางออก… อยู่แบบนี้มีแต่ตายด้วยกันทั้งคู่ แทนที่จะเป็นเช่นนั้นร่างเล็กกลับมองมาคล้ายอยากดุด่าและเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า
ร่างบางประคองใบหน้าชายหนุ่มที่นางไม่รู้จักเอาไว้ก่อนตัดสินใจประกบริมฝีปากลงมา ลมหายใจที่นางมีถูกถ่ายเทมาให้จากคนหนึ่งถึงอีกคนแต่มันก็ทำได้เพียงประวิงเวลาให้ชีวิตของชายหนุ่มซึ่งกำลังจะมอดดับได้อยู่บนโลกใบนี้นานขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย
จนกระทั่งพวกเขาไม่สามารถทานทนต่อแรงโน้มถ่วงที่ดึงลงต่อไปได้และใกล้หมดสติ ในเวลานั้นเองสองแขนของรัชทายาทถูกออกแรงดึงขึ้นจากน้ำ แม้จะเจ็บแผลที่โดนฟันแต่เขาก็ไม่มีแรงพอจะร้องบอก ภาพที่ตนเองถูกดึงขึ้นมาจากสระบัวเคลื่อนตัวช้าราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ หูทั้งสองข้างอื้อจนไม่ได้ยินเสียง ร่างกายไม่รู้สึกถึงสิ่งใดคล้ายวิญญาณกำลังจะหลุดลอย
“รู้สึกตัวที!”
“ได้ยินหรือไม่!”
เสียงเรียกไม่คุ้นหูและใบหน้าไม่คุ้นตาของนางทำให้เขานึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นอะไร แต่เขาน่ะสิ รีบไปตามคนมาช่วยเร็วเข้า”
“เจ้าค่ะๆ” บ่าวชายและหญิงซึ่งติดตามหญิงสาวเข้ามาต่างวิ่งกระเจิดกระเจิงไปเรียกหาคนมาช่วยให้วุ่น ความวุ่นวายทั้งหมดที่ชายหนุ่มได้ยินเริ่มห่างไกลออกไป รอบด้านเงียบสนิท ก่อนที่หน้าอกจะถูกกดหลายครั้งเป็นจังหวะ ริมฝีปากก็ถูกลมหายใจอุ่นจากกลีบปากนุ่มส่งผ่านมาให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘ถูกนางจูบรอบที่เท่าไหร่กันแล้วนะ’
คนรับใช้รีบวิ่งกลับมาหลังจากให้เหล่าบ่าวชายเร่งไปตามทหารตามคำสั่งของเจ้านาย ทุกคนทำได้เพียงหยุดนิ่งกับสิ่งที่ตาเห็น สตรีไม่ว่าจะยากดีมีจนจำเป็นต้องสงวนร่างกายมิให้เพศตรงข้ามได้แตะต้อง การสัมผัสเพียงฝ่ามือก็นับได้ว่าล่วงเกินแล้ว ทว่าสิ่งที่คุณหนูของพวกเขากำลังทำมันเกินเลยกว่านั้นไปมาก บ่าวชายทั้งสองและบ่าวหญิงต่างพากันหันไปมองทางอื่นให้วุ่น แม้หญิงสาวร่ำเรียนตำราแพทย์มาแต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะวิ่งกระโดดลงน้ำไปช่วยคนโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้
“อย่าเป็นอะไรนะ! ฮึกๆ” คนด้านบนสะอึกสะอื้น นางพยายามอย่างมากเพื่อช่วยเขา หากเห็นใครต้องมาตายต่อหน้าคงไม่อาจทำใจได้ อุตส่าห์ฝ่าฟันเพื่อให้บิดาอนุญาตส่งตนไปเรียนหมออยู่หลายรอบ ครั้นถึงเวลาต้องช่วยคนจริงๆ กลับไร้ประโยชน์สิ้นดี
‘ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย ไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย จะมาเสียน้ำตาให้ข้าทำไม’
ริมฝีปากบางแนบชิดมาอีกครั้งหญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดีที่เห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งไป นางยังคงพยายามยื้อลมหายใจของอีกฝ่ายเอาไว้แม้ชีพจรจะเต้นช้าลงทุกที สองมือประสานก่อนกดลงไปยังกลางอกแกร่งอีกครั้ง ร่างบางนับจังหวะในใจตามบทเรียน
“แค่กๆๆ” ในที่สุดชายหนุ่มก็สำลักน้ำออกมา เขาได้สติและไอจนตัวโยน
“ดีแล้วที่ไม่เป็นอะ.... ไร” ร่างบางกล่าวอย่างโล่งอกก่อนที่จะล้มลงข้างกัน
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ!!”
กลับมายังปัจจุบัน ตำหนักรัชทายาท
เล่อคุนกำลังมองไปยังเจ้านายด้วยความสงสัย ตั้งแต่กลับมาพระองค์ไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำซ้ำยังนั่งเหม่อมองออกไปด้านนอกตำหนักมาพักใหญ่ เรื่องราวในวันนี้อาจมีเรื่องให้คิดมากมายแต่แทนที่จะมีสีหน้าวิตกกลับแสดงท่าทีสบายใจและดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากกว่าทุกวัน
“เรื่องกำหนดการพรุ่งนี้” เขาเอ่ยถามเมื่อรัชทายาทหนุ่มหันมาสบตาพอดี
“คงกำหนดการเดิมไว้ เพียงแต่ย่ำรุ่งข้าจะไปที่ตำหนักเฉียนชิง หากไม่มีอะไรทำต่อคืนนี้เจ้าจะกลับไปก่อนหรือค้างที่นี่ก็ได้” ตำหนักเฉียนชิงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้เดิมทีหากไม่มีนัดหมายก็ยากจะได้เข้าพบ องครักษ์หนุ่มเองแม้ตอนนี้จะไร้ญาติขาดมิตรแต่ก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันครอบครัวของคนใหญ่คนโตนั้นช่างเหินห่างกันเสียเหลือเกิน
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อน”