“อย่าร้องเลย” มือใหญ่ปาดน้ำตาบนใบหน้าของนางออกอย่างไรเสียพวกเขาต่างมีชะตากรรมเดียวกัน ไม่มีสิทธิ์เลือกชีวิตของตนเองเป็นเพียงเครื่องมือของครอบครัวและดิ้นรนด้วยวิธีการต่างๆ มากมาย สุดท้ายพวกเขาต้องการเพียงเพื่อมีชีวิตการได้พบเหมยลี่ทำให้เขาได้รู้สึกถึงความสุขที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะมีได้ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกว่าตนนั้นโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอนางในโลกอันโหดร้ายใบนี้ แล้วผู้หญิงตรงหน้าเขาเล่า นางเกิดมาบนกองเงินกองทองไม่มีสิ่งใดหากปรารถนาแล้วไม่เคยได้ การเข้ามาเป็นฮองเฮาของนางเติมเต็มแก้วซึ่งมันเต็มอยู่แล้วให้ล้นออกไปอีก สิ่งที่นางต้องการจริงๆ ไม่ใช่สิ่งนั้นรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกแต่เขาก็ไม่สามารถมอบความรักให้นางได้ ตระกูลของนางยึดอำนาจการตัดสินใจจากฮ่องเต้มาหลายรุ่น คอยยุแยงบั่นทอนราชวงศ์มาไม่รู้กี่ครั้ง ซึ่งนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ใจของเขาไม่เคยมอบความรักให้กับหงส์เคียงบัลลังก์นางนี้เลย
ในท้ายที่สุดค่ำคืนนั้นฮ่องเต้ก็ไม่ได้กลับไปยังตำหนักของตนเองและยังมีหลายครั้งที่เขามาเพื่อทานอาหารร่วมกับฮองเฮาจนสุดท้ายสวรรค์ก็ประทานพระราชโอรสมาให้ถึงสองพระองค์
พระราชโอรสทั้งสองประสูติพร้อมกันในคืนเดียว ต่างกันเพียงเสี้ยววินาที แต่เด็กชายที่ลืมตาขึ้นมามองโลกนี้ก่อนและได้ครองตำแหน่งรัชทายาทไปคือพระราชโอรสของหวงกุ้ยเฟยนาม ห่าวซวน อีกด้านแม้เป็นข่าวดีที่บุตรของฮองเฮานาม ซีซวน มีพระวรกายแข็งแรง ทว่าร่างกายของพระนางกลับเย็นชืดไร้ลมหายใจไปก่อนจะได้สวมกอดลูกชายผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยิ่งไปกว่านั้นหลังการสิ้นพระชนม์ของนางได้ไม่นานหวงกุ้ยเฟยก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่างในทันที
เด็กทั้งสองคนหนึ่งเติบใหญ่ในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์ได้รับความรักความภักดีและเต็มไปด้วยผู้สนับสนุนมากมาย เส้นทางของเขาโรยด้วยพันหมื่นบุปผา ในขณะที่อีกคนมีชีวิตในฐานะดวงจันทร์ซึ่งส่องแสงได้เพียงยามค่ำคืนไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับซ้ำเรื่องชาติกำเนิดของเขายังเป็นที่ครหาว่าทำไมทารกซึ่งน่าจะอยู่ในครรภ์ของฮองเฮาช้ากว่าพระสนมถึงได้คลอดออกมาไวนัก ทำให้องค์ชายรองอย่างหวงซีซวนได้รับการปฎิบัติจากผู้คนไม่ดีเท่าที่ควร
เย่เซียวเข้าใจความรู้สึกขององค์ชายรองเป็นอย่างดีทุกครั้งที่นางเห็นสามีอยู่ในช่วงเวลาอันเศร้าหมองก็อดไม่ได้จะปลอบใจจนสุดท้ายก็กลายเป็นความใจอ่อนที่ถูกเขานำไปใช้ประโยชน์ได้ในทุกสถานการณ์
ความเศร้าที่กักเก็บเอาไว้ของหวงซีซวนแปรผันเป็นความโกรธแค้นเกินจะบรรเทา โทสะอันท่วมท้นสุมอกของเขาระเบิดออกในวันอันไร้ขวากหนาม กระบี่เล่มงามไม่มีความลังเลเสียบทะลุอกของบิดาผู้ให้กำเนิด ก่อนจะเผาร่างของเขาทิ้งไม่ให้ได้ฝังไว้ในสุสานบรรพชน
‘เสด็จพี่ทำเช่นนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ดีต่อตัวท่านนะเจ้าคะ’ ตัวนางในตอนนั้นพยายามห้าม ผู้คนมีความเชื่อว่าพลังดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับไม่ได้ดับสูญไปตามร่างกายแต่จะถูกพัดพาไปเป็นหนึ่งเดียวกับผืนแผ่นดิน หากทำเช่นนี้จะผิดต่อธรรมเนียมซึ่งมีมาแต่เก่าแก่ย่อมไม่ดีแน่
‘ดีสิเซียวเอ๋อร์ หากข้าตายไปก่อนเจ้าก็เผาศพข้าได้เลย อย่าฝังไว้ใกล้ใครให้ผู้นั้นต้องมัวหมอง ปล่อยให้ความตายช่วยทำให้ข้าหลุดพ้นจากความเศร้าทั้งปวงด้วยเถอะ’ ซีซวนยิ้มให้นางด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ตอนนั้นเย่เซียวสงสารสามีรักสุดใจ แต่ในเวลานี้นางรู้ซึ้งแล้วว่านั่นอาจเป็นเพียงหน้ากากที่เขาสวมเพื่อหลอกใช้นางก็เป็นได้
กลับมายังปัจจุบัน
“คุณหนูท่านแม่ทัพกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเรียกจากอิงอิงดึงเอาร่างบางหลุดออกจากภวังค์ นางยิ้มให้ก่อนจะเดินตามออกไปเพื่อรับประทานอาหาร
“…” มื้อเย็นของจวนแม่ทัพเต็มไปด้วยความเงียบ เหตุเพราะใต้เท้าไป๋หลังกลับจากวังมาก็มีสีหน้าหนักใจไม่ว่าฮูหยินจะไถ่ถามเท่าใดก็ไร้คำตอบ ก่อนที่เขาจะปลีกตัวไปยังห้องทำงานเพียงลำพัง
เย่เซียวมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ห่างๆ พร้อมกับปลอบท่านแม่ให้คลายกังวลว่า
“เหตุการณ์บ้านเมืองคงมีเรื่องให้คิดหลายสิ่ง ท่านพ่ออาจมีเรื่องหนักใจ ท่านแม่อย่าห่วงไปเลยเจ้าค่ะ ท่านเพียงอาจต้องการเวลา”
“จ้ะ เซียวเอ๋อร์ก็อย่าคิดมากไปนะลูก” สองแม่ลูกยิ้มให้กันก่อนที่ฮูหยินของบ้านจะปลีกตัวเข้าห้องพักไปก่อน
หญิงสาวคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วเพียงแต่ไม่สามารถบอกเรื่องที่นางเผชิญให้แก่ผู้ใดได้ หากใครรู้อาจจะครหาว่านางเป็นหญิงบ้าสติฟั่นเฟือนหรือโดนผีเข้าจนต้องถูกจับเผาทั้งเป็น
สถานการณ์เช่นนี้ต่อให้ไม่ต้องพิสูจน์ก็รู้ได้ว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นถูกต้อง แต่ไหนแต่ไรบิดาของนางไม่เคยอยากให้ลูกสาวคนเดียวไปตบแต่งกับหวงซีซวนเป็นทุนเดิมเนื่องด้วยเป็นขั้วอำนาจตรงกันข้าม การยกลูกในไส้ให้องค์ชายรองก็ไม่ต่างกับการยื่นกระบี่ให้เขา คนอื่นจะมองเห็นถึงความมั่นคงของอีกฝ่ายมากกว่ารัชทายาท ราชสำนักต้องวุ่นวายมากแน่
สิ่งเดียวที่ทำให้บิดาผู้รักลูกยิ่งกว่าใครเลือกทำเช่นนั้นทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องราวอาจไม่ได้สวยหรูดั่งที่บุปผาน้อยต้องการก็คือ…
‘คำสั่ง’ และคนเดียวที่สั่งเขาได้ก็คือ ฮ่องเต้
ฮ่องเต้และองค์ชายรองไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ไม่รู้สาเหตุ แต่เย่เซียวก็มั่นใจได้ว่าพ่อที่ส่งคนไปจับตาดูลูกตนเองทั้งยามตื่นและยามหลับได้เขาต้องมีเจตนาบางอย่างแน่ และมีเพียงตระกูลไป๋เท่านั้นที่ฝ่าบาททรงไว้ใจให้ทำงานใหญ่ ชะตานี้ไป๋เย่เซียวไม่มีทางหลีกหนีพ้น
นางไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ดังนั้นหากจะหลีกหนีจากโชคชะตาครั้งนี้นางต้องพึ่งอำนาจของคนที่สามารถปัดราชโองการของฝ่าบาทได้ แน่นอนว่าทั้งแผ่นดินเหลือเพียงคนทั้งสอง คือ ตัวฮ่องเต้เอง และองค์รัชทายาท หวงห่าวซวน
ตัวเลือกแรกคงไม่ใช่ทางเลือกอันชาญฉลาดเท่าไหร่แค่คิดเย่เซียวก็รู้สึกอายุสั้นไปหลายปีแล้วตัวเลือกที่สองเองก็ใช่ว่าจะให้ความร่วมมือโดยง่าย รัชทายาทขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดโหดร้ายเย็นชา การกระทำของเขานั้นยากเกินคาดเดา เขาเป็นชายคนเดียวที่หวงซีซวนยังไม่สามารถปราบลงได้ ก่อนที่นางจะตายแม้แผ่นดินจะลุกเป็นไฟไร้สถานที่ปลอดภัย แต่หวงห่าวซวนยังคงตั้งกองกำลังเล็กๆ ช่วยเหลือชาวบ้านและรวบรวมกำลังพลอยู่ยังทิศเหนือของแคว้น รักษาพันธมิตรกับหัวเมืองรอบข้างและหาจังหวะโต้กลับหวงซีซวนเสมอมา
จดหมายเชื้อเชิญที่นางมอบให้เขาไปสลักเพียงวาจาสั้นๆ เท่านั้น
‘หม่อมฉันมีบางสิ่งต้องการพูดคุย หวังเพียงพระองค์จะเมตตามาพบในวันพรุ่งนี้’
ค่ำคืนที่แจ้งนัดหมายกับคณิกานางนั้นคงมีสองทาง ถ้ามิได้มิตรก็เพิ่มศัตรูเท่านั้น หากทิ้งระยะมากไปคนฉลาดเช่นองค์รัชทายาทมีแต่จะสืบหาว่าเหตุใดนางถึงรู้เรื่องสายลับของพวกเขาหรือที่แย่กว่าคือนางอาจไม่มีชีวิตอยู่ถ้าเขาต้องการปิดเรื่องของสายลับต่อไป
ช่วงเย็นต่อมาสตรีสองคนเดินออกจากบ้านตอนบ่ายแก่โดยใช้เส้นทางหลบเลี่ยงผู้คนทั้งยังสั่งสาวใช้เฝ้าเรือนว่าไม่สบายห้ามใครรบกวน เย่เซียวจงใจใช้ช่วงเปลี่ยนถ่ายเวรยามหน้าจวนที่มีคนเฝ้าประตูเพียงน้อยและสินบนอีกไม่เท่าไหร่เพียงเท่านี้ก็ออกจากบ้านได้สำเร็จ หากบิดาของนางกลับมาเร็วกว่าที่คาดสาวใช้หน้าเรือนคงรับหน้าไว้ได้
“คะ คุณหนู” อิงอิงเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าทางเดินของเจ้านายคุ้นเคยเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด
“ไม่ต้องห่วงไปวันนี้ข้าไม่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวหรอก” ไป๋เย่เซียวยิ้มให้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้บ่าวตัวน้อยอุ่นใจขึ้นมาสักนิดในเมื่อสิ่งที่เจ้านายกำลังจะบอกคือต้องการให้ตนเข้าไปด้านในสถานเริงรมณ์ย่านโคมแดงด้วยนั่นเอง