หอเมิ่งหว่าน (ค่ำคืนแห่งความฝัน)
บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นมาทันทีหลังจากที่ดวงตะวันลับฟ้าเหล่าผู้คนเริ่มทยอยเดินทางเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นขาจรหรือขาประจำ หญิงสาวมากมายก็พร้อมจะยกขาให้เขาได้ชื่นชมผิวเนียนผ่องใต้ร่มผ้าโดยหาสนไม่ว่าชาติกำเนิดจะต่ำต้อยหรือสูงส่งเพียงใด ยามเมื่อมีเงินทุกคนล้วนเท่าเทียม
โถงทางเดินยาวแม้มีม่านบดบังสายตาแต่ก็ยังเห็นแขกที่นั่งเรียงรายด้านหน้าได้ไม่ยากเหล่าคนที่มาในช่วงหัววันเช่นนี้คงไม่พ้นเป็นผู้มีอันจะกินซึ่งไม่เดือดร้อนเรื่องการงาน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเข้ามานั่งรอยังห้องรับรองที่มีเพียงแขกพิเศษเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้ บุรุษบางคนต่อให้มีเงินล้นฟ้าเข้าออกหอคณิกาเป็นว่าเล่นหรือมีอำนาจจะชี้สั่งใครก็ได้แต่หากไม่ต้องตาสตรีที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอแห่งนี้ แม้นขอความรักกับนางไปก็ไร้ความหวังจะได้รับเชิญเข้ามายังห้องส่วนตัวของคนงาม
ผู้มาเยือนมีใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น รูปร่างกำยำสมส่วนต่อให้ดูอันตรายแต่กลับน่าค้นหา ช่วงวัยของเขาที่แม้อยู่ในวัยแต่งงานแล้วแต่ก็ยังครองตัวโสดและเที่ยวเตร็ดเตร่มาตลอด
“คุณชายเล่อคุน” กาน้ำชาและขนมหน้าตาน่ากินถูกยกเข้ามาวางยังโต๊ะกลางก่อนที่ร่างนุ่มหอมกรุ่นจะนั่งลงบนตักของแขกหนุ่ม แน่นอนว่านอกจากเขาไม่ว่าอะไรแล้วยังวางมือบนเอวเล็กคอดอย่างรู้งาน
เล่อคุน แท้จริงแล้วเป็นเพียงคนไร้หัวนอนปลายเท้าและหาได้กำเนิดในเมืองหลวงแต่กลับต้องตาองค์รัชทายาทจนได้รับการชุบเลี้ยง ไต่เต้าจากข้ารับใช้ขึ้นมาเป็นองครักษ์คู่กาย เรื่องฝีไม้ลายมือก็นับได้ว่าไร้ข้อกังขาติดเสียก็แต่ว่าสุนัขเฝ้าบ้านคนนี้ดูท่าจะเห็นสตรีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
“คุณชายดีจังเลยที่ท่านมาเยี่ยมพวกเราอีก รู้หรือไม่ว่าข้ากับพี่ๆ คิดถึงท่านมากแค่ไหน” คำพูดออดอ้อนของร่างอรชรในเสื้อผ้าบางจนไม่รู้ว่าจะมองส่วนไหนดีเอ่ยกับชายหนุ่มผู้เป็นแขกประจำของที่นี่ เรียกได้ว่าหญิงสาวทั้งหมดไม่มีใครที่เขาไม่รู้จัก
“วันนี้ข้ามาแล้วไงเล่า คงดีหากจอกแรกของวันเจ้าเป็นคนเทให้” รอยยิ้มร้ายดั่งพยัคฆ์หมายขย้ำเหยื่อทำเอาสาวงามทั้งหลายพากันใจเต้นระส่ำถ้วนหน้า
“แน่นอนสิเจ้าคะ เพราะอีกเดี๋ยวคุณชายก็ต้องเข้าไปหานางแล้ว พวกข้าเป็นเพียงทางผ่านคงได้แต่เพียงรอว่าวันใดจะถูกเรียกเข้าไปปรนนิบัติบ้าง” เจ้าของเสียงใสเมื่อครู่พูดเสียงแผ่วลงคล้ายกระซิบ แววตาทั้งคู่จ้องประสานพลางนิ้วมือเรียวดุจลำเทียนของนางลากลงมาตั้งแต่ลำคอ แผงอกแน่น ยาวลงไปถึงหน้าท้องเป็นลอนสวยก่อนที่จะต่ำลงไปมากกว่านั้นก็ถูกหยุดมือเอาไว้เสียก่อน
“รู้หรือไม่ว่าการล้อเล่นกับหัวใจชายหนุ่มมันเป็นบาปนะ อย่างน้อยก็ทำให้ข้าทรมานเพราะคืนนี้ไม่มีเจ้าข้างกาย” เขาดึงมือแสนซนเมื่อครู่มาจูบเบาๆ ยังหลังมือก่อนปล่อยนางไป
“คุณชายมากกว่าที่กำลังปั่นหัวข้า” นางโลมแสนสวยเอ่ยอย่างเสียดายเมื่อประตูถูกเปิดออกและตามมาด้วยเจ้าของอาภรณ์ราคาแพง ตัวคั่นเวลาก็คงต้องจากไปในเมื่อสตรีตัวจริงของเขาปรากฏกายแล้ว
เจียลี่ เยื้องกรายเข้าไปนั่งยังด้านตรงข้าม ใบหน้านวลขาวผ่องงดงามเกินใครดึงดูดใจคนจำนวนมากให้หลงใหล ขอเพียงค่ำคืนนั้นนางขึ้นร่ายรำทุกโต๊ะจะเต็มไปด้วยแขกนับไม่ถ้วน สมคำว่า ‘คณิกาอันดับหนึ่งในใต้หล้า’
“เมื่อวานข้าเดินสวนกับคุณชายใหญ่ของใต้เท้าจาง เห็นว่าเมามายน่าดู เจ้าคงมีเรื่องเล่าให้ข้าฟังบ้างสินะ” เล่อคุนเอ่ยถามด้วยท่าทีต่างไปจากเมื่อครู่
“เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลท่านก็รู้ ใต้เท้าจางฉลาดเป็นกรด ลูกชายที่เหลวแหลกไม่ได้ทำงานสำคัญหรอก” เจียลี่ตอบคำถามเขา
หญิงสาวที่นี่ส่วนใหญ่ไร้สกุลรุนชาติ การศึกษาเดียวที่พวกนางมีคือวิธีเพื่อได้มาซึ่งหัวใจชายหนุ่ม อาชีพอันจำเป็นต้องเปิดเผยเรือนร่างและมอบกายให้ใครก็ได้เพียงเพื่อเงินถูกตีตราดูแคลนมาแต่ไหนแต่ไร เพราะพวกนางไร้พิษสงหนังสือก็อ่านไม่รู้ความ ประสบการณ์โลกภายนอกก็ไม่มีด้วยบางคนถูกขายเข้ามาตั้งแต่เล็ก เรื่องราวมากมายไม่ว่าจะสลักสำคัญเพียงใดล้วนถูกระบายออกมาเพื่อบรรเทาความอึดอัดข้างในกับหญิงสาวที่พร้อมจะปลอบใจพวกเขาเพราะท้ายที่สุดแล้วสตรีเหล่านี้ล้วนถูกมองว่าโง่งมเกินกว่าจะเข้าใจสิ่งที่ตนพูด
“งั้นรึ” ฉากหน้าทุกคนอาจมองว่าเล่อคุนเป็นเพียงชายโง่เง่าที่วิ่งตามชายผ้าของเจียลี่ ถึงได้เทียวมาขอความรักจากนางไม่เว้นวันไม่ต่างจากบุรุษอื่น แต่แท้จริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น... เกมการเมือง ยิ่งรู้ว่าหมากตรงข้ามจะเดินไปทางใดย่อมได้เปรียบในการคว้าชัย หลายปีมานี้เพื่อให้ได้รู้ทันการเคลื่อนไหวของคนทุกฝ่าย องครักษ์หนุ่มจึงทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้นายเหนือหัว
“ก่อนอื่นมีคนฝากให้ข้านำสิ่งนี้มาให้ท่าน” นางหยิบกระดาษพับออกมาจากแขนเสื้อ
“เดี๋ยวนี้เจ้าทำงานให้คนอื่นด้วยหรือไง” เขาถามติดตลกแม้ใจจริงจะกังวลใจไปบ้างว่ามีคนจับได้เรื่องที่เขาทำหรือไม่
“สัญญาของเราผูกคอข้าอยู่ หากไม่ใช่เรื่องที่ข้าเห็นดีเห็นงามด้วยคงไม่รับมาหรอก” คณิกาอันดับหนึ่งของหอเมิ่งหว่านเหลือบมองชายตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ใครให้เจ้ามา” หากมีใครล่วงรู้ความลับขององค์รัชทายาทนั่นย่อมเป็นเรื่องไม่ดีแน่
“เจ้าของปิ่นรูปเมฆาหวังว่าข้าคงไม่จำเป็นต้องบอกนะว่ามาจากใคร นางยื่นให้ข้าเองกับมือมิได้มีใครสวมรอย” สีหน้ามั่นใจของหญิงสาวทำให้องครักษ์หนุ่มพยักหน้าเข้าใจ เพราะถ้ามีอะไรแอบแฝงจริงคนที่โดนคนแรกคงไม่พ้นนาง เจียลี่แม้เป็นคณิกาแต่ก็มิได้มีดีเพียงความงาม นางเฉลียวฉลาดกว่าสตรีทั้งหมดที่เล่อคุนเคยพบมา
เขาเก็บของสองสิ่งเข้าไปในอกเสื้ออย่างรู้งานก่อนจะปีนออกไปทางหน้าต่าง
“คืนนี้ฝากใจข้าไว้กับเจ้าถึงเช้าทีนะเจียลี่” เขาเอ่ยก่อนโบกมือให้คณิกาคนงามด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงเฉกเช่นที่ทุกคนมักพบเห็น
“ข้าจะบอกคนอื่นว่าท่านออกไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ทอแสง เพียงแต่ระวังตัวไว้เถอะเล่อคุนหากอยู่กับข้านานแบบนี้ท่านจะไม่มีวันได้แต่งภรรยาจริงๆ นะ” ใบหน้าสวยเลื่อนเข้ามาใกล้หน้าต่าง นางนั่งลงด้านข้างเพื่อรอส่งเขา
“ฮะๆ เจ้าก็รู้ว่างานของเรามีของแบบนั้นไม่ได้หรอก” เขากล่าวก่อนจะกระโดดจากหลังคาหนึ่งไปยังอีกหลังและเร้นกายไปกับความมืด
ตำหนักรัชทายาท
ตำหนักชั้นในที่มีการป้องกันอย่างดีจากเหล่าทหารองครักษ์ ตัวอาคารทอดตัวยาวไปทางทิศเหนือของเขตพระราชฐานด้านหลังเป็นสระบัวขนาดใหญ่โอบล้อมทำให้ตำหนักแห่งนี้เงียบสงบและเย็นสบายกว่าตำหนักอื่น
แม้พระจันทร์จะเคลื่อนตัวพ้นศีรษะไป เปลวเทียนจากหอตำรายังคงส่องสว่างบ่งบอกให้รู้ว่าผู้ใช้งานยังคงไม่ไปไหน เสียงกระดาษพลิกผ่านทีละหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาคมละสายตาจากหนังสือมองไปยังเงาวูบไหวก่อนที่คนคุ้นเคยจะเผยตัว
“องค์รัชทายาท” องครักษ์หนุ่มโค้งศีรษะทำความเคารพจากนั้นจึงยื่นของที่รับฝากมาให้ผู้เป็นนาย
“หึ” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกความสนใจจากบุรุษด้านหน้า
นานมากแล้วที่เล่อคุนไม่ค่อยได้เห็นเจ้านายหัวเราะออกมา เห็นทีพระองค์คงจะพอใจเนื้อความในจดหมายน้อยฉบับนั้นหรืออาจเพราะเจ้าของที่เขียนหา หากไม่แล้วก็คงเป็นได้ทั้งสองอย่าง
ร่างสูงในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มปักดิ้นทองดูหรูหราสมฐานะ เขาอ่านจดหมายที่ถูกจ่าหน้าถึงตนก่อนจะปิดมันลงและหมุนปิ่นเงินในมือไปมา
“พรุ่งนี้แจ้งราชเลขาไปว่าข้าต้องการยกเลิกการประชุมช่วงเย็น ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ว่างเสียแล้ว” ดวงตาคมทอดมองสิ่งของในมือพลางออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มกลืนความสงสัยลงท้องด้วยเห็นสีหน้าแววตาของนายเหนือหัวที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนถ้าหลุดปากถามออกไปมีหวังได้ลงไปเยือนปรโลกเป็นแน่