ตอนที่ 3 ข้าไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ

1332 คำ
ไป๋เย่เซียวลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความคุ้นเคย ความเจ็บปวดยังคงสลักแน่นในวิญญาณมิจางหาย แม้หลอกตนเองว่า นี้เป็นเพียงความฝันหนึ่งตื่นแสนเลวร้ายที่ไม่ได้เกิดขึ้น ทว่าต่อให้เสแสร้งแกล้งทำว่าเป็นเพียงภาพมายาไปก็เท่านั้น นางกลับมาแล้วจริงๆ บทสนทนาวันคืนชัดแจ้งในทุกเรื่องราว แม้เพียงเข็มเล็กๆ ที่ปักลงบนผ้าก็ยังไม่ผิดไปจากในความทรงจำ ‘ฟ้าส่งข้ากลับมาแล้ว หวงซีซวน’ มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปยังท้องมือ แต่ไม่ได้เจ็บมากไปกว่าหัวใจที่กำลังกลัดหนองอยู่ในตอนนี้ ‘หากไม่มีข้าท่านก็ไม่สามารถถีบตนเองขึ้นสู่ที่สูงเพียงนั้นได้หรอกหนา’ เพราะชื่อของตระกูลไป๋ทำให้เขายกขึ้นมาอ้างได้ราวกับเสือติดปีก อุปสรรคเล็กใหญ่มลายสิ้นในพริบตา หากนางไม่แต่งกับเขาต่อให้สตรีใดเข้ามาแทนที่ก็ไม่สามารถส่งเขาให้ก้าวเดินไปไกลเท่านางได้อีก โฉมงามไล่สาวใช้ออกจากห้องก่อนจะนั่งเรียบเรียงความคิดให้เข้ารูปเข้ารอย อย่างน้อยการที่นางได้ย้อนกลับมานั่นหมายความว่าทางเดินอันผิดพลาดย่อมควรได้รับการแก้ไข เมื่อจัดการความคิดของตนเรียบร้อย…เช่นนั้นก็มิอาจอยู่เฉยได้อีก ด้านหน้าจวนมีรถม้าเตรียมการรอเจ้าของเรือนอยู่ ดรุณีน้อยตอนนี้หวนคืนมายังเวลาก่อนที่ทุกสิ่งจะพังพินาศเพียงไม่นาน ก้าวเดียวนางก็ช้าไม่ได้ หญิงสาวอยู่ในอาภรณ์สีหวานด้านนอกห่มคลุมทับด้วยเสื้อผ้าไหมลายเมฆาสีขาวสะอาดอันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล นางงดงามและน่าทะนุถนอมยิ่งกว่าสตรีผู้ใดในแผ่นดิน ความงามของนางเล่าลื่อไปไกลทั้งผิวขาวราวหิมะ ดวงตากลมโต ใบหน้าหวานละมุนตาและอาภรณ์ประจำตระกูลที่นางมักสวมใส่ทำให้หลายคนขับขานว่านางคือ ‘กระต่ายขาว’ “เจ้าเข้ามาขอคุยกับพ่อก่อนเช่นนี้ เห็นทีฝนคงไม่ตกต้องตามฤดูกาลแน่” ชายวัยกลางคนตรงหน้าคือแม่ทัพรักษาการหรือก็คือบิดาของเย่เซียว นามว่า ไป๋เฟยฉี “ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาท่านพ่อเจ้าค่ะ” ร่างบางยืนหลังตรงท่าทางมุ่งมั่นเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ “ว่ามาสิ เดี๋ยวอีกสักพักข้าต้องเข้าพบฝ่าบาท หากไม่รีบพูดจะสายเอา” ผู้นำตระกูลไป๋มองบุตรสาวก่อนจะตอบกลับ “ท่านพ่อจะว่าหรือไม่ หากลูกคนนี้จะขออยู่ดูแลท่านไปจนแก่เฒ่า” ประโยคที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากบุตรีตระกูลใหญ่เรียกความคลางแคลงใจจากคนฟังได้เป็นอย่างดี “เจ้ากำลังจะบอกอะไร” น้ำเสียงดุดันบ่งบอกว่าไม่ต้องการได้ยินเรื่องไร้สาระหวังกดดันมิให้อีกฝ่ายล้อเล่น “ข้าไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ” “….” รอบด้านเงียบจนเสียงหายใจยังดังกว่า เมื่อวานลูกสาวยังคุยเรื่องการคัดเลือกพระชายาอยู่เลย นางรักองค์ชายรองมาหลายปี ทั้งสองพบเจอกันอยู่หลายหนแม้เขาจะห้ามปรามเท่าใดก็ไม่สามารถขัดใจนางได้ หวงซีซวนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตฮองเฮาแซ่ฟางคนของตระกูลเสนาบดี แม้เป็นคนใกล้ชิดฝ่าบาทยิ่งกว่าใครแต่นางก็อยู่ในตำแหน่งนั้นได้ไม่นานนัก เบื้องลึกเบื้องหลังนั้นเป็นข่าวลือซึ่งปิดกันจนหนาหูถึงเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเช่นกัน แต่หากให้เรื่องเลวร้ายถูกฝังลงไปพร้อมกับเขามันคงจะดีต่ออนาคตของแคว้นมากกว่า องค์ชายรองรั้งตำแหน่งนี้มานานและแน่นอนว่าเขาคงไม่มีวันได้ครองราชย์แทนพี่ชายที่เป็นรัชทายาท กระนั้นเองการมีอยู่ขององค์ชายทั้งสองผู้เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถและสติปัญญาก็ทำให้ราชสำนักที่เดิมทีเป็นหนึ่งเดียวกันได้ไม่นานเริ่มแบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย ฝ่ายรัชทายาทมีทั้งฮ่องเต้ แม่ทัพ ตระกูลหลักอีกสามตระกูลช่วยหนุนหลัง เมื่อเทียบกับฝ่ายองค์ชายรองแม้มีเสนาบดีที่มีอำนาจคุมข้าราชการ และตระกูลใหญ่อีกประปรายคอยกำแหงใส่ ก็มิต่างอะไรกับแมลงที่บินวนให้รำคาญ ทว่าความสงบสุขในตอนนี้ทุกคนต่างรู้ว่ามันเปราะบางเพียงใด แม้เพียงผีเสื้อขยับปีกก็อาจสร้างลมพายุได้เช่นกัน “ลูกสาวคนเดียว ทำไมข้าจะเลี้ยงไม่ได้ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง อยู่กับพ่อนี้แหละ” ไป๋เฟยฉีตอบรับคำขอของบุตรี “ท่านพ่อสัญญาแล้วนะเจ้าคะต่อให้ท่านแม่ ท่านพี่ หรือใครจะต่อต้านท่านพ่อก็ห้ามผิดคำกับลูกเชียว” หญิงสาวยินดีเป็นอย่างมากอย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าบิดาจะยังไม่รีบตกลงปลงใจกับการแต่งงานของนางและบุรุษผู้นั้น “โถ่ เซียวเอ๋อร์ในโลกนี้มีใครจะสั่งพ่อได้อีกเล่า” แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยกังวลสิ่งใด แต่มันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขายิ่ง “ลูกว่ามีนะเจ้าคะ เพียงแต่สัญญาแล้วก็ต้องเป็นสัญญา ลูกไม่รั้งท่านพ่อไว้แล้วเจ้าค่ะ” นางยิ้มให้บิดาที่รักนางยิ่งกว่าใคร เย่เซียวไม่มีทางลืม ในปีนี้ข่าวน่ายินดีที่สุดของนางจะแพร่งพรายก่อนฤดูหนาว หลังจากนั้นไม่นานไป๋เย่เซียวได้ขึ้นเกี้ยวตบแต่งเป็นพระชายาอย่างสมเกียรติ หากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคงเกินแก้ หวงซีซวนฆ่านางได้ลงคอแม้นางทำประโยชน์ให้ได้ขนาดนั้น ดังนั้นถ้าแต่งเข้าไปโดยที่นางขัดขวางแผนการแม้เพียงน้อยมีหรือที่เขาจะเก็บนางไว้ ยามนี้ใบไม้โปรยปรายจนใกล้หมดต้น สายลมบูรพาคืบคลานเป็นสัญญาณถึงการมาของฤดูหนาว เวลาไม่คอยท่าแล้วหากไม่ลงมือเสียตอนนี้เรื่องราวคงได้ซ้ำรอยเดิมอีกเป็นแน่ นางคงทนไม่ได้เมื่อต้องไปอยู่ข้างกายชายคนนั้นอีกครั้ง แม้แต่ตอนนี้ความทรงจำ คำพูด การกระทำยามอยู่ร่วมกัน ทั้งหมดทั้งมวลยังแจ่มชัดมิขาดไปแม้แต่เรื่องเดียว “คนที่บังคับท่านได้คือคนที่ท่านพ่อกำลังจะไปหาอย่างไรเล่าเจ้าคะ” นางพึมพำหลังจากขบวนของแม่ทัพรักษาการเคลื่อนตัวออกไป “ไปเถอะอิงอิง” ร่างบางหันไปยังหญิงรับใช้ซึ่งถือเสื้อคลุมตัวยาวรอไว้ คุณหนูแจ้งว่าวันนี้มีเรื่องต้องทำด้านนอกไม่อยากให้เอิกเกริกจึงจะไปกับนางเพียงลำพัง เพียงแต่สถานที่อันเป็นจุดหมายที่พวกนางมานั้นทำให้บ่าวตัวน้อยลอบกลืนน้ำลายซ้ำแล้วซ้ำอีก รอบด้านส่งเสียงจอแจทั้งวันไม่เคยขาด โคมไฟถูกจุดตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกจากฟากฟ้าเพื่อคอยเรียกหาแขก “ข้าทำสิ่งใดให้คุณหนูไม่พอใจอย่าโกรธเคืองอิงอิงเลยนะเจ้าคะ” นางรีบวิ่งไปเกาะแขนข้างหนึ่งของผู้เป็นนาย “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้พาเจ้ามาขายเสียหน่อยอิงอิง” คนงามหยอกเย้าสาวใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ “ฮืออ คุณหนูตั้งแต่เกิดมาบ่าวยังไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยเจ้าค่ะ” สตรีใดบ้างจะมายังแหล่งมั่วสุมเช่นนี้หากมีใครรู้เข้าชื่อเสียงคงป่นปี้ไม่เหลือหรอ “เจ้าได้มาอีกหลายครั้งแน่” คุณหนูตระกูลไป๋หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าอิงอิงดูจะเป็นกังวลอย่างหนัก สมองน้อยๆ ของบ่าวรับใช้คิดไปถึงบทลงโทษแล้ว…หากถูกจับได้ว่าพาคุณหนูเข้ามาโดยไม่ห้ามปรามบนหลังนางต้องไม่เหลือที่ว่างให้หวายลงแน่ “รอข้าอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้ามา” ไป๋เย่เซียวบอกก่อนที่จะเดินหายเข้าไปยังด้านใน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม