ตอนที่ 2 หวนคืนสู่จุดเริ่มต้น

1292 คำ
ดูเหมือนว่าศาลาริมน้ำจะมีผู้อื่นเข้ามาจับจองก่อนเสียแล้ว บุรุษผู้นั้นกำลังบรรจงวางมือลงบนฉินตัวยาว ทุกตำแหน่งนิ้วของเขาสร้างบทเพลงที่เรียงร้อยกังวานก้อง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวสวยล้อมกรอบใบหน้าขาวที่มีดวงตาคู่เรียววางอย่างพอดิบพอดีรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาหยักได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยดูอ่อนโยนจนมิอาจละสายตาจากไปได้ นิ้วเรียวยาวหยุดมือลงก่อนจะมองมายังหญิงสาว เพียงครั้งแรกที่ทั้งสองสบสายตากันช่วงเวลานั้นก็คล้ายกับว่าทุกสิ่งรอบกายเคลื่อนตัวช้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ “ถวายบังคมองค์ชาย” เหล่านางกำนัลผู้ช่วยนำทางไป๋เย่เซียวส่งเสียงดึงเอาจิตใจที่เหม่อลอยของคนงามให้กลับเข้าร่างก่อนนางจะรีบก้มศีรษะลงตามธรรมเนียม “ข้าไม่คิดว่าจะมีผู้อื่นเข้ามาใช้ศาลาแห่งนี้ แต่หากคุณหนูไม่ว่าอะไรให้ข้านั่งด้วยได้หรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามแม้จะเป็นฝ่ายมาก่อนและสูงศักดิ์กว่าแต่เขาก็มิได้เลือกที่จะไล่นางออกไปตรงกันข้ามกลับชวนให้ดรุณีน้อยนั่งข้างกันเสียด้วยซ้ำ “มิบังอาจเพคะ หม่อมฉันมิบังควรเสียมารยาทเช่นนั้นองค์ชายทรงใช้ที่นี่ไปเถิด หม่อม-” ยังไม่ทันว่าจบเสียงหัวเราะของเขาก็ดังขึ้นจนหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาช่างสดใสเสียเหลือเกิน “สมแล้วที่เป็นบุตรีของแม่ทัพไป๋ เจ้าจะว่าอะไรหรือไม่ที่บุรุษไร้มารยาทผู้นี้จะชวนเจ้านั่งสนทนาด้วย” ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มทอดไมตรี “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ นะเพคะ” ร่างบางละล่ำละลักบอกด้วยความตื่นตระหนก นางไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวว่าเขาเป็นฝ่ายเสียมารยาทที่มาใช่สถานที่นี้ก่อนตนเลยจริงๆ “เรื่องนั้นนั่งก่อนแล้วค่อยแก้ตัวก็ได้ ฮ่าๆๆๆ” หญิงสาวขัดเขินจนหน้าแดงก่ำดั่งผลอิงเถา (เชอร์รี่) เข้าวังครั้งแรกก็พูดจาว่าร้ายองค์ชายเข้าแล้ว นางจึงนั่งลงยังที่ว่างด้านตรงข้ามอย่างเสียไม่ได้ หวงซีซวนเป็นองค์ชายรองที่ไม่ได้มีบทบาททางการเมืองมากนัก ผู้คนเล่าลือว่าเขานั้นเชี่ยวชาญทั้งดนตรี ศิลปะ การสู้รบและพร้อมด้วยสติปัญญาซึ่งไม่เป็นสองรองใคร วันนี้เย่เซียวยืนยันได้ว่าทุกคำกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น เย่เซียวไม่ใช่คนใจง่ายที่ผ่านมาพบเจอบุรุษมากหน้าหลายตามิใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่เห็นใครก็หลงใหลทว่าไม่รู้ทำไมทุกสิ่งที่เขากล่าวออกมาช่างน่าฟังไปทั้งหมด รอยยิ้มของเขาก็สดใสยิ่งกว่าดวงตะวันยามทอแสงเจิดจรัส ...นางหลงรักเขาเข้าแล้ว ‘ความรักของข้าเริ่มต้นยังศาลาริมน้ำในวันนั้น สุกงอมในวันที่ได้มีเขาเคียงข้าง ดำดิ่งสู่ค่ำคืนซึ่งหลอมละลายกายใจเราสองเข้าด้วยกัน…ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงในวันนี้ข้า… ไม่น่า...รักท่านเลย’ หลังจากสิ้นสุดลมหายใจสุดท้ายความเจ็บปวดจากยาพิษถ้วยนั้นเริ่มจางหายไปตอนไหนก็มิอาจรู้ได้ ยามนี้มีเพียงความรู้สึกว่ารอบด้านทั้งมืดมิดและเหน็บหนาว คนชั่วเช่นนางแม้ไม่ได้ไปสบายในแดนสุขาวดีก็ไม่ผิดหรอกหนา แพขนตางอนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความคุ้นเคยรอบด้านชวนให้คิ้วโก่งขมวดมุ่นอย่างประหลาดใจ ทำไมปรโลกถึงมีเพดานเหมือนห้องของนางเลยล่ะ? “คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” หญิงรับใช้ตัวน้อยเดินเข้ามาใกล้ นางนั่งลงด้านข้างเตียงก่อนจะพับผ้าห่มพื้นใหญ่ให้เช่นที่เคยทำทุกวัน “อิงอิง?” “เจ้าคะ? ปวดเหมื่อยตรงไหนให้ข้านวดให้หรือเจ้าคะ อ๊ะ! คุณหนูร้องไห้ทำไมใครทำอะไรบอกมาเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวจะไปจัดการให้!” สองขาสั้นรีบเดินเข้ามาปลอบไหล่เล็กซึ่งสั่นสะท้านไม่หยุด “ขอโทษ…ฮึก…ขอโทษ เพราะข้าไม่ดีเอง เจ้าถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย ฮือๆ มันเป็นความผิดของข้า เจ้าจะโกรธจะเกลียดข้ายังไงก็ได้” หญิงสาวร้องไห้โฮออกมา อิงอิงเป็นสาวใช้ซึ่งติดตามไปดูแลเย่เซียวที่ตำหนักพระชายา นางมักสั่งให้บ่าวผู้น้อยเป็นนกส่งข่าวถึงการเคลื่อนไหวของสามีให้แก่บิดาเสมอ “คุณหนูใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น ให้ข้าไปตามหมอดีหรือไม่” สาวใช้ยังคงสอบถามด้วยความไม่เข้าใจ “หมอ…?” หยาดน้ำตาไหลมาไม่ขาดสายหยุดลงก่อนจะร็สึกได้ว่าร่างกายที่นางโอบกอดไว้อบอุ่นเกินกว่าจะเป็นคนตาย “คุณหนูฝันร้ายหรือเปล่าเจ้าคะ? ข้าจะเกลียดคุณหนูได้ยังไงกัน” ข้ารับใช้คนสนิทงุนงงสงสัยพลางเรียกสติผู้เป็นนาย “ฝัน… งั้นเหรอ” เรื่องราวก่อนไป๋เย่เซียวจะดื่มยาพิษแก้วนั้นลงไป ค่ำคืนที่นางสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ‘พระชายาองค์ชายออกคำสั่งปลดท่านแม่ทัพแล้วนะเพคะ…ใต้เท้าไป๋บอกว่าคืนนี้พระองค์ต้องหนีแล้วได้โปรดไปกับบ่าวเถิด’ ‘ข้าไม่ไป เสด็จพี่ทำเพื่อพวกเราทำไมไม่มีใครเข้าใจเล่า’ หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจเหตุใดไม่มีใครเชื่อในตัวพระสวามี ‘คุณหนู’ นางเอ่ยเรียกด้วยสรรพนามเดิมก่อนที่เจ้านายจะแต่งเข้าวัง ‘อิงอิงไม่อยากให้คุณหนูต้องเสียใจเลย แต่หากไม่พูดวันนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้วองค์ชายทำเรื่องมากมายโลกที่เขาสร้างมีเพียงนรกเท่านั้นนะเจ้าคะ’ ความจริงนี้ทุกคนล้วนล่วงรู้กันถ้วนทั่วมีเพียงผู้เป็นนายของนางเท่านั้นที่โดนความรักปิดหูปิดตาจนไม่รับรู้สิ่งใด ‘ออกไป...’ เสียงหวานสั่นเครือชี้นิ้วไปทางหน้าประตูตำหนัก ‘คุณหนู’ สาวใช้คนสนิทไม่อยากเชื่อเลยว่ามาถึงเพียงนี้แล้วเจ้านายก็ยังเลือกไม่ฟังคำของข้ารับใช้ผู้ภักดี ‘ข้าสั่งให้เจ้าออกไปให้พ้นหน้าข้า!’ เย่เซียวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนออกคำสั่งสุดท้าย ‘คะ...คุณหนู’ สาวใช้ตัวน้อยเริ่มน้ำตาซึมก่อนกลั้นใจเอ่ยต่อ ‘คืนนี้บ่าวจะรอที่ท่าเรือนะเจ้าคะ หากคุณหนูไม่มาบ่าวก็จะไม่ไปเช่นกัน’ นางกล่าวไว้และออกจากห้องไปเพื่อแจ้งเจตนารมณ์ของพระชายากับใต้เท้าไป๋ เกินที่ผู้ใดจะคาดคิดค่ำคืนนั้นจะไม่มีเรือลำใดได้แล่นออกจากท่าอีกเลย น้ำสีใสของแม่น้ำเจือไปด้วยของเหลวสีชาด คราบโลหิตราดรดชโลมทั่วทั้งพื้นดิน ไม่ว่าเป็นชาย หญิง แม้กระทั่งเด็กล้วนแล้วแต่ไร้สิ้นลมหายใจ หมดสิ้นแซ่ไป๋…ตระกูลแม่ทัพซึ่งเคยเกรียงไกร พวกเขาต่างต้องตายลงบนแผ่นดินที่เคยถวายดวงใจพิทักษ์ให้ ณ แคว้นหวงแห่งนี้ ไม่ว่าท่านปรารถนาสิ่งใด ข้าขออวยชัยไม่ให้ท่านได้มันไป! วาจาที่ลั่นออกไปครั้งนั้น หมายมั่นให้สวรรค์ลงโทษชายคนรักอย่างเจ็บปวดหากแม้ได้เพียงครึ่งที่นางพบเจอก็ยังดี ทว่าฟ้าคงมิสามารถลงทัณฑ์คนชั่วได้เพราะทุกอย่างเป็นไปตามลิขิตชะตาซึ่งกำหนดเอาไว้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังมีเมตตาหมุนกงล้อแห่งกรรมนำพาให้นางได้ย้อนกลับมาแก้ไขจุดจบทั้งหมดอีกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม