"อ้าวกวาง แล้วทำไมถึงไปนั่งเบาะหลัง" คมพยัคฆ์ถามชมพูแพร
"กวางเว้นที่ไว้ให้คุณป้านั่งค่ะ" ชมพูแพรรีบตอบ
"แม่พี่เขาชอบนั่งเบาะหลัง ใช่มั้ยแม่" คมพยัคฆ์รีบหันไปถามแม่ของตัวเอง
"ใช่หนูกวาง ป้าชอบนั่งเบาะหลังมากกว่ามันกว้างดีป้านั่งสบายกว่าไม่ปวดเข่าด้วย"
"ถ้าอย่างนั้นกวางนั่งเบาะหลังเป็นเพื่อนคุณป้าด้วยคนนะคะ" ชมพูแพรรีบเดินอ้อมไปนั่งเบาะหลังแต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถคมพยัคฆ์ก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน
"ไม่ได้ มานั่งหน้า พี่เป็นผัวกวางนะไม่ใช่คนขับรถ อย่ามาดื้อกับพี่ต่อหน้าแม่นะ ต่อหน้าแม่ก็ไม่กลัวหรอกจูบโชว์แม่ได้ถ้าเด็กมันดื้อ ว่าไงจะมานั่งเบาะหน้าดีๆ หรือว่าต้องให้ใช้กำลัง" คมพยัคฆ์พูดขู่ทำให้ชมพูแพรไม่กล้าขัดใจ รีบเดินลงส้นไปนั่งเบาะหน้ากับคมพยัคฆ์ด้วยอาการไม่พอใจ
เมื่อไปถึงที่วัดคุณพริ้มเพราได้ถวายอาหารเพลแกหลวงตาและพระสงฆ์อีกหลายรูป พอพระฉันเพลเสร็จแล้ว คุณพริ้มเพราก็ได้กราบนมัสการขอให้หลวงตาช่วยดูฤกษ์ยามในการจัดงานหมั้นให้ชมพูแพรกับคมพยัคฆ์ ดูแล้วก็ปรากฏว่าฤกษ์ดีแล้วรวดเร็วที่สุดมีหมายกำหนดในอีกสิบสี่วันข้างหน้า ดังนั้นในวันนี้หลังจากที่ได้ฤกษ์ยามจากหลวงตามาแล้วคมพยัคฆ์จึงต้องพาชมพูแพรไปลองชุดใส่ในงานวันหมั้นเสียด้วยเลย เพราะถ้าช้าไปกลัวว่าชุดจะเสร็จไม่ทันวันงานหมั้น
"ได้ฤกษ์ยามแล้ว แม่ว่าหนูกวางกับพยัคฆ์ไปลองชุดใส่ในวันหมั้นกันเสียเลยดีมั้ย เดี๋ยวแม่จะโทรหาเพื่อนแม่ให้ เขาเป็นเจ้าของร้านชุดเจ้าสาวอยู่ เดี๋ยวจะให้เขาช่วยดูแลให้เป็นกรณีพิเศษ"
"ได้ครับแม่ งั้นเอาอย่างนี้ครับเดี๋ยวผมไปส่งแม่ที่บ้านก่อน เสร็จแล้วค่อยโทรบอกคุณตาคุณยายของกวางเขาว่าผมจะพากวางไปลองชุดใส่ในงานวันหมั้นเลย"
"ได้ลูก ดีเลยไปส่งแม่ก่อนดีกว่า แม่นั่งไหว้พระนานเริ่มจะปวดเข่า ลูกพาน้องไปกันสองคนดีกว่า" คุณพริ้มเพราพูดเห็นด้วยกับลูกชาย
"แต่ว่า จริงๆ แล้วกวางไปเองวันหลังก็ได้นะคะ คือกวางรู้จักกับหลานสาวเจ้าของห้องเสื้อ ยายน้ำผึ้งเป็นเพื่อนสนิทเรียนห้องเดียวกันกับกวางค่ะ ปีที่แล้วตอนกวางประกวดนางนพมาศก็ได้ชุดที่ร้านน้ำผึ้งเขานะคะ" ชมพูแพรบอกคุณพริ้มเพราเพราะว่าอยากไปเองมากกว่าไม่อยากไปกับคมพยัคฆ์สองต่อสอง
"อ้าว หนูกวางเป็นเพื่อนกับหลานสาวเพื่อนป้าหรอกหรือ แต่ป้าว่าให้พยัคฆ์เขาพาไปจะดีกว่านะลูก"
"นั่นสิครับแม่ มีคู่หมั้นคู่แต่งงานที่ไหนเขาแยกกันไปลองชุดแต่งงานคนละรอบวะ" คมพยัคฆ์พูดออกมาด้วยท่าหงุดหงิดเริ่มไม่พอใจชมพูแพรขึ้นมาเป็นริ้วๆ
"ก็คู่ของเรานี่แหละค่ะ เพราะมันเป็นคู่ที่ไม่ปกติเหมือนชาวบ้านที่เขารักกันโดยทั่วไปไงละคะ" ชมพูแพรได้ทีพูดเหน็บคมพยัคฆ์ออกไปแต่ก็ยังมีท่าทีเกรงใจคุณพริ้มเพราอยู่ คุณพริ้มเพราเห็นอาการไม่ค่อยดีจึงพูดกับชมพูแพรขึ้นว่า
"หนูกวางลูก ป้าว่าหนูไปกับพี่เขาเถอะนะลูกนะ จะได้เลือกแบบชุดใส่วันหมั้นให้มันเข้ากันทั้งสองคน อีกอย่างไหนๆ วันนี้หนูกวางก็ออกมาแล้วป้าว่าจัดการมันเสียให้เสร็จไปทีเดียวก็ดีนะ" คุณพริ้มเพราพูดด้วยเหตุผลทำให้ชมพูแพรเกรงใจและต้องยอมออกไปลองชุดใส่วันหมั้นกับคมพยัคฆ์อย่างขัดเสียไม่ได้
เมื่อไปส่งแม่แล้วคมพยัคฆ์ก็ขับรถคันหรูของตัวเองพาชมพูแพรไปลองชุดใส่วันหมั้น เมื่อไปถึงร้านชุดแต่งงานชมพูแพรก็ได้เจอน้ำผึ้งเพื่อนสนิทของตัวเอง จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบอกความจริงกับเพื่อนไปว่าตนเองกำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับคมพยัคฆ์ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
"อาพยัคฆ์เข้าไปลองชุดของอาพยัคฆ์ก่อนได้เลยค่ะ กวางขออนุญาตคุยกับน้ำผึ้งสักครู่นะคะ" ชมพูแพรหันไปบอกคมพยัคฆ์เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวในการคุยกับเพื่อน เมื่อคมพยัคฆ์เข้าไปลองชุดแล้วชมพูแพรจึงหันมาคุยกับเพื่อน
"นี่แกกำลังจะหมั้นกับคุณพยัคฆ์เขาจริงๆ เหรอ" น้ำผึ้งถามเพื่อนสนิทของตัวเอง
"จริง.." ชมพูแพรตอบเพื่อนออกไปสั้นๆ
"แล้วทำไมต้องหมั้นปุบปับ แกแอบคบกับคุณพยัคฆ์มาก่อนโดยที่ไม่บอกฉันหรือเปล่ายายกวาง ไม่น่าล่ะผู้มาจีบก็ไม่เห็นจะสนใจใครเลย ชอบคนมีอายุมากกว่านี่เอง แต่คุณพยัคฆ์นี่เขารวยมากเลยนะรวยระดับจังหวัดเลยนะ ไม่น่าล่ะตอนแกประกวดนางนพมาศคราวนั้นถึงได้ทุ่มทุนบริจาคโหวตให้แกเป็นล้านๆ"
"บ้า ไม่ใช่อย่างที่แกว่าเลยยายน้ำผึ้ง ฉันไม่เคยคบหาแบบชู้สาวกับอาพยัคฆ์มาก่อนเลย อาพยัคฆ์เขาทำธุรกิจกับคุณตาของฉันเฉยๆ คือเรื่องหมั้นเป็นเรื่องของความเหมาะสม เอ่อ ฉันหมายถึงผู้ใหญ่เขาเห็นชอบให้เป็นแบบนั้น แต่มันก็แค่หมั้นกันไว้ก่อนแหละ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปกันรอดหรือเปล่า" ชมพูแพรรีบพูดแก้ตัว ยังคงไม่กล้าเล่าเพื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นที่กระท่อมเมื่อคืนให้เพื่อนฟังแต่อย่างใด
"แล้วนี่ยังไง ตกลงแกจะหมั้นจะแต่งเลยมั้ย แล้วแกยังไปเรียนต่อหรือเปล่า แกสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพไว้ได้แล้วด้วยนี่หว่า" น้ำผึ้งร่ายยาวถามเพื่อน
"ไปเรียนสิ ก็บอกแล้วว่าแค่หมั้นกันเอาไว้ก่อนเฉยๆ" ชมพูแพรรีบบอกเพื่อนอย่างรวดเร็วเช่นกัน
"แล้วงานหมั้นแก แกจะชวนยายลูกปลากับยายมะลิไปด้วยหรือเปล่า" น้ำผึ้งถามเพื่อนเรื่องวันงานว่าจะชวนเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกสองคนไปด้วยหรือเปล่า
"กวางคงไม่รบกวนสองคนนั้นหรอก แค่งานหมั้นเล็กๆ เองน้ำผึ้ง" ชมพูแพรตอบออกไป
"แล้วฉันล่ะ แกต้องให้ฉันไปด้วยนะ"
"ก็ถ้าน้ำผึ้งว่าง ยังไม่ต้องไม่ไปรายงานตัวเข้าเรียนต่อเสียก่อนกวางก็เรียนเชิญเลยนะ อีกสิบสี่วันก็จะถึงงานหมั้นของกวางแล้ว น้ำผึ้งยังอยู่กาญจนบุรีอยู่ใช่มั้ยหรือว่าเดินทางไปเรียนต่อที่เชียงใหม่แล้ว" ชมพูแพรถามเพื่อนเพราะรู้เรื่องของน้ำผึ้งดีว่าน้ำผึ้งสอบไปเรียนต่อด้านการออกแบบเสื้อผ้าในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ได้แล้ว
"ยังอยู่ หลังจากงานหมั้นแกนั่นแหละ เดินทางพอดีน่าจะรายงานตัวพร้อมๆ กับแกนั่นแหละ"
"อือ ถ้าแกว่างก็ไปอยู่เป็นเพื่อนฉันในวันหมั้นหน่อยนะ"
"ได้อยู่แล้ว ตื่นเต้นแทนแกเลยน่ะ แล้วทำไมไม่บอกยายลูกปลากับมะลิมันด้วย" น้ำผึ้งถามขึ้นด้วยความสงสัย
"คือฉันไม่อยากให้เรื่องนี้มันดังออกไปมากกว่านี้ ยังไม่มีใครรู้เรื่องฉันหมั้นเลยตั้งใจจะทำกันเป็นการภายในเชิญญาติๆ กันแค่ไม่กี่คนเองน้ำผึ้ง คือตัวฉันเองก็ไม่รู้อนาคตชีวิตของตัวเองเลย ฉันไม่รู้เลยว่าจะไปกันรอดหรือเปล่า เราอาจจะไปกันไม่รอดก็ได้ ถึงตอนนั้นอยากจะจากกันไปแบบเงียบๆ น่ะน้ำผึ้ง คือฉันกับอาพยัคฆ์เราอายุห่างกันเยอะมาก แบบแผนการใช้ชีวิต ความคิด มันอาจจะต่างกันจนจูนกันไม่ติดก็ได้นะ เอาจริงๆ ฉันคิดว่าเราไม่น่าไปกันรอด ฉันแค่ขัดความต้องการคุณตาไม่ได้นะ" ชมพูแพรเล่าเพื่อนซึ่งน้ำผึ้งเองก็พอจะเข้าใจชมพูแพรอยู่จึงไม่พูดรบเร้าเซ้าซี้เพื่อนอีก
"อือ ไม่บอกใครก็ไม่บอกใครเว้ย ว่าแต่แกเถอะไปลองชุดกับว่าที่สามีของแกได้แล้วไป คุณพยัคฆ์เขารอแกนานแล้วนะ"
"อือ อาพยัคฆ์คงเลือกเสร็จแล้ว ส่วนของกวางให้พี่พนักงานเขาเลือกมาให้สักชุดก็ได้ ชุดไหนก็เหมือนกันกวางใส่ได้หมดไม่เลือกได้มั้ย"
"ไม่ได้ แกต้องเลือกชุดให้มัน Match กับคุณพยัคฆ์เขา นั่นไงเดินมาตามแกแล้วน่ะ" น้ำผึ้งพูดแล้วพยักหน้าส่งสายตาไปมองว่าที่สามีของเพื่อน
"ขอโทษที่ผมเข้ามาขัดจังหวะการคุยกันนะครับ กวางต้องไปเลือกชุดแล้วนะ" คมพยัคฆ์พูดบอกชมพูแพรไม่ลืมที่จะพูดขอโทษน้ำผึ้งอย่างคนมีมารยาทดี มันช่างขัดกับหน้าหนวดคมเข้มของเขามาก
"ไม่ได้ขัดจังหวะอะไรเลยค่ะ คุยกันจบแล้วพอดีเลยค่ะคุณพยัคฆ์ น้ำผึ้งกำลังจะพายายกวางไปส่งคืนให้ไปเลือกชุดลองชุดอยู่พอดีเลย ส่วนตัวน้ำผึ้งเดี๋ยวจะดูแบบการ์ดกับของชำร่วยงานหมั้นมาให้เลือกดูนะคะ" น้ำผึ้งยิ้มบอกคมพยัคฆ์
"ขอบคุณมากนะครับ" คมพยัคฆ์ขอบคุณแล้วส่งยิ้มให้ ทำให้น้ำผึ้งถึงกับใจสั่นเมื่อคมพยัคฆ์ส่งยิ้มมา คิดในใจว่า
"ถึงจะอายุมากกว่ายายกวางหลายปี แต่ดูดีทุกองศา มีหนวดด้วยสเปคฉันเลย ถึงจะแก่กว่าแต่ก็คมเข็มหล่อทุกอณูเส้นขนจริงๆ"
"ไปลองชุดได้แล้วครับน้องกวาง พี่เลือกเอาไว้ให้แล้ว" คมพยัคฆ์พูดบอกชมพูแพรแล้วเอื้อมมือไปจับแขนเรียวสวยเบาๆ
"ค่ะ ไม่ต้องจับกวางเดินเอง"
"อย่ามาพยศให้มากนะกวาง เดี๋ยวจะโดนอย่างที่เคยโดนไปเมื่อเช้า"
"ก็ลองดูสิ อาพยัคฆ์ก็จะโดนเหมือนที่เคยโดนเหมือนกัน คราวนี้รับรองเลยนะกวางจะกัดลิ้นให้ขาดด้วย" ชมพูแพรพูดเสียงขึ้นจมูกแสดงท่าทีไม่พอใจและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน พูดเสร็จแล้วก็เดินลงส้นนำหน้าคมพยัคฆ์ออกไปห้องลองเสื้อทันที
"ชุดคุณกวางค่ะ ลองเลยนะคะ แหมปีที่แล้วมาลองชุดใส่งานวันลอยกระทงประกวดนางนพมาศพี่จำได้ คุณน้องกวางสวยมากๆ เลยค่ะ มาปีนี้มาลองชุดใส่งานหมั้นเสียแล้ว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะก็คุณน้องกวางสวยออกขนาดนี้ ทำเอาคุณคมพยัคฆ์ถึงกับยอมสละโสดได้เลยนะคะ" พนักงานสาวพูด ชมพูแพรได้แต่รับฟังและยิ้มให้พนักงานน้อยๆ ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่าชมพูแพรไม่ได้คิดที่จะแต่งงานเลย
"ขอบคุณค่ะ กวางไปลองเลยนะคะ" ชมพูแพรยิ้มแล้วถามออกไป
"เชิญด้านนี้เลยค่ะ ชุดนี้มันเป็นชุดลูกไม้อิตาลี มีกระดุมด้านหลังด้วย เดี๋ยวคุณพยัคฆ์เข้าไปช่วยคุณน้องกวางหน่อยนะคะ" พนักงานพูดบอกแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"เอ่อ...คือว่า..." ชมพูแพรยังไม่ทันได้พูด คมพยัคฆ์ก็แย่งพูดไปเสียก่อน
"ได้ครับ เดี๋ยวผมเข้าไปช่วยกวางติดกระดุมเองครับ"
เมื่ออยู่ในห้องลองชุดกันสองคน ชมพูแพรลองสวมชุดเสร็จก็ได้รวบผมยาวของตนขึ้นสูงเพื่ออำนวยความสะดวกให้คมพยัคฆ์ได้ช่วยติดกระดุมได้ง่ายๆ
"ติดเสร็จแล้วยัง ช้าจังเลยกวางเมื่อยแล้วนะคะอาพยัคฆ์"
"ขาวครับ เนียนมากด้วย นุ่มหอมด้วยครับ" คมพยัคฆ์เผลอพูดตาลอยออกมา
"อาพยัคฆ์...." ชมพู่แพรเริ่มโกรธที่ได้ยินคมพยัคฆ์พูดแบบนั้นจะรีบหมุนตัวหมายจะมาจัดการกับคมพยัคฆ์ที่บังอาจแอบมองแผ่นหลังขาวเนียนของตัวเอง แต่พอรีบร้อนหมุนตัวปากบางของชมพูแพรเลยหันเข้าไปปะทะเข้ากับปากหนาของคมพยัคฆ์พอดี จังหวะมันได้ โอกาสมันมี และมีเหรอที่เสือร้ายอย่างคมพยัคฆ์จะไม่รีบตะปบเมื่อมีเหยื่อมาป้อนให้กินถึงปากแบบนี้
คมพยัคฆ์ใช้มือเพียงข้างเดียวเกี่ยวเอวบางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับล็อกต้นคอเรียวระหงของชมพูดแพรเอาไว้ ปากหนาก็ทำหน้าที่จูบดูดดึงริมฝีปากบางของชมพูแพรอยู่เนิ่นนานกว่าจะยอมปล่อย พอถอนจูบแล้วคมพยัคฆ์ก็พูดขึ้นว่า
"จูบเบรกบ่ายนี่ก็หวานมากเลยเนอะ หวานกว่าจูบตอนเช้า แล้วก็โชคดีมากที่ปากไม่แหกได้เพิ่มอีกแผล" คมพยัคฆ์ล้อชมพูแพรอย่างอารมณ์ดี ชมพูแพรเขินแล้วเขินอีก อายจนหน้าแดงไปหมด อาการเขินอายนั้นยิ่งทำให้คมพยัคฆ์ยิ่งมันเขี้ยวจึงฉวยโอกาสหอมแก้มสาวไปอีกฟอดใหญ่เต็มปอดแล้วพูดว่า
"เมียพี่นี่ปากก็หวาน แก้มก็หอม หลงเลยครับ" พูดเสร็จคมพยัคฆ์ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ผิดกับชมพูแพรที่หน้าร้อนหูแดงแก้มแดง โกรธคมพยัคฆ์จนควันแทบจะออกหู