เมื่อชมพูแพรแต่งตัวเสร็จแล้วเดินลงมาจากชั้นบนก็ได้เดินมาหายายและคมพยัคฆ์ที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ วันนี้ชมพูแพรแต่งชุดเดรสสีขาวลายฉลุลูกไม้ยาวคลุมเข่า แต่งหน้าอ่อนๆ และรวบผมตึงผูกเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ทำให้ชมพูแพรยิ่งดูเป็นสาวและสวยหวานน่ารักมากยิ่งขึ้น
"ลงมาแล้วหรือลูก มาลูกมา นั่งทานอาหารเช้ากับคุณพยัคฆ์เขาก่อน ยายทำข้าวต้มไว้ให้ กินมื้อเช้าเสร็จแล้วค่อยไป" คุณนายรัศมีพูดชวนหลานสาว
"กวางยังไม่หิวเลยค่ะคุณยาย นมจันทร์เอาน้ำส้มคั้นไปให้ดื่มแล้วค่ะ ไปกันเลยก็ได้จะได้จบๆ สิ้นเรื่องสิ้นราวไป" ชมพูแพรบอกยายแล้วพูดน้ำเสียงฟังดูรู้ว่ากำลังกระแทกแดกดันคมพยัคฆ์ด้วยความไม่พอใจโกรธเคืองคมพยัคฆ์เรื่องเมื่อคืนอยู่
"ยายกวาง พูดจาไม่น่ารักเลยนะลูก กวางไม่หิวแต่คุณพยัคฆ์เขาหิว นี่คุณพยัคฆ์เขามานั่งคอยกวางอยู่นานแล้วนะ มาไปกินข้าวเช้ากับคุณพยัคฆ์เขาก่อน ยายกับตาต้องไปที่รีสอร์ตก่อนพอดีมีงานด่วนเข้ามาพอดี ยังไงก็เชิญคุณพยัคฆ์ตามสบายนะคะ" คุณนายรัศมีพูดปรามหลานสาว เมื่อโดนคุณยายดุทำให้ชมพูแพรมีท่าทีอ่อนลง เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหาร รอให้เด็กตักข้าวต้มมาเสิร์ฟแต่ก็ไม่มองหน้าไม่พูดทักทายคมพยัคฆ์เลย นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มไปไม่พูดไม่จา จนคมพยัคฆ์อดรนทนไม่ไหวในท่าทีชวนอึดอัดของชมพูแพร จึงพูดถามขึ้นทำลายความเงียบว่า
"เมื่อคืนกวางนอนไม่หลับเหรอ วันนี้ถึงได้ดูหงุดหงิดจังเลย" คมพยัคฆ์พูดถามขึ้นทำลายความเงียบบนโต๊ะกินข้าวแต่กลับได้ค้อนตาคมกลับมาจากชมพูแพร
"ลองมาโดนแบบฉันสิ ใครมันข่มตาให้หลับลงได้มันก็แปลกมากแล้วแหละ คนฉวยโอกาสแบบคุณมันจะไปเข้าใจอะไร"
"เข้าใจ ทำไมจะไม่เข้าใจ พี่เองก็นอนไม่หลับเหมือนกันนั่นแหละ เมื่อคืนก็โดนแม่สวดเสียยับเลย ตอนเช้าตื่นขึ้นมา เมียก็บึ้งตึงใส่อีก"
"หยุดเลยนะ หยุดพูดว่ากวางเป็นเมียอาพยัคฆ์ กวางไม่ได้เป็น กวางไม่ได้เต็มใจ กวางไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ อาพยัคฆ์ฉวยโอกาสกับกวางแบบหน้าด้านที่สุด"
"เออ ก็ยอมรับผิด ยอมรับว่าฉวยโอกาส แต่กวางก็เป็นเมียพี่แล้ว พี่เองก็ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง"
"แล้วถามกวางหรือเปล่าว่ากวางต้องการให้เป็นแบบนี้หรือเปล่า"
"กวางรังเกียจพี่เหรอ พี่ก็เคยถามกวางแล้วว่ากวางมีแฟนหรือคนรักแล้วยัง กวางก็บอกว่าไม่มี ถ้ากวางไม่มีใครพี่เองก็ไม่มีใคร ทำไมเราจะลองคบกันไม่ได้ล่ะกวาง"
"ลองคบเหรอคะ แต่สิ่งที่อาพยัคฆ์ทำกับกวางมันไม่ใช่การลองคบกันนะคะ อาพยัคฆ์ฉวยโอกาสกับกวาง แล้วตัวกวางเองก็ยังเด็ก กวางนับถือเคารพอาพยัคฆ์แบบผู้ใหญ่คนหนึ่งมาโดยตลอดแล้วอาพยัคฆ์มาทำกับกวางแบบนี้ได้ยังไง"
"นับถือแบบผู้ใหญ่เหรอกวาง พี่อายุเยอะกว่ากวางก็จริงแต่ก็ไม่ได้เยอะมากจนถึงกับขนาดจะคบหาเป็นแฟนกันไม่ได้"
"แต่ถ้าเทียบอายุกัน กวางอายุสิบแปดแต่อาพยัคฆ์สามสิบเอ็ดแล้วนะคะ คิดเอาเถอะค่ะว่าอาพยัคฆ์อายุมากหรือเปล่า"
"เออ ก็หลายปี แต่สมัยนี้เขามีผัวแก่มีเด็กกันเยอะแยะไป อายุหกสิบยังได้เมียอายุยี่สิบเลยนะ อย่าลืมเราเป็นผัวเมียกันแล้ว"
"ค่ะ แต่กวางไม่ได้ตกลงปลงใจยินยอมเป็นเมียอาพยัคฆ์ เพราะพยัคฆ์ฉวยโอกาส ภูมิใจมากมั้ยที่ได้รังแกเด็ก"
"เออ พี่ฉวยโอกาสเว้ย อิ่มแล้วยังจะได้ไปดูฤกษ์หมั้นกัน แม่พี่คงรอนานแล้วนะ"
"อิ่มแล้ว กินไม่ลงเสียหน่อย อาพยัคฆ์จำเอาไว้นะคะกวางยอมหมั้นเพราะไม่อยากให้คุณตาคุณยายต้องไม่สบายใจ อับอายผู้คน หมั้นเสร็จกวางจะไปเรียนต่อ แล้วกวางก็จะไม่ยอมให้อาพยัคฆ์เอาเปรียบกวางอีก ถ้าอาพยัคฆ์ทำอะไรกวางอีก กวางจะไม่ยอม จะหนีไปให้ไกลจำเอาไว้"
"เออ จะไม่ฉวยโอกาสอีก แต่มันได้โอกาสไปแล้วไง กวางก็ระวังเนื้อระวังตัวให้ดีแล้วกัน ไม่ยอมพี่แต่ห้ามไปง่ายให้ใครก็แล้วกัน อย่าให้รู้นะพี่ไม่เอามันไว้แน่จำไว้”
"นี่อาพยัคฆ์ ไอ้คนบ้า นิสัยไม่ดี คิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนตัวเองหรือไง กวางไม่ใช่คนมักง่ายแบบนั้นหรอกค่ะ" ชมพูแพรพูดต่อว่าคมพยัคฆ์น้ำเสียงฟังดูโกรธจัด
"โอเค โอเค พี่ขอโทษที่ว่ากวางแบบนั้น ไปขึ้นรถเถอะ นี่กระเป๋าของกวางใช่มั้ยพี่ถือให้เอง"
"ไม่ต้องค่ะ กวางถือเอง" ชมพูแพรพูดแล้วแย่งกระเป๋าไปถือไว้เอง แล้วเดินออกไปด้วยอาการปั่นปึงไม่พอใจคมพยัคฆ์ คมพยัคฆ์มองตามแผ่นหลังของชมพูแพรไปแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ และพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า
"คิดจะมีเมียเด็ก กูจะต้องปวดหัวขนาดไหนกับความพยศเอาแต่ใจวะเนี่ย"
ชมพูแพรเดินมาขึ้นรถแล้วนั่งเงียบมาตลอดทาง สายตาก็โฟกัสมองไปนอกหน้าต่างรถไม่มองหน้าคมพยัคฆ์เลย
"กวาง เดี๋ยวก็คอเคล็ดหรอก" คมพยัคฆ์เรียกชมพูแพรแต่ชมพูแพรก็นิ่งเฉย
"กวาง เดี๋ยวพี่จะเข้าไปรับแม่พี่ก่อน ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย"
"ค่ะ...."
"ค่ะ แค่นี้ นี่กวางเป็นอะไรอย่าทำแง่งอนใส่พี่ได้มั้ย"
"ไม่ได้งอนค่ะ แต่ไม่เต็มใจจะเสียตัว ไม่เต็มใจอยากจะแต่งงาน กวางไม่ได้ร…" ชมพูแพรพูดอธิบายโวยวายใส่คมพยัคฆ์อย่างเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ จะพูดว่าไม่รักคมพยัคฆ์แต่คมพยัคฆ์กลับเบรกรถแรงๆ จนชมพูแพรหัวแทบคะมำ เมื่อรถจอดข้างทางแล้วคมพยัคฆ์ก็ดึงชมพูแพรที่นั่งอยู่เบาะข้างมาแนบชิดปะทะกับหน้าอกกว้างแข็งแรงของตัวเอง
"ดื้อนักใช่มั้ย" คมพยัคฆ์พูดจบก็ดึงชมพูแพรมาบดจูบริมฝีปากบางเป็นการลงทัณฑ์ โทษฐานที่ชมพูแพรดื้อพยศพูดไม่เข้าหู คมพยัคฆ์จะไม่ยอมให้ชมพูแพรพูดออกมาว่าไม่รักตนเอง บดจูบเลาะเล็มริมฝีปากบางอยู่เนินนานจนชมพูแพรเริ่มดิ้นประท้วง
"ป่อย….อือ" ชมพูแพรพูดประท้วงเสียงอู้อี้ในคอเพราะคมพยัคฆ์ยังคงบังคับจูบชมพูแพรไม่ยอมปล่อย คมพยัคฆ์จูบเลาะเล็มอย่างอ้อยอิ่ง ติดใจในปากหวานของคนสวยตรงหน้า หลงเคลิ้มจูบจนลืมตัว ในความหอมหวานมันมีอันตรายรออยู่เสมอ
"โอ๊ย…." คมพยัคฆ์ร้องออกมาเสียงดัง เพราะโดนชมพูแพรกัดปากหนาของตัวเองเสียจมเขี้ยว
"กวาง พี่เจ็บนะ เป็นหมาหรือไงกัดปากพี่มาได้ กินแกงไม่ได้ไปหลายวันแหละทีนี้"
"ดี ถ้าทำแบบนี้กับกวางอีกนะ จะกัดให้ขาดเลยค่อยดู" ชมพูแพรพูดคาดโทษเอาไว้
"กลัวที่ไหน กวางกัดพี่ พี่ก็จะกัดกวางคืนบ้าง ลองดูอีกทีมั้ยล่ะ แต่พี่ไม่กัดแค่ปากนะ จะกัด จะกินทั้งตัวเลย เอาเลยมั้ยเปลี่ยนบรรยากาศจากกระท่อมท้ายไร่มาเป็นในรถมันก็ไม่เลวนะ" คมพยัคฆ์พูดแล้วดึงร่างบางของชมพูแพรเข้ามาหมายจะจูบอีกครั้ง
"ไม่ หยุดเลยนะอาพยัคฆ์ ปล่อยกวางนะ ถ้าอาพยัคฆ์ไม่หยุดกวางจะฟ้องป้าพริ้ม"
"ฟ้องแม่เหรอ ก็ฟ้องไปสิกลัวที่ไหน เราเป็นผัวเมียนอนด้วยกันมาแล้วแม่จะว่าอะไรพี่ได้" คมพยัคฆ์ยกยิ้มแล้วพูดท้าทาย
"ไม่เอา อย่านะคะปล่อยกวาง ไหนบอกว่าจะไปหาหลวงตาดูฤกษ์ยามไงคะ คุณป้าพริ้มรออาพยัคฆ์อยู่นะคะ เดี๋ยวก็ได้เลยเวลาเสียฤกษ์หมดนะคะ" ชมพูแพรใช้ไหวพริบทักษะในการพูดเอาตัวรอด สิ่งที่ชมพูแพรพูดออกมาทำให้คมพยัคฆ์ยกยิ้มเอ็นดูในความน่ารักและความฉลาดเอาตัวรอดของว่าที่ภรรยาของเขา
"ฉลาดเอาตัวรอดนะเราน่ะ แต่เอาเถอะกลับก่อนก็ได้พี่ก็กลัวจะเสียฤกษ์เหมือนกัน" คมพยัคฆ์ยกยิ้มแล้วออกรถขับกลับบ้านไปรับแม่ของตัวเอง คิดในใจว่า
"แม่งจูบแรกของเมีย เลือดสาดโดนกัดปากแหกเลยกู ดุยังกับหมา แต่จูบเมียตอนมีสติพยศๆ พอน่ารักแบบนี้ฟิวส์มันได้เป็นบ้าเลยเว้ย” คมพยัคฆ์คิดในใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขับรถพาว่าที่เมียกลับบ้านไปอย่างอารมณ์ดี
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณพริ้มเพราแม่ของคมพยัคฆ์ก็จัดเตรียมข้าวของและอาหารคาวหวานเพื่อเตรียมเอาไปถวายเพลเรียบร้อย
"สวัสดีค่ะคุณป้าพริ้ม คุณลุงอาคม" ชมพูแพรสวัสดีทักทายว่าที่พ่อแม่ของสามี
"สวัสดีจ้ะลูก แล้วนี่หนูกวางทานมื้อเช้ากันมาแล้วยังลูก"
"เรียบร้อยมาแล้วค่ะคุณป้า" ชมพูแพรตอบ แล้วส่งยิ้มหวานให้คุณพริ้มเพรา
"งั้นก็ดีแล้วลูกจะได้ไปกันเลย ไปกันเถอะลูกพยัคฆ์" นางพริ้มเพราหันไปชวนลูกชาย
"ครับ" คมพยัคฆ์รับคำ
"แล้วนั่นปากแกทำไมมันถึงได้บวมแดงแบบนั้นล่ะเจ้าพยัคฆ์" นายอาคมถามลูกชาย
"อ๋อ โดนเมี...." คมพยัคฆ์จะบอกพ่อว่าโดนเมียกัดปาก แต่ชมพูแพรตอบแทนได้ไวกว่า
"อาพยัคฆ์เปิดประตูรถมากระแทกปากตัวเองค่ะคุณลุง"
"เปิดยังไงให้มากระแทกปากตัวเองวะเจ้าพยัคฆ์" คุณอาคมถามอีก
"พ่อก็ให้เมียผมเล่าสิครับ ว่าเปิดยังไงปากผมถึงได้เลือดสาดแบบนี้ เล่าสิกวาง" คมพยัคฆ์ไม่ตอบพ่อแต่หันไปโบ้ยให้ชมพูแพรตอบแทน
"แต่พ่อดูเหมือนมันจะโดนกัดนะปากแกน่ะ" คุณอาคมเดินเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วพูดขึ้น คุณพริ้มเพราที่ยืนมองอยู่ได้สติก่อนใครเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบพูดตัดบทชวนลูกและลูกสะใภ้ไปขึ้นรถเพราะอยากช่วยชมพูแพรไม่อยากให้ชมพูแพรต้องอับอาย
"พอๆ เลิกพูดเรื่องปากแตกได้แล้ว ไปขึ้นรถเลยเดี๋ยวแม่จะไม่ทันถวายเพลหลวงตานะลูก" เมื่อนางพริ้มเพราพูดช่วยไม่ให้ชมพูแพรต้องอับอาย ชมพูแพรเห็นดังนั้นจึงรีบเดินหนีไปขึ้นรถทันที