ตอนที่ 4 ขบวนเนรเทศ

1739 คำ
"เจียอีไปที่เรือนพี่ใหญ่ บอกข้ามีเรื่องจะรบกวน" เจียอีมองหน้าเถาเป่า ก่อนจะหันไปมองในห้อง ทว่าเมื่อเห็นสายตาที่คุณหนูมองตรงมา สาวใช้ก็กลืนคำพูดลงท้อง และรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ "เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้" เซียวเยวี่ยหลันชอบที่เจียอีเป็นคนหัวไว นางไม่จำเป็นต้องเอ่ยทุกคำพูดก็เข้าใจแล้ว สาวใช้ผู้นี้เป็นพวกไม่ค่อยพูดวาจา เมื่อก่อนนางก็ไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไรนัก ทว่าเมื่อนึกถึงวันที่เจียอีต้องโทษตายไปเพราะนางในชาติที่แล้ว ก็อดจะสะเทือนใจมิได้ จำได้ว่าในห้วงความฝัน หรือความจริงในอดีตชาติของนางนั้น เจียอีสาวใช้ที่ซื่อสัตย์ของนาง ถูกลงโทษโดยที่นางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะช่วยเหลือ เจียอีก็เหมือนท่านแม่ที่บอกให้นางระวังพระสวามี ครั้นเมื่อเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของไป๋ซ่งเจี๋ยไม่นานต่อมาเจียอีก็ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นสายลับ เอกสารสำคัญในห้องหนังสือของซ่งอ๋องหายไป แต่กลับไปโผล่ที่ห้องนอนของสาวใช้ผู้หนึ่ง ต่อให้มีสิบปาก ก็ไม่อาจแก้ต่างได้ ครั้นนั้นพระสวามีสั่งลงโทษโบยสาวใช้ของนางจนถึงแก่ความตาย เซียวเยวี่ยหลันจำได้ดีว่า ก่อนลมหายใจสุดท้ายของเจียอีจะหมดลง นางยังหันมายิ้มและเอ่ยเตือนนางอย่างไร้สุ้มเสียงว่า'อย่าไว้ใจท่านอ๋อง' ยามนั้นนางโง่นัก ไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิด แค่เพียงคำพูดเดียวของเขา นางก็เชื่ออย่างหมดใจ สวามีนางบอกว่า เจียอีเป็นคนของไป๋ซ่งอวิ้น รัชทายาทผู้ก่อกบฏ นางก็เชื่ออย่างโง่งม แต่วันนี้นางจะไม่ยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีก หญิงสาวหลับตาลงกำมือแน่น ทว่าก่อนที่จะจมลงสู่ภวังค์ความแค้น เสียงพี่ชายก็ดังขึ้นมาเสียก่อน "น้องสามเรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือ" หญิงสาวลืมตาขึ้นมา ดวงตานางแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด เซียวเซิ่งหมิ่นตกใจเป็นอย่างมาก กำลังจะหันไปเรียกสาวใช้ให้ตามหมอ แต่มือหนาก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน "พี่ใหญ่ท่านรู้หรือไม่ว่า องค์รัชทายาทออกจากเมืองไปหรือยัง" "เจ้าถามไปทำไมกัน" เซียวเซิ่งหมิ่นขมวดคิ้ว มองนางอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ที่น้องสามกับซ่งอ๋องใจตรงกัน ท่านอ๋องก็สั่งห้ามไม่ให้นางใกล้ชิดกับรัชทายาทอีก นั่นเพราะไหน้ำส้มของซ่งอ๋องมีมากเกินไป นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดายิ่งนัก ใครใช้ให้น้องสาวเขางดงามถึงเพียงนี้กัน เซียวเซิ่งหมิ่นเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ "ข้าอยากรู้" เซียวเยวี่ยหลันอยากจะตายเสียจริง ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กำลังคิดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่จึงได้เชิดหน้าขึ้นอย่างนั้น "อืม...ใช่รัชทายาทเอ๊ย...จวิ้นอ๋องออกจากเมืองวันนี้" เรื่องที่รัชทายาทจะออกจากเมืองหากบอกว่าเป็นความลับก็คงจะไม่เกินจริง ทุกคนรู้แค่เพียงว่าพระองค์ถูกเนรเทศ ทว่าไม่รู้ว่าจะออกวันใด และที่ไม่มีการแจ้งกล่าวนั่นเพราะฮ่องเต้กลัวว่าพระโอรสจะถูกลอบสังหาร และที่เซียวเซิ่งหมิ่นรู้นั่นก็เพราะ เขาแอบเข้าไปหาอดีตรัชทายาทมา "พี่ใหญ่พาข้าออกไปดูได้หรือไม่" "ไม่ได้!!!..." เซียวเซิ่งหมิ่นผุดลุกขึ้น พลางตอบเสียงเข้ม ต่อให้น้องสาวเขาจะอยากรู้อยากเห็นเพียงใด แต่ร่างกายนางเพิ่งจะฟื้นไข้ ยังไม่สมควรออกไปนอกจวนเช่นนี้ สองพี่น้องต่างก็จ้องหน้ากัน ไม่มีผู้ใดยอมลงให้กัน เซียวเซิ่งหมิ่นไม่ยินยอมอย่างเด็ดขาด ต่อให้รักน้องสาวมากเพียงใดก็ตาม ร่างกายของนางสำคัญยิ่งกว่าทองพันชั่ง จะให้ออกไปเสี่ยงตากลมหรือ ฝันไปเถอะเขาไม่พาไปแน่!!! . ... บนเหลาสุราชั้นสองหน้าต่างห้องริมขวาถูกเปิดแง้มออก ร่างอรชรของสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งนั่งมองไปยังด้านล่าง นางนั่งจ้องอยู่อย่างนั้นราวครึ่งชั่วยามแล้ว ทว่าไม่เห็นผู้ที่นางรอคอยเลยสักนิด หรือเรื่องที่นางฝันจะเป็นเพราะนางคิดไปเอง หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะดียิ่งนัก แต่ทว่าหากไม่ใช่อย่างที่นางคิด แล้วเพราะเหตุใดองค์รัชทายาทจึงได้ถูกปลด และข้อหาของการถูกปลดก็เหมือนในฝันนางทุกอย่าง องค์ฮ่องเต้ประกาศกับเหล่าขุนนางว่า องค์รัชทายาทติดโรคร้าย จำเป็นต้องไปรักษาตัว ดังนั้นจึงปลดออกจากการเป็นรัชทายาทนับจากนี้เป็นต้นไป เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นอย่างแท้จริง แต่ผู้ใดจะกล้าคัดค้านรับสั่งของฮ่องเต้เล่าแต่ความเป็นจริงแล้วเซียวเซิ่งหมิ่นบอกว่า องค์รัชทายาทถูกกล่าวหาว่าวางยาฝ่าบาท โต้วกงกงขันทีข้างพระวรกายเจอถุงหอมในตำหนักบูรพา ต่อให้ฮ่องเต้จะไม่ทรงเชื่อ ทว่าก็ไม่อาจเอาเรือขวางทางน้ำเชี่ยวได้ จึงจำใจสั่งปลดองค์รัชทายาท และเนรเทศไปอยู่ชายแดน ถุงหอมนั่นก็มีพิษชนิดเดียวที่อยู่ในสุราที่รัชทายาทนำไปถวายเสียด้วย "หลันเอ๋อร์กลับได้หรือยัง ข้าว่าขบวนคงออกไปแล้วกระมัง ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทกับพวกเราสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ข้าเองก็อยากมาส่งพระองค์ ทว่าเจ้ายังไม่หายดีไม่ควรออกมาเช่นนี้ และอีกอย่างเมื่อวานข้าก็แอบเข้าไปหาพระองค์แล้วด้วย" เซียวเยวี่ยหลันถอนหายใจออกมา นางไม่รู้ว่าเขาจะรู้หรือไม่ ถุงหอมที่เจอเป็นถุงหอมที่นางเย็บเองกับมือ นั่นไม่ใช่เพราะนางโง่เขลาเชื่อคำพูดของไป๋ซ่งเจี๋ยหรอกหรือ สองพี่น้องลงมาจากเหลาสุรา เซียวเยวี่ยหลันกำลังจะขึ้นรถม้า ก็เห็นขบวนหนึ่งตรงมาเสียก่อน ขบวนนี้ไม่เอิกเกริก ทว่าก็มีการคุ้มกันแน่นหนา นางรีบหันไปมอง เหมือนโชคจะเข้าข้าง ลมหอบหนึ่งพัดเอาม่านรถม้าปลิวขึ้น บุรุษรูปงามที่นั่งหน้าเรียบเฉยผู้นั้นจะเป็นผู้ใดได้อีก หากไม่ใช่ไป๋ซ่งอวิ้น รัชทายาทผู้โชคร้ายพระองค์นั้น นางมองเขาด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ ทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกผิด ขาทั้งสองเดินตรงเข้าไปใกล้รถม้า แต่ก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้เสียก่อน ไป๋ซ่งอวิ้นรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา เขาหันหน้าไปตามสายตานั้น ทันทีที่เห็นว่าเป็นผู้ใด ใบหน้าหล่อเหลาก็เย็นชาขึ้น สายตาที่มองนางทั้งผิดหวัง ทั้งเสียความรู้สึก เขากับนางก็นับว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เหตุใดนางจึงต้องร่วมมือกับคนอื่นทำร้ายเขา เขาจำได้ว่าถุงผ้านั่น เป็นนางที่ปักและมอบให้แค่ไม่กี่คน วันนั้นเขายังนึกดีใจที่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับถุงหอม ถึงแม้จะไม่ได้รับจากมือนางก็ตามผู้ใดจะไปคิดว่าเพราะความดีใจของเขาเอง ไม่คิดจะตรวจสอบให้ดี จึงทำให้ตนเองถูกใส่ร้ายเช่นนี้ และคนที่เป็นต้นเหตุก็คงเป็นนาง!!! "เฮ้อ...ไม่น่าเลยจริง ๆ ข้าไม่เชื่อหรอกว่า พระองค์จะทำเช่นนั้น ถึงอย่างไรตำแหน่งนั้นก็ต้องตกอยู่ในมือพระองค์อยู่แล้ว หากบอกว่าถูกใส่ร้ายยังจะน่าเชื่อถือกว่าเสียอีก" เสียงทอดถอนหายใจของเซียวเซิ่งหมิ่นดังจากทางด้านหลัง เซียวเยวี่ยหลันจึงได้ละสายตากลับมา "หลันเอ๋อร์เจ้าเองก็คิดเหมือนข้าใช่หรือไม่ พวกเราเติบโตมาด้วยกัน องค์รัชทายาทนิสัยเป็นเช่นไรพวกเราย่อมรู้ดี อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อหรอก จะทำอย่างไรถึงจะช่วยพระองค์ได้กัน" ใช่!!!...นางไม่เชื่อหรอก พระองค์จะต้องวางยาฝ่าบาททำไมกัน ต่อให้ผู้ใดไม่รู้แต่นางรู้ดี องค์ฮ่องเต้รักพระโอรสองค์นี้มากเพียงใด ดูแค่วันนี้ก็รู้แล้ว ฝ่าบาทไม่ยอมประกาศว่าท่านอ๋องกบฏ แต่ประกาศว่าป่วย ทั้งยังปกป้องเช่นนี้อีก คาดว่าแม้กระทั่งเยี่ยนกุ้ยเฟยก็ยังไม่รู้กระมังว่ารัชทายาทเสด็จออกจากเมืองหลวงวันนี้ และหากรัชทายาทประสงค์ต่อบัลลังก์มังกรเช่นนั้น เชื่อว่าฝ่าบาทก็คงจะลงให้อย่างแน่นอน แต่มีเหตุผลใดที่เขาจะทำเช่นนั้น ไป๋ซ่งอวิ้นเป็นลูกศิษย์ที่ท่านพ่อภูมิใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้นางจะไม่สนิทกับเขา แต่ก็พูดได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน เขาเป็นเช่นไรครอบครัวนางย่อมรู้ดี และนางเชื่อว่าท่านพ่อมองคนไม่ผิด เป็นนางต่างหากที่มองคนผิดไป และความจริงหากไป๋ซ่งอวิ้นจะบอกว่า ถุงหอมใบนั้นเป็นของนางละก็ นางคงจะต้องถูกจับกุม แต่เขากลับไม่ยอมพูดออกมาเลย เพราะเหตุใดกัน "ข้าก็คิดเช่นนั้น กลับเถอะเจ้าค่ะ ออกมานานแล้ว ประเดี๋ยวน้องห้ากลับมาแล้วเข้าไปหาข้า ท่านพ่อกับท่านแม่จะรู้ว่าเราสองคนแอบออกมาข้างนอก เช่นนั้นต่างหากเล่าที่น่ากลัว" เซียวเซิ่งหมิ่นพยักหน้าประคองน้องสาวขึ้นบนรถม้า มุ่งหน้ากลับจวนสกุลเซียว แต่เมื่อกลับมาถึง สิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริง ๆ เสียงแผดร้องพร้อมกับไม้กระบอง พุ่งตรงมาที่เขาอย่างมาดร้าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผู้ใด "ไอ้ลูกชั่ววันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย เลอะเลือนไปแล้วหรือ น้องสาวเจ้าเพิ่งฟื้นขึ้นมา ก็พานางออกไปตากลมเสียแล้ว เจ้าเป็นพี่เช่นไรกัน" "ท่านพ่อ!!!...ฟังข้าก่อน...โอ๊ย!!!...อย่าตีข้า ท่านแม่...ท่านแม่ช่วยลูกด้วย โอ๊ย!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม