ตอนที่ 4 กูชอบแบบเมียกู

1959 คำ
“คุณกองพลครับ มันจะไม่มากเกินไปเหรอครับ” ไบรท์ถามกองพลออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะเงินเป็นแสนภายในสองอาทิตย์จะให้เขาหามาจากไหน เพราะฐานะของตนเองก็ไม่ได้ร่ำรวย หากร่ำรวยครอบครัวก็คงจะไม่เป็นหนี้ขนาดนี้ อีกอย่างเงินที่บ้านเก็บไว้ก็นำไปจัดงานแต่งงานกับใบหม่อนจนหมดแล้ว ไบรท์จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย “ฮึ มากเกินไปอะไรของมึง เงินมีจัดงานแต่งงานกับอีแค่หนี้สินที่มีก็เอามาใช้ซะ” “เออ คุณกองพลใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เห็นใจหนูสองคนเถอะค่ะ แพร แพรจ๊ะ แพรช่วยพูดกับคุณกองพลให้หม่อนหน่อยนะ” ใบหม่อนจำใจเอ่ยขอร้องแพรดาวออกไป ซึ่งภายในใจกลับรู้สึกคันยุบยิบ แล้วตนก็ไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เลย ทำไมครอบครัวของสามีต้องทำให้เธอรู้สึกขายหน้าด้วย “ขออนุญาตค่ะ เมนูที่สั่งได้แล้วค่ะ” เมื่อเห็นเมนูที่สั่งไปวางอยู่บนโต๊ะและกลิ่นหอมของน้ำซุปฉันก็เลยพูดออกไปแบบไม่ใส่ใจ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันต้องออกหน้าช่วย ฉันไม่ใช่คนโง่ต่อไปแล้วนะคะแม่นางเอก แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันก็สันดานชายแท้ มาบู้จี้ฉัน ว่าฉันอ้วน ว่าฉันน่าเกลียด เหอะ คิดว่าตบหัวแล้วมาลูบหลังฉันจะใจอ่อนละมั้ง ถ้าเป็นนางรองคนเก่าแน่นอนว่ายังไงเธอก็ต้องช่วยพูด แต่ฉันไม่ ทำอะไรมาฉันก็จะเอาคืน “ฉันช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้หรอกนะ เงินยืมก็ต้องคืน แล้วไม่ใช่แค่เงินที่ไอ้ไบร์ทยืมจากแฟนฉันไปหรอกนะ เธอเองก็ต้องคืนเงินสามแสนที่ยืมไปจัดงานแต่งและสินสอดเหมือนกัน ไหนๆ ก็คุยเรื่องนี้แล้วก็พูดให้มันจบเลยก็แล้วกัน ขอเป็นสิ้นเดือนหน้า เห็นแก่ความเป็นเพื่อนฉันให้โอกาสเธอหนึ่งเดือน ถ้าเธอไม่คืนฉันจะให้พี่พลเป็นคุย ถ้าเข้าใจแล้วก็เชิญ เพราะฉันกับพี่พลต้องการเวลาส่วนตัว” “เชิญ” ผมเอ่ยบอกแขกที่ไม่ได้รับเชิญก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากหลังจากเห็นคนข้างๆ ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง หากเป็นก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ยิ่งเงียบและยอมไอ้สองผัวเมียนี่ตลอดและที่สำคัญยัยตัวเล็กยังให้เกียรติผมมากพอสมควร เป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุด เมื่อนึกขึ้นมาได้เลยหันไปพูดกับไอ้ไบรท์ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เพราะคำพูดของมันหลายคำเป็นคำที่ผมไม่ชอบ “อ่อ แล้วไอ้ที่มึงเอาหัวมาหนักกับรูปร่างของเมียกูก็เลิกซะ เพราะรอบหน้าถ้ากูได้ยินกูจะจัดการมึงให้มึงจำ มึงอาจจะชอบแบบเมียมึง กูก็ชอบแบบเมียกู อย่าคิดว่าเมียมึงสวยเหมือนเทพสร้างอยู่แค่คนเดียว มึงอาจจะมองเมียกูว่าไม่สวย สำหรับกูเมียมึงก็ไม่ได้สวยเหมือนกัน จำเอาไว้ คิดก่อนพูด ไม่ใช่พูดกวนส้นตีนแล้วค่อยเอามาคิด” อือหื้อ ฉันอยากจะลุกขึ้นและปรบมือให้คนรักของตัวเองไม่ไหว พี่เขาพูดตรงแบบไม่ต้องแปลเพิ่ม นี่สิ ผู้ขายที่เจริญแล้ว ไม่ใช่ไอ้ผู้ชายสันดานชายแท้แบบนั้น เนี่ย พี่เขาน่ารักแบบนี้จะไม่ให้ฉันเปิดใจให้เขาได้ไง พอสองผัวเมียพากันเดินออกไปฉันเลยยกนิ้วโป้งพร้อมกับชมพี่เขาออกไป “แฟนหนูดีที่สุด พี่ดีจังเลยค่ะ” “หึหึ ใครจะยอมให้คนอื่นมาด่าแฟนตัวเอง แล้วหนูไม่ต้องกลัว ถ้ามันมาหาเรื่องนี้หนูโทรมาหาพี่ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับมันให้เอง” “ค่ะ งั้นเราทานข้าวกันเถอะค่ะ หนูตักเนื้อเป็ดให้พี่ด้วย” “หึหึ ขอบคุณครับ” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นผมกับคนตัวเล็กก็พากันทานข้าวเช้าอยู่สักพัก เมื่อทานข้าวเสร็จเรียบร้อยผมก็ขับรถมาส่งยัยตัวแสบที่หน้าคณะ แต่ยังไม่ทันได้ลงรถเสียงโทรศัพท์ของคนข้างๆ ก็ดังขึ้น Rrrrr “ฮัลโหล” ฉันกดรับสายก่อนจะได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมา จากที่ฟังก็น่าจะเพื่อนของนางรองนี่แหละ ชื่ออะไรบ้างฉันก็จำไม่ค่อยได้ ตอนอ่านจำได้แต่คนเด่นๆ เดี๋ยวค่อยทำความรู้จักทีหลังก็แล้วกัน “แพร วันนี้อาจารย์ยกคลาสนะ ไม่ต้องมาเรียน พวกเราก็กำลังจะกลับ อาจารย์เขาเพิ่งบอกในไลน์กลุ่มเมื่อกี้ ฉันกลัวว่าแกจะยังไม่ตื่นเลยโทรมาหา” “อาจารย์ยกคลาสเหรอ โอเคๆ ขอบใจที่โทรมาบอกนะ ยังไงเจอกันพรุ่งนี้” “โอเคๆ” ฉันกดวางสายแล้วก็หันมาบอกพี่เขาว่าวันนี้อาจารย์ยกคลาส ที่สำคัญวันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าวิชาเดียว เลยไม่ต้องกังวลวิชาช่วงบ่าย “คงต้องรบกวนพี่วนไปส่งหนูที่บ้านแล้วแหละค่ะ เพื่อนโทรมาบอกว่า อาจารย์หนูยกคลาส” “อ่อ งั้นหนูไปทำงานกับพี่ไหม ไปนั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง” “ก็ได้ค่ะ เพราะถ้าหนูกลับบ้านไปหนูก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วหนูไปทำงานกับพี่ หนูได้ค่าแรงไหมคะ” “หึหึ ได้ หนูต้องการเท่าไหร่ หนูกดแล้วโอนได้เลย” “งื้อออ ฉันจะบ้า แฟนเปย์แบบไม่พักเลย” ผมหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ซึ่งผมเองก็รู้สึกว่าเมื่ออยู่กับยัยตัวเล็กข้างๆ ผมยิ้มและหัวเราะได้ง่าย มันรู้สึกดีกว่าตอนที่อยู่คนเดียวซะอีก ผมใช้มือลูบแก้มเนียนของคนข้างๆ ก่อนจะยิ้มและตอบกลับไป “แฟนพี่น่ารัก จะไม่ให้พี่เปย์ได้ยังไง” “พี่อะ พี่กำลังทำให้หนูคลั่งรักพี่มากๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ” “นี่คือสิ่งที่พี่ต้องการ” ฉันย่นจมูกใส่คนตัวสูงก่อนจะหลุดยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี จากนั้นพี่เขาก็ขับรถออกจากมหาวิทยาลับแล้วก็พาฉันขับรถมาที่บริษัทแห่งหนึ่ง อย่าบอกนะว่าเป็นบริษัทของพี่เขา เพราะพี่เขาก็ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำกับกางเกงยีนส์สะพายกระเป๋ารองเท้าผ้าใบ คือชุดแฟชั่นทั่วไป ถ้าเปิดมาเป็นเจ้าของนี่ก็ปังไม่ไหวนะ “พี่ทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ” “ครับ นี่บริษัทของครอบครัวพี่เอง เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนของบ้านเพื่อส่งกับบริษัทที่เป็นพัธมิตรกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน เขารับจากเราไปเขาก็นำไปกระกอบน่ะครับ เขาจะสั่งใช้เราผลิตตามสเปกของเขา เราก็เหมือนว่าเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทนั้นๆ ถัดไปก็เป็นโรงงานผลิตเมทัลชีท หลังคากระเบื้อง กระเบื้องปูพื้นแล้วก็สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ พวกอ่างล้างหน้า โถส้วม อ่างล้างมือ ถัดไปอีกก็เป็นบริษัทขนส่งหรือหนูจะได้ยินบ่อยๆ ก็คือพวกโลจิสติก ขนส่งสินค้าให้บริษัทของตัวเองแล้วก็ของคนอื่นด้วยครับ” ผมอธิบายให้คนตัวเล็กฟังแบบไม่ปิดบัง เพราะวันๆ ผมก็จะเข้ามาดูงาน ตรวจงาน ตรวจดูความเรียบร้อยทั้งสามบริษัทของตัวเอง ซึ่งผมตั้งสำนักงานของผมอยู่ตรงกลาง ในทุกวันเลขาของผมจะรวบรวมเอกสารและรายงานของทุกฝ่ายนำมาให้ผมเซ็น ถ้างานไม่เร่งมากผมก็ไม่เข้าบริษัท แต่ผมไม่ได้ทำคนเดียวหรอก น้องชายทั้งสองคนของผมจะดูแลบริษัทที่ผลิตหลังคากับบริษัทโลจิสติก ส่วนผมจะดูแลโดยรวมอีกที “จริงๆ แล้ว แฟนฉันเป็นประธานบริษัท” “หึหึ ใช่แล้วครับ แต่น้องชายของพี่ก็ช่วยดูแลด้วย มันเป็นฝาแฝด แต่ไข่คนละใบ หน้าตาไม่เหมือนกันขนาดว่าแยกไม่ออก ห่างกับพี่แค่ปีเดียว เอาไว้เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักนะ” “ค่ะ งั้นเราลงรถกันดีกว่า พี่จะได้ไปทำงาน” “ครับ” ฉันกับคนตัวสูงพากันลงจากรถโดยที่ฉันคล้องแขนพี่เขาเอาไว้แล้วก็เดินเข้ามาในสำนักงานที่มันเป็นรูปแบบโมเดิร์น เข้ามาไม่มีใครเลย แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่แสนจะครบครัน มีมุมนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับประทานอาหารที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ส่วนโทนสีทั้งหมดจะเป็นสีดำตัดทอง มันเหมือนบ้านหลังหนึ่งซะมากกว่านะเนี่ย “มันคล้ายโฮมออฟฟิศเลยนะคะ” “หึหึ ใช่แล้วครับ พี่ชอบความเป็นส่วนตัว อยากทำให้เหมือนเราทำงานอยู่ที่บ้านไม่ใช่ในห้องสี่เหลี่ยมในโรงงาน พี่เลยสร้างตรงนี้ขึ้นมา แต่บางวันก็จะมีแจกหรือลูกค้ามานั่งทานอาหารแล้วคุยกันที่นี่ พี่เลยสร้างห้องสำหรับรับรองและห้องรับประทานอาหารห้องนั้นเอาไว้ด้วย” “อ่อ หนูก็ว่า ทำไมโต๊ะทานอาหารถึงยาวจัง” “เดี๋ยวเราไปห้องทำงานของพี่ดีกว่า” “ค่ะ” ผมพาคนตัวเล็กเดินมาที่ห้องทำงาน ซึ่งห้องนี้ของผมก็จะมีมุมนั่งเล่นอยู่ภายในห้องด้วย เปิดประตูลับเข้าไปก็จะเป็นห้องนอน เพราะบางทีผมก็ทำงานล่วงเวลาทำให้บางทีต้องกินนอนอยู่ที่นี่ เพราะเหตุผลนี้แหละ เลยทำให้ผมออกแบบโซนทุกโซนด้วยตัวเอง แล้วสั่งห้ามไม่ให้พนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่ง คนที่เข้ามาได้ก็มีไอ้น้องชายฝาแฝดของผมแล้วก็เลขา ที่จะรวบรวมงานมาส่งให้เท่านั้น ที่ทำงานของเลขาผมก็อยู่ในบริษัทเช่นคนอื่น “งั้นพี่ทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปนั่งรออยู่ตรงนั้น” ฉันมองไปรอบห้องก่อนจะหันมาบอกคนตัวสูง เพราะมันก็ดีนะ ดูเป็นส่วนตัวดีจัง ถ้าไม่รวยจริงทำแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย ทำงานยังไงให้เหมือนอยู่บ้าน จะว่าไป ไปนอนดูคลิปตลกๆ ดีกว่า จะได้ไม่รบกวนพี่เขา “แต่พี่อยากให้หนูนั่งอยู่ด้วยกันนะครับ” ผมสวนร่างบางออกไปในทันที พร้อมใช้แขนโอวอวบเอาไว้แน่น เพราะห้องนั่งเล่นถึงแม้มันจะอยู่ภายในห้องเดียวกันแต่มันก็อยู่ไกลกัน ผมอยากให้ยัยตัวแสบอยู่ใกล้ๆ “อืม ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูเอาเก้าอี้มานั่งข้างๆ พี่ด้วย ดีไหมคะ ท่านประธาน” “หึหึ ดีครับ ว่าที่ภรรยาของประธาน” “พี่กอดหนูไว้เร็วค่ะ เดี๋ยวหนูลอยไปติดเพดานห้อง คิกๆ” “หึหึ” ฉันพูดจบคนตัวสูงก็ตัดการลากเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาอยู่ใกล้กับเก้าอี้ของเขา ซึ่งบางคนอาจจะรำคาญบ้างอะไรบ้างถ้าตัวติดกับแฟนเกินไป แต่คนตัวสูงไม่ใช่เลย ยิ่งฉันกอดแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้แล้วก็เลื่อนดูของที่สั่งไปพลางๆ แต่คนตัวสูงเหมือนจะถูกชอบมากๆ แต่ฉันเองก็ชอบการสกิลชิพเหมือนกัน เรื่องนี้เหมือนว่าฉันกับเขาจะเห็นตรงกันเลยไม่ได้รู้สึกอึดอัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม