Chapter 5
คลาสร้อน ซ่อนสวาท Part 1
"อืม…”
หรัณย์สูดปากเข้าหากันเพื่อระบายความกระสันจากสัมผัสแนบเนื้อลึกซึ้ง เมื่อร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนกำลังบดคลึงสะโพกโยกขยับอยู่ตรงกลางกายของเขาด้วยจังหวะที่เนิบช้าทว่าหนักหน่วง เสียงครางกระเส่าของเขาและเธอดังประสานกันออกมาราวชวนกันเคี้ยวพริกไปสักหยิบมือ
ชายหนุ่มนอนแผ่หราหมดแรงยอมจำนนให้เธอได้ปู้ยี่ปู้ยำกับร่างของเขาตามอำเภอใจ ยามเธอขยับหยอกเย้ากายของเขาก็แอ่นเกร็งไปตามจังหวะและท่วงทำนองลีลาที่เขาปล่อยให้เธอเป็นผู้คุมเกม ในห้วงพิศวาสลุ่มลึกชายหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างกายตนแสนเบาหวิวเพราะแรงขยับส่อเสียดที่พาเขาโจนทะยานท่องล่องลอยไปในอากาศ ในช่วงวินาทีที่กำลังจะปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในกายสาว ปากของเขาก็พร่ำเพ้อละเมอชื่อหนึ่งออกมา
"ที่รัก...อืม..."
พลันภาพนั้นก็จางหายไปเหลือเพียงหมอกควันจางๆ และภาพตรงหน้าที่ขาวโพลน เธอหายไปหลังจากความสุขสมเอ่อท้นจนแทบหมดแรง หรัณย์ลืมตาโพลงแล้วกรอกตามองเพดานสีควันบุหรี่ด้วยความสับสนและมึนงง จากนั้นจึงเหลียวมองไปรอบกายคล้ายกับมองหาใครบางคน สัมผัสได้ถึงเหงื่อกาฬที่ไหลซึมอยู่ตามไรผมทั้งที่เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงทำงาน
เขาไม่ได้ฝันทุกอย่างมันช่างเหมือนจริงยิ่งนักในรสสัมผัส คิดพลางกระชากผ้าห่มออกไปจนพ้นร่างเพื่อสำรวจตรวจตราร่องรอยหลักฐานบางอย่าง แล้วลางสังหรณ์ของชายหนุ่มก็เป็นจริงเมื่อปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงนอนสีขาวสะอาดตา
'นี่เรา...เป็นไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’
เขาเป็นอะไรชายหนุ่มไม่อาจตอบหัวใจตัวได้ นานเท่าไหร่กันที่เขาไม่เคยหลับฝันอะไรแบบนี้มานานแล้ว เขาไม่เคยฝันถึงเรื่องบนเตียงแล้วสมจริงจนถึงกับปลดปล่อยออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้มาก่อน...ถึงแม้ความต้องการตามธรรมชาติของวัยหนุ่มจะเรียกร้องรุนแรง แต่เขาก็มีที่ลงไม่ถึงขนาดฟุ้งซ่านจนเก็บมานอนฝันให้จินตนาการเป็นตัวขับเคลื่อนนำพา
“อืม…”
มาลารินสูดปากเข้าหากันเพื่อระบายความกระสันจากสัมผัสแนบเนื้อลึกซึ้ง เมื่อเธอกำลังออกแรงบดคลึงสะโพกโยกขยับอยู่ตรงกลางกายของใครบางคนด้วยจังหวะที่เนิบช้าทว่าหนักหน่วง เสียงครางกระเส่าของเธอและเขาดังประสานกันออกมาราวกำลังเคี้ยวพริกแสนเผ็ดร้อน ปลายนิ้วเรียวไล้ลากผ่านไปบนแผงอกกำยำแผ่วเบาเพื่อกระตุ้นให้เขาพลุ่งพล่าน รอยยิ้มหวานผุดพราวเมื่อเขานอนแผ่หราหมดแรงยอมจำนนให้เธอได้กระทำกับกายแกร่งของเขาตามอำเภอใจ ในห้วงพิสวาสลุ่มลึกหญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวเพราะแรงขยับส่อเสียดที่กำลังพาเขาโจนทะยานล่องลอยไปในอากาศ ในช่วงวินาทีที่กำลังปีนป่ายไปคว้าสายรุ้งพร้อมๆ กัน ปากของเธอก็พร่ำเพ้อละเมอชื่อหนึ่งออกมา
"กาย...อื๊อ..."
พลันภาพนั้นก็จางหายไปเหลือเพียงหมอกควันจางๆ และภาพตรงหน้าที่ขาวโพลน เขาหายไปหลังจากความสุขสมเอ่อท้นจนแทบหมดแรง มาลารินลืมตาโพลงแล้วกรอกตามองเพดานสีครีมนวลตาด้วยความสับสนและมึนงง หญิงสาวลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วเหลียวมองไปรอบกายคล้ายกับมองหาใครบางคน สัมผัสได้ถึงเหงื่อกาฬที่ไหลซึมอยู่ตามไรผมทั้งที่เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงทำงาน
เธอไม่ได้ฝันทุกอย่างมันช่างเหมือนจริงยิ่งนักในรสสัมผัส คิดพลางกระชากผ้าห่มออกไปจนพ้นร่างเพื่อสำรวจตรวจตราร่องรอยหลักฐานบางอย่าง แล้วลางสังหรณ์ของเธอก็เป็นจริงเมื่อปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงซับในตัวจิ๋วสีชมพูหวาน เพียงเท่านั้นพวงแก้มสาวจึงร้อนผ่าวและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อเพราะความอับอาย
'นี่เรา...เป็นไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’
เธอเป็นอะไรนั้นหญิงสาวไม่อาจตอบหัวใจตัวได้ เธอไม่เคยหลับฝันอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยฝันถึงเรื่องบนเตียงแล้วสมจริงจนถึงกับปลดปล่อยออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้เช่นนี้...ที่สำคัญ
มันคือจินตนาการที่เกิดขึ้นกับชายแปลกหน้าหาใช่ภาคิม
'ลุกขึ้นใหม่นะที่รัก เธอต้องทำได้'
มาลารินยืนมองตัวเองในกระจกเงาพลางสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มๆ เพื่อเริ่มแต่งหน้าทำผมสำหรับการเริ่มงานในวันนี้ งานที่เธอจะต้องไปพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา...ทั้งเขาและเธอเหล่านั้นล้วนเป็นลูกศิษย์ในคอร์สเรียนออกแบบที่เปิดขึ้นมา
เธอเปิดคอร์สสอนการออกแบบตกแต่งภายในสำหรับคนที่ต้องการนำไปประยุกต์ใช้กับที่อยู่อาศัยหรือธุรกิจของตน ในวันที่การเริ่มสอนวันแรกนั้นใกล้เข้ามา แรกเริ่มเดิมทีเธอเกือบจะทิ้งมันไปเพราะสองขายังอ่อนแรงไม่อาจลุกขึ้นยืนไหว แค่เพราะได้กำลังใจที่ดีจากอติเทพและพี่ชาย หญิงสาวเลยพอลุกได้เมื่อนึกไปถึงคนที่เต็มใจเสียเงินเพื่อมาเรียนกับเธอ
'บ้าจริง’
มือที่กำลังไล่ลงบลัชออนไปตามพวงแก้มหยุดนิ่งราวถูกสาป เมื่อความฝันเมื่อคืนผุดพราวขึ้นมาในหัวรบกวนสมาธิการแต่งหน้าให้ต้องสะดุด ดวงตาคู่หวานมองหน้าตัวเองในกระจกเงาแล้วรีบเสมองไปทางอื่น...เพราะรับตัวเองไม่ได้ที่ฝันเมื่อคืนเธอทำตัวเป็นเสือสาวเจนสังเวียน
หญิงสาวรีบสลัดความคิดรกสมองออกไป ก่อนคว้าไดร์มาเซ็ทผมเน้นตรงปลายให้เป็นลอนสลวยเพื่อความเนี้ยบเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้เธอเลือกเสื้อแขนกุดสีครีมคู่กับกางเกงขายาวชีฟองสีชมพูอ่อน ชุดนี้เธอสามารถสวมสูททรงเรียบง่ายทับได้เลยหากต้องการความเป็นทางการ และสลัดมันออกได้ทันทียามที่มีนัดต่อไปทานข้าวดูหนังฟังเพลง
หญิงสาวทำจมูกฟุดฟิดเมื่อกลิ่นหอมหวานผสานกลิ่นนมโชยออกมาจากห้องครัว ยังไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะอาหารก็เห็น
นฤบดินทร์เดินถืออะไรบางอย่างออกมา ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังร่างสูงที่มีผ้ากันเปื้อนสวมอยู่ ขณะที่กำลังยืนงงเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มก็ถูกส่งมาให้เธอ
"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอรัก พี่ทำของโปรดที่ตัวเองชอบเสร็จพอดี"
ชายหนุ่มวางจานขนมปังสอดไส้มันฝรั่งอบชีสไว้บนโต๊ะ มาลารินไม่รู้ว่าเขาทำให้ใครแต่มันมีสองจาน
"อารมณ์อะไรคะเนี่ย"
"มาทานด้วยกันสิ นี่อุตส่าห์ตื่นมาทำให้เลยนะเนี่ย"
"พี่ภูมิ..."
ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เมื่อจู่ๆ ก็นึกอยากจะร้องไห้ เธอกำลังซาบซึ้งที่นฤบดินทร์ลงทุนตื่นมาทำอาหารเช้าให้ทาน นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้มีเวลาร่วมกันแบบนี้ คิดพลางใช้หลังมือแอบซับหยาดน้ำตาไม่ให้เขาเห็น...คราวนี้เธอรู้ว่าเขาคงหวังดี อยากให้การเริ่มต้นใหม่ในวันนี้ผ่านไปด้วยดี
"เด็กขี้แยนะเราน่ะ ไม่ร้องสิครับ"
นฤบดินทร์เดินมาลากแขนคนที่กำลังยืนน้ำตาเรี่ยน้ำตา
ราดราวเพิ่งดูซีรีส์ดรามาให้ไปนั่งตรงที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะเลื่อนจานมันฝรั่งมาไว้ตรงหน้าอย่างเอาใจ
"ที่จริงพี่ภูมิไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้...รัก..." ยังไม่ทันจะพูดจบ ชิ้นมันฝรั่งก็มาจ่ออยู่ที่ปาก จากการที่เขาใช้มีดตัดแล้วใช้ส้อมจิ้มมาให้ "นานๆ ทีจะได้ทานอาหารเช้าด้วยกัน อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ"
หญิงสาวรับมาถือไว้ ก่อนนำใส่ปากเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ รสชาติมันๆ ของชีสผสานกลิ่นเนยหอมๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเมื่อความปลื้มปีติเอ่อท้นจากการที่พี่ชายเธอยังไม่ลืมว่าน้องสาวคนนี้ชื่นชอบชีสเป็นชีวิตจิตใจ
"อร่อยจังเลยค่ะ"
"เหรอ ไม่ได้แกล้งชมเพื่อหลอกให้พี่ทำอีกนะ"
ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ เขาลอบสังเกตท่าทีคนตรงหน้าไปพร้อมกัน
"นึกยังไงถึงตื่นมาทำคะ"
"ก็แค่อยากช่วย อย่างน้อยอาจทำให้รักแข็งแรงเร็วขึ้น
แววตาอบอุ่นที่ส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ทำให้โลกของมาลารินเริ่มจะสดใสขึ้นมาบ้างแล้ว จากที่เคยคิดว่าในโลกนี้เหมือนตัวคนเดียว ตอนนี้เธอกำลังได้กำลังใจเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
"ขอบคุณนะคะ"
"ขอให้วันนี้ผ่านไปด้วยดีก็แล้วกัน พี่ขอเป็นกำลังใจให้"
มาลารินส่งยิ้มไปให้เพื่อบอกว่าเธอต้องทำได้ เพราะยามนี้
ได้กำลังใจที่ดีเป็นยาขนานเอก ซึ่งมุมนี้ของนฤบดินทร์จะไม่ค่อยมีใครได้เห็นนอกจากคนใกล้ชิดสนิทสนมจริงๆ เนื่องจากบุคลิกพี่ชายเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด เขาไม่ค่อยส่งยิ้มให้ใครเรี่ยราดจนดูเหมือนคนเงียบขรึมจนน่ากลัว บางครั้งมาลารินเองก็ยังไม่กล้าเข้าหาเพราะพ่อเจ้าประคุณนั้นโลกส่วนตัวสูงเหลือเกิน
"น่านะ เฮีย ไปแทนน้องหน่อย"
เสียงออดอ้อนดังผ่านโทรศัพท์จนหรัณย์ต้องถอนใจยาวออกมาดังๆ เพราะถูกรบกวนเวลาพักผ่อนในวันหยุดจากน้องสาวตัวดี
"นะๆ ไปให้หน่อย คุณพี่ชายสุดดีเลิศประเสริฐศรีไม่มีใครเกิน จุ๊บๆ"
"เฮ้อ....เวรกรรมอะไรของไอ้กายนะ"
"สรุปตกลงนะคะ เย้ เฮียน่ารักที่สุด"
เสียงดีใจดังจนแสบแก้วหูทั้งที่เขายังไม่ตกลงทำให้หรัณย์รีบกรอกเสียงกลับไป "นี่ยายริน! พี่ตกลงตอนไหนยังไม่ได้พูดเลยนะ"
"อ้าว"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอน้องริน เสียเงินไปแล้วก็ช่างมันสิ"
"ไม่ได้ค่ะ คอร์สนึงไม่ใช่ถูกๆ นะคะ รินเสียดายตังค์ ถ้าเฮียไปจะได้ไม่สูญเปล่าไง"
ธารินหมายถึงคอร์สเรียนออกแบบตกแต่งเพิ่มเติมที่ไปลงเรียนไว้ แต่เกิดติดธุระด่วนไปไม่ได้จึงมาออดอ้อนพี่ชายให้ไปแทน
"แล้วไอ้หมอล่ะ ให้ไปแทนพี่ดิ"
"พี่หมอไม่รับสาย โทรไม่ติด เฮียไปน่ะแหละดีแล้ว น่านะ ไปให้น้องหน่อย"
"ทีหลังจะลงเรียนอะไรก็ถามกันบ้างนะ จะไปเรียนทำไมให้เหนื่อยจ้างคนอื่นทำก็ได้"
หรัณย์หมายถึงเหตุผลที่ธารินอ้างกับเขาว่าเพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรงแรม ซึ่งชายหนุ่มมองว่าทุกวันนี้ก็มีทีมออกแบบเก่งๆ มากมายที่พร้อมจะรับงานแข่งกัน
"รินทำก็เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเรานะคะ ไม่ได้เอาเงินไปละลายทิ้งเสียหน่อย"
น้ำเสียงออกแนวตัดพ้อและงอนนิดๆ ทำให้หรัณย์ต้องยอม
"ก็ได้ๆ พี่ไปให้ก็ได้ จริงๆ เลยนะเราน่ะ ยายบ๊องเอ๊ย"
"เห็นมั้ยเฮียใจดีที่สุด ขอบคุณนะคะพี่ชาย รักนะคะ จุ๊บๆ"
"รีบวางไปเลยไป แก้มช้ำหมดแล้วมั้ง"
"ถ้าอยู่ใกล้ก็เอาหัวไถแขนไปแล้วล่ะ"
"คนรึแมว ถึงเอาหัวไถแขน"
หญิงสาวหัวเราะออกมาเมื่อถูกแซว หรัณย์ต้องส่ายหัวให้ กับความตื๊อที่เขาต้องยอมเสียทุกครั้ง
หลังจากวางสายจากธารินชายหนุ่มรีบผลุนผลันลงจากเตียง เมื่อดูเวลาแล้วคิดว่ากว่าเขาจะอาบน้ำกว่าจะขับรถไปถึงก็คง
กินเวลาไม่น้อย เลยต้องรีบเร่งเพื่อให้ทันเวลา
หรัณย์มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ชายหนุ่มเจรจากับเจ้าหน้าที่ว่าเขามาแทนใครในวันนี้ เมื่อได้ลงทะเบียนและรับเอกสารเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเข้าไปนั่งรอในห้องร่วมกับผู้เรียนคนอื่นๆ ที่มีประมาณเกือบๆ ยี่สิบคนโดยกะเอาจากสายตา
เขานั่งจินตนาการไปถึงเจ้าของของชื่อแสนเพราะชวนให้อยากเห็นหน้านามมาลาริน เจ้าของคลาสที่เขาภาวนาว่าขอให้เป็นสาวๆ จะได้มีเรี่ยวแรงและรู้สึกกระชุ่มกระชวยในการเรียน เพราะเท่าที่อ่านตารางแล้ววันนี้คือการนั่งฟังเกือบทั้งวัน เขาไม่ชอบการมานั่งฟังใครพูดอะไรนานๆ
"สวัสดีค่ะทุกคน"
หรัณย์เหลือบตาขึ้นไปมองเจ้าของเสียงที่เขารู้สึกคุ้นหู เพียงสายตาสบเข้ากับร่างที่มายืนอยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มก็นั่งตะลึงตาค้างนิ่งงัน
'นี่มัน...ที่รัก!’
สมองชายหนุ่มอื้ออึงไปชั่วขณะเพราะกำลังช็อก เขาพยายามคิดว่าก็แค่คนหน้าคล้ายหาใช่คนเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนหญิงสาวที่มีสัมพันธ์กันโดยรู้จักเพียงแค่ชื่อเล่นไม่มีผิด เขาคิดว่าไม่น่าจะบังเอิญเป็นฝาแฝด เมื่อเอาชื่อมารวมกันแล้วเธอคือ ณที่รัก มาลาริน
'กาย...เขา มะ มาได้ไง!’
มาลารินยืนตัวสั่นใจสั่นจนแทบกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอก เหงื่อเริ่มไหลซึมเต็มแผ่นหลังทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำจนเกือบหนาว แม้คืนนั้นจะมีความมืดอำพรางแต่เธอก็จำเขาได้ดี...เธอจำผู้ชายที่มีสัมพันธ์กันแบบวันไนท์สแตนด์ได้ขึ้นใจ
ไม่มีใครรู้ในท่าทีแปลกๆ ของครูสาวและลูกศิษย์หนุ่มรูปหล่อว่ากำลังส่งสายตาให้กันข้ามหัวผู้เรียนคนอื่นๆไป วินาทีนี้มาลารินแทบอยากจะปิดคลาสแล้ววิ่งหนีออกไปเสียให้ไกล เพราะสายตาของเขากำลังทำให้เธอลืมสิ่งที่เตรียมมาในหัวไปจนหมดสิ้น มันกระเจิดกระเจิงตกหล่นลงพื้นเพราะเขาคนเดียว