นานหลายชั่วโมงที่เราสองคนนั่งกินด้วยกัน ระหว่างนี้ฉันก็หยิบมือถือมาถ่ายรูปบ้างเล่นเกมส์บ้าง ส่วนพี่ภามเขามีสายเข้าเป็นระยะ ๆ เลยค่ะ
“มึงจะโทรอะไรนักหนาเนี่ย” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยเมื่อกดรับสาย
(กูจะคุยกับสาวน้อย) เขาวีดีโอคอลกันค่ะปลายสายเป็นผู้หญิง
“สาวน้อยอะไรของมึง”
(สาวน้อยที่มึงโดดเรียนพาไปเที่ยวไง)
“ยุ่งฉิบหาย”
(มาเลยเร็ว ๆ)
“ไม่ ให้ คุย!!” วางสายแล้วก็กดปิดเครื่องไปเลยค่ะ เป็นการกระทำที่เลือดเย็นมาก
“เอ่อ... ใครเหรอคะ” เนี่ย! ฉันล้ำเส้นเขาอีกแล้ว
“เพื่อน” คำตอบก็ยังคงเดิมแถมน้ำเสียงปกติด้วยนะคะไม่ได้แสดงความรำคาญออกมาให้เห็น “คนที่ไปกับฉันวันที่เราเจอกันครั้งแรกไง”
“เจอกันครั้งแรก...” ฉันพยายามนึกตามอยู่ค่ะ
“...”
“อ๋อ! นึกออกแล้วพี่คนนั้นที่หน้าเหวี่ยง ๆ หน่อยใช่ไหมคะ?”
“เหวี่ยงเหรอ ออกจะน่ารัก”
“...” เป็นฉันเองที่เงียบไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ฉันกำลังรู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าสนใจคนอื่น แบบนี้หรือเปล่านะที่เรียกว่าอิจฉา
“แนนมันเป็นคนลุย ๆ เป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่งเลยแหละ”
“พี่ชอบแบบนี้เหรอคะ”
“...”
“หยาหมายถึงสเปคในอุดมคติของพี่น่ะค่ะ” ฉันถามไปตามความคิด จะว่าอยากรู้อยากเห็นก็ใช่แหละ
“ไม่มีหรอก อยู่ด้วยแล้วสบายใจก็น่าจะพอแล้วมั้ง”
“แค่นี้เองเหรอคะ?”
“อืม”
ฉันคิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะเลือกมากซะอีก เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาน่ะเจ้าระเบียบมากแค่ไหน ขนาดวางของไม่เป็นที่ไม่เป็นทางยังดุเลยค่ะ
“พี่มีแฟนหรือยังคะ?”
“...”
“หยาจะได้ทำตัวถูกไง” ฉันควรจะตั้งคำถามนี้กับเขาแต่แรกด้วยซ้ำ กลัวตัวเองไปแทรกกลางคนอื่นค่ะ
“ไม่มี” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่ม
“คนคุยล่ะคะ”
“ไม่มี” คำตอบก็ยังคงเดิม
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนเกือบถึงเที่ยงคืนพี่ภามเขาเข้าห้องไปแล้วค่ะแต่ฉันยังคงอยู่ที่เดิม วันเกิดปีนี้ต่างจากปีก่อนนิดหน่อย ถ้าย้อนกลับไปตอนที่ครอบครัวยังเป็นครอบครัวอยู่มันดีมากเลยนะคะ... ฉันได้รับคำอวยพร ได้รับของขวัญและคำพูดดี ๆ จากพ่อและแม่ แต่ช่างเถอะ! ถึงมันจะไม่เหมือนเดิมแต่อย่างน้อยมันก็เคยเกิดขึ้น
“เข้าห้องได้แล้วมั้ง”
“รออีกแป๊บนะคะ หยาขออีกห้านาที”
“ทำไมต้องห้านาที? เธอนี่ขยันต่อรองกับฉันทุกเรื่องเลยนะ” เสียงบ่นลอยเข้ามาในหูพร้อมกับร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงข้างฉัน
“พี่เกิดวันไหนคะ” ฉันเอ่ยถามพลางหันไปมองหน้าเขา
“ทำไมล่ะ มีของขวัญจะให้เหรอ”
“หืม...” แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้เขาพูดคุยกับฉันมากขึ้น
พี่ภามเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองแล้วพูดต่อ “อีกไม่กี่นาทีก็เกิดแล้วแหละ”
“คะ?” เขาคงจะไม่ได้เกิดวันเดียวกับฉันหรอกนะ
“วันเกิดก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่เห็นตื่นเต้นอะไร”
“พี่รู้ไหมว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็วันเกิดหยาเหมือนกัน” ฉันว่าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปให้เขา “ไม่เชื่อพี่ดูสิคะ” ไม่พูดเปล่าฉันยังแนบหลักฐานในบัตรประจำตัวประชาชนให้เขาดูอีกด้วยนะคะ
“สิบแปดเต็มแล้วนี่”
“ค่ะ” ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนตรงแล้วค่ะ “สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
“...” พี่ภามนิ่งไปเมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น
“แล้วก็สุขสันต์วันเกิดให้ตัวเองด้วย” ประโยคนี้ฉันพูดกับตัวเองค่ะเป็นอีกปีที่ไม่มีเค้กให้เป่า ไม่มีคำอวยพรจากคนที่ฉันรักและไม่มีความอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง
“สุขสันต์วันเกิดนะ” ชัดถ้อยชัดคำมากค่ะ ฉันไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ “ยิ้มเยอะ ๆ มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือก”
“พี่ก็เหมือนกันนะคะ”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกนอกจากยิ้มให้กัน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เขายิ้มให้ฉันแบบนี้ ปกติจะหน้านิ่ง ๆ และดุหน่อย นี่คงเป็นความทรงจำอีกหนึ่งเรื่องราวในชีวิตของฉันล่ะมั้ง ใครจะไปคิดว่าชีวิตตัวเองจะเป็นแบบนี้
“เข้านอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
“ทำไมต้องตื่นแต่เช้าด้วยล่ะคะ” กำหนดกลับของเรามันอีกวันหนึ่งค่ะ “หรือว่าพี่มีธุระด่วน?”
“อืม”
“อ้าว... แล้วแบบนี้หยาทำให้พี่เสียเวลาหรือเปล่า” ก่อนจะมาก็ไม่ได้ถามด้วยค่ะว่าเขาว่างจริง ๆ ไหม
“ไม่หรอก ไม่ได้สำคัญมาก”
“...”
หลังจากนั้นก็ช่วยกันเก็บของและเข้าห้องค่ะ ต้องบอกก่อนว่ามันมีเตียงเดียวและไม่มีโซฟาด้วยก็คือเป็นบ้านพักหลังเล็ก ๆ นั่นแหละ
“คือหยา...”
“นอนด้วยกันนั่นแหละ เดี๋ยวพ่อจะหาว่าฉันรักแกเธอทางอ้อมอีก” เขาพูดแทรกขึ้นมาราวกับรู้ว่าฉันจะพูดอะไร “หรือเธอเต็มใจจะนอนพื้น?”
“ไม่เอาค่ะ หยาจะนอนกับพี่” ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยจะบอกว่ากลัวผีก็ยังไงอยู่ “อย่าเพิ่งปิดไฟนะคะ หยาขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“ไปสิ”
รีบล้างหน้าแปรงฟันให้ไวเลยค่ะจากนั้นก็วิ่งมาที่เตียง
“กลัวผี?”
“ดึกแล้วนะคะพี่จะพูดทำไม”
“เลอะเทอะ” บ่นพึมพำใส่ฉันก่อนจะทิ้งตัวลงนอน “มานอนได้แล้ว”ฉันไม่ได้ตอบอะไรแต่ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนข้างเขา เป็นการนอนที่เกร็งที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยค่ะ
นานหลายนาทีที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบ เบือนหน้าไปมองพี่ภามเขาหลับแล้วค่ะเหลือแค่ฉันนี่แหละที่ยังตาแข็งทื่ออยู่ บรรยากาศมันดีนะคะแต่ฉันมันคนขี้กลัวไงเวลาค้างที่อื่นสมองมันจะคิดและจินตนาการไปเรื่อยเลยค่ะ
หมับ!
“กรี๊ด...!!”
“ชู่ว...จะกรี๊ดทำไม?” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยก่อนจะลุกนั่งมองหน้าฉัน
“ขอโทษค่ะหยาแค่ตกใจ” ก็เขานั่นแหละที่พาดมือมาถูกตัวฉันคนกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็สะดุ้งสิ
“ฉันจะเอายังไงกับเธอดีนะ”
“...”
เขามองหน้าฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งแต่คราวนี้เขยิบเข้ามาใกล้ฉันค่ะแถมยังห่มผ้าให้อีกด้วย
“คราวนี้จะนอนได้หรือยัง?”
“ค่ะ” ฉันตอบออกไปเสียงแผ่วเบา ถ้าคราวนี้ไม่หลับอีกก็คงไม่ได้นอนแล้วล่ะ “พี่... กอดหยาได้ไหมคะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่แต่ปากมันก็พูดตามความต้องการไปแล้ว
“เรื่องมาก!” บ่นนะคะแต่ก็กอด แต่ไม่ได้กอดเหมือนคู่รักหรือลึกซึ้งอะไรนะคะแค่พาดแขนลงบนตัวฉันเท่านั้นเอง แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เต็มใจมากนักแต่ฉันกลับรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดนี้...
วันเกิดฉันปีนี้ถึงจะไม่ได้หวือหวาอะไรแต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกดี ๆ พอให้จดจำค่ะ หนึ่งในนั้นก็คืออ้อมกอดของคนแปลกหน้าคนนี้ไง