ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงเลยค่ะ ยิ่งเห็นสายตาของพี่ภามตอนนี้ยิ่งไปไม่เป็น
“ที่ให้พามาวันนี้อยากมาจริง ๆ หรือมีเหตุผลอื่นร่วมด้วย” เขาต้องการคำตอบที่ไม่ใช่คำโกหกชองฉันสินะ
“คือหยา...”
“...”
“หลังสอบเสร็จมีการเลี้ยงฉลองปิดเทอมกันภายในค่ะ แต่หยาไม่มีเพื่อนและในห้องก็ไม่มีใครชวนหยาสักคน หยาก็เลย...”
“ถ้ารู้ว่ามาแล้วตัวเองจะถูกประณามแบบนี้เธอคิดว่าควรมาไหม?”
“...”
“อย่างก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน เพื่อนบางคนก็เข้าใจเธอ บางคนก็แยกแยะเป็นและบางคนก็เกลียดเธออย่างเห็นได้ชัด สังคมเพื่อนมันไม่สำคัญเสมอไปหรอกนะ ก็แค่ความทรงจำช่วงหนึ่งของการเติบโตเท่านั้นเอง” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยพร้อมกับมองหน้าฉันนิ่ง ๆ “หวังว่าต่อไปเธอจะพูดความจริงกับฉันทุกอย่างนะปันหยา”
“ค่ะ”
“ช่างเถอะ! แล้วต่อไปถ้าใครถามว่าเราเป็นอะไรกันก็ตอบไปว่าพี่น้องไม่ใช่อ้ำอึ้งแล้วรอให้คนอื่นมาด่าแบบนี้อีก” ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยค่ะ ไม่คิดว่าพี่ภามจะอนุญาตให้ฉันบอกสถานะกับคนอื่นแบบนั้น
“แทนตัวเองว่าพี่สิคะ”
“ต่อรอง?”
“เปล่าสักหน่อย” ฉันว่าพลางเฉไฉมองไปทางอื่น ที่อยากให้เขาแทนตัวเองว่าพี่เพราะฉันรู้สึกว่าสรรพนามตอนนี้มันห่างเหินไปค่ะ ถ้าจะให้พูดตามความจริงตอนนี้ฉันมีแค่เขาที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกปกป้องอยู่...
หลังจากคุยกันเข้าใจพี่ภามก็พาฉันไปกินข้าวค่ะ แต่เปลี่ยนร้านแล้วนะเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเจอออมอีก
“พี่...”
“ว่าไง”
“พี่มีเพื่อนไหมคะ?”
“เมื่อก่อนไม่มี เพิ่งมีเมื่อไม่นานมานี้แหละ”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ผู้หญิง”
“...”
“ถามทำไม?”
“ปกติหยาเห็นผู้ชายจะมีเพื่อนเยอะแบบอยู่กันเป็นกลุ่มน่ะค่ะแต่หยาไม่เคยเห็นพี่สุงสิงกับใครเลย” ฉันตอบไปตามความคิด พี่ภามเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ
“เพื่อนน่ะ มีแค่สองสามคนก็พอแล้ว”
“...”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกจนกระทั่งมื้อนี้จบลง
“ปิดเทอมจะกลับไปอยู่บ้านไหม?”
“...”
“หมายถึงบ้านฉัน” เขาพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นฉันเงียบไป
“พี่จะกลับไปอยู่บ้านเหรอคะ”
“น่าจะ... อาจจะไป ๆ มา ๆ เดี๋ยวดูก่อน”
“หยาแล้วแต่พี่เลย”
เขาจะอยู่ไหนหรือทำอะไรฉันก็จะอยู่ด้วยค่ะ อะไรก็ได้ขอแค่อย่าไล่ฉันกลับบ้านก็พอ เพราะที่นั่นคือสถานที่ที่ทำให้ฉันอยากหลุดพ้นที่สุด
“ปันหยา” ใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกฉัน
“เปา มีอะไรเหรอ” เปาคือหัวหน้าห้องค่ะ เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะแต่ดีหน่อยที่ไม่ตั้งแง่รังเกียจกับฉันแม้ว่าเราจะไม่ค่อยพูดคุยกันก็เถอะ
“ขอโทษนะเราไม่รู้ว่ายังไม่มีใครชวนเธอและขอโทษสำหรับเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย”
“ไม่เป็นไรเราชินแล้วแหละ”
“แล้ว... เธอมากับใครเหรอ”
“พี่ชายน่ะ” ฉันตอบเสียงดังฟังชัดก็เจ้าตัวเขาอนุญาตแล้วนี่
“อ่อ แล้วจะไปรวมด้วยกันไหมพวกเราเล่นน้ำกันอยู่ทางโน้น”
“ไม่ล่ะ ที่เรามาวันนี้เราไม่ได้อยากมาเพราะเป็นทริปของห้องซะทีเดียวหรอกนะ เราอยากมาเองแต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่เดียวกัน”
ฉันพูดจริงค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดฉันและพี่ภามรับปากไว้ถ้าผลการเรียนออกมาดีจะพาไปเที่ยว ฉันจึงเล็งไว้แต่แรกแล้วค่ะ แต่ไม่คิดว่าทริปนี้จะบังเอิญตรงกันกับเพื่อนในห้องเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ไม่มีใครชวนอันนี้ก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วแค่บางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินก็แค่นั้น
“โอเค ถ้างั้นเราไปนะ สวัสดีครับ” ประโยคหลังเปาหันไปพูดกับพี่ภามค่ะแถมยังยกมือไหว้อีกด้วย
“ความจริงหรือเปล่าที่พูด?” คล้อยหลังเปาพี่ภามก็เอ่ยถามขึ้น
“จริงค่ะ หยาเลือกที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะจัดทริปกันซะอีก”
“โลกกลมดีแฮะ”
หลังจากนั้นก็เช็คบินกลับที่พักกันค่ะ ระหว่างทางเดินวิวมันดีมากฉันไม่ลืมที่จะเก็บรูปภาพเอาไว้รวมไปถึงคนที่เดินนำหน้าฉันตอนนี้ก็ด้วย
(แชะ!)
“ใครอนุญาตให้แอบถ่ายไม่ทราบ?”
“ถ้าแอบต้องไม่เห็นนะคะ พี่เห็นก็แสดงว่าหยาไม่ได้แอบ” ฉันว่าพลางฉีกยิ้มกว้างใส่เขา
“ใครจะแก่แดดเท่าเธอคงไม่มี”
“คิกคิก” พี่ภามไม่ได้สั่งให้ลบ แบบนี้แปลว่าถ่ายต่อได้ค่ะ
ระหว่างที่ฉันเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปมือถือพี่ภามเขาก็มีสายเข้า
“ว่าไง”
(...)
“ไม่บอกอย่าหลอกถาม”
(...)
“ฮ่า ๆ”
ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใครแต่สีหน้าของเขามันดูมีความสุข ไม่สิ! มันสบายใจที่ได้คุยมากกว่าแถมยังหัวเราะอีกด้วยนะคะซึ่งต่างกับตอนอยู่กับฉัน แต่ช่างสิ! ทำไมฉันต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเขาด้วยนะ… แค่ไม่นานก็วางสายค่ะ
“พี่คุยกับใครเหรอคะ” ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่แต่ปากมันก็ถามไปแล้วและฉันอาจจะถูกดุกลับมาก็ได้ที่ล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวของเขา
“เพื่อน”
“...” ไม่ได้หูฝาดไปแน่ ๆ ค่ะ
“ตรงบ้านพักเล่นน้ำได้ ถ้าเธอจะเล่นก็เล่นตรงนั้นนะ”
“แล้วพี่ไม่เล่นด้วยกันเหรอ”
“ฉันจะนอน”
“โอเค” ตอบออกไปอย่างไม่มีทางเลือกทั้งที่ใจจริงก็อยากเล่นกับเขานั่นแหละ
มาถึงบ้านพักฉันก็ตรงไปยันธารน้ำตกเลยค่ะส่วนพี่ภามเขานอนเล่นเกมส์อยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ
“อย่าไปไกลตรงนั้นมันลึก” น้ำเสียงแข็งลอยเข้ามาในหูฉัน หันไปมองก็เป็นพี่ภามนั่นแหละค่ะปากเขาพูดกับฉันแต่ตากับมือกำลังจดจ่ออยู่ที่มือถือดูท่าทางแล้วคงกำลังหัวร้อนสินะ ฮ่า ๆ
นานนับชั่วโมงที่ฉันแช่น้ำอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้เหงานะคะติดจะสบายใจด้วยซ้ำ แต่แค่ไม่นานวังวนความสุขของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไประดับน้ำมันเพิ่มค่ะ ฉันไม่ได้คิดไปเองแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้ยังอยู่แค่เอวแต่ตอนนี้อยู่ช่วงหน้าอกแล้วค่ะแถมน้ำมันก็ไหลเชี่ยวกว่าเดิมมาก เห็นแบบนั้นฉันจึงกวาดสายตาไปรอบบริเวณคนอื่นเขาเริ่มทยอยกลับขึ้นกันแล้วแต่ฉันดันออกมาอยู่ตรงเนินหินกลางธารน้ำพอดีแน่นอนว่าแย่แล้ว...
“พี่...”
หมับ!
ไม่รู้ว่าพี่ภามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ทำไมออกมาไกลบอกให้อยู่ใกล้ ๆ ไง”
“ก็ตอนแรกน้ำมันไม่เยอะนี่คะ”
“ที่นี่คือแหล่งธรรมชาตินะอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้หัดสังเกตสิ่งรอบตัวบ้าง” ถูกดุแล้วค่ะ “เกาะแน่น ๆ นะ” เขาว่าก่อนจะจับมือฉันแล้วค่อย ๆ พาเดินฝ่ากระแสน้ำข้ามกลับมา “ปล่อยให้ลอยน้ำไปซะก็ดี”
“พี่ไม่ใจร้ายกับหยาหรอก”
“พูดมาก! ไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวไม่สบาย”
“ค่ะ”
ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวแค่ไม่นานก็เสร็จค่ะ หลังจากนั้นพี่ภามก็ไปอาบน้ำต่อ ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วค่ะอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมานิดหน่อยและอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าฉันก็จะอายุครบสิบแปดปีเต็มแล้ว
“ไปซื้อของข้างนอกกัน”
“หืม?” ถึงกับแปลกใจเมื่อได้ยินคำชวนจากปากเขา
“ก็มันมีเตาให้อ่ะไปซื้ออะไรมาทำกินดีกว่า”
สถานที่ที่พี่ภามพามาเป็นตลาดสดค่ะใกล้ ๆ กับอุทยานนั่นแหละ
“ความจริงข้างในก็มีให้สั่งนะคะเราไม่เห็นต้องออกมาซื้อเองเลย”
“อยากออกไง” โอเคจบไม่ต้องถามต่อ
ได้ของสดมาสองสามอย่างค่ะไม่ได้เดินนานเลยเหมือนเขาเจาะจงมาแล้วว่าต้องการจะซื้ออะไร
“พี่... หยาอยากกินอันนั้น” ฉันว่าพลางชี้ให้เขาดู
“ไปดิ”
คนต่อคิวเยอะพอสมควรค่ะ เป็นร้านขนมไทย
“พี่เอาอะไรไหมคะ”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าวเหนียว”
พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเลือกขนมมาสองอย่าง
“สี่สิบบาทลูก”
“นี่ครับ” พี่ภามเป็นคนจ่ายให้ค่ะ
“เป็นแฟนกันเหรอสมกันดีนะ” คุณป้าว่ายิ้ม ๆ
“เป็นพี่น้องกันครับ”
“อ้าวเหรอ ฮ่า ๆ ขอโทษทีอย่าถือสาคนแก่เลยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ทำไมเขาถึงบอกว่าเราเป็นแฟนกัน ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกันมีเยอะแยะ” ฉันเอ่ยไปตามความคิด
“...”
กลับถึงบ้านพักแน่นอนว่าคนทำอะไรไม่เป็นอย่างฉันมีหน้าที่นั่งดูค่ะ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วบรรยากาศดีมากเลย
“หิวข้าวไหม?”
“หิว” ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
“ไปสั่งที่ห้องครัวนะ ตรงนี้น่าจะอีกหลายนาที” เขาว่าพลางยื่นเงินให้กับฉัน
“พี่เอาอะไรคะ”
“ไม่ล่ะ เธอกินให้อิ่มเถอะเดี๋ยวพ่อจะหาว่าฉันเลี้ยงเธออด ๆ อยาก ๆ” ดูฝีปากเขาสิคะเดี๋ยวจะหาว่าฉันกวนอารมณ์อยู่ฝ่ายเดียว