“คุณแม่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรอคะ” พริ้มพราวเดินทางมาหาคุณแม่ทันที ที่ได้เธอรู้เรื่องการฟ้องหย่าของแม่กล้วยกับเพชรภูมิ สิ่งที่กลัวมากที่สุด คือในเมื่อแม่รู้ รู้มาโดยตลอด แต่ทำไมแม่ถึงยังทำเหมือนไม่รู้ และแม่จะทำยังไงกับเธอต่อไป กล้วยนั่งเอนหลังอยู่กับเก้าอี้โยกตามประสาคนแก่ พริบพรายเองก็นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับนาคิมอีกคน
“ก็อยากที่พริ้มรู้นั่นแหละ ฉันรู้หมดแล้ว” กล้วยเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ เพราะอย่างไรพริ้มก็ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นแม่ เธอเองก็ไม่อยากจะเป็นแม่ให้กับคนที่ไม่เคยรักเธออย่างพริ้มพราว
“คะ คุณแม่ พริ้มขอโทษ พริ้มไม่ได้ตั้งใจนะคะ” พริ้มพราวคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรง โดยไม่ระวังเด็กที่กำลังอยู่ในท้องของเธอเลยแม้แต่น้อย กล้วยได้แต่มองด้วยความเสียดาย เธอไม่มีลูก แต่คนที่สามารถมีลูกได้กลับไม่ถนอมเด็กเลย
“พริ้มพอเถอะ ฉันจัดการทุกอย่างหมดแล้ว อะไรที่เคยให้เธอ ฉันให้ในฐานะแม่ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราแม่ลูกมันจบลงไปแล้ว พริ้มกลับไปเถอะ ยังไงเลิกกันกับเพชรภูมิฉันก็จะเหลือทรัพย์สินให้เขาบ้าง ไม่ทำให้เธอกับลูกอดตายหรอก” กล้วยกล่าว เธอคิดไว้แบบนั้นจริงๆ เธอเองก็แค้นใจที่เพชรภูมิทำเลวระยำกับเธอมาโดยตลอด แต่มันไม่ใช่แค่เพราะศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้ แต่มันเพราะเธอเองก็รักเขาเหมือนกัน หลายอย่างเขาอาจจะชั่วร้ายเลวทราม แต่ด้านดีเขาก็ไม่รังเกียจที่เธอจน และไม่ได้สวยแบบคนอื่นตั้งแต่ในอดีต เขาเป็นคนเดียวที่เห็นค่าเธอ
“คุณแม่หมายความว่า คุณแม่จะไม่ให้อะไรพริ้มอีกหรอคะ” พริ้มพราวตะลึงงัน เธอหันไปมองน้องสาวที่กำลังนั่งยิ้มเย้ยอยู่อย่างท้าทาย หรือเพราะพริบพรายเป็นคนบอกแม่กัน “แกใช่ไหม อีพริบ แกใช่ไหมที่บอกเรื่องนี้กับแม่” พริ้มพราวผุดลุกอย่างทะลักทุเลชี้หน้าน้องสาว พริบพรายมองคนแพ้แล้วพาล เธอทำท่าจะผุดลุกยืนเอาเรื่อง แต่นาคิมกลับรั้งร่างภรรยาไว้
“กูไม่เคยบอกแม่ เรื่องระยำของมึงกับป๊า กูไม่คิดจะพูดด้วยซ้่ำ” พริบพรายกล่าวด้วยน้ำเสียงทีดัง เพราะเธอก็อดทนมานานแล้ว ภาพที่เธอเห็นพริ้มพราวกำลังควบขี่เพชรภูมิ คนที่เธอเรียกว่าพ่อกับพี่ มันอุบาทว์ขนาดไหน เธอถึงต้องไปขวนขวายหาทุน เพื่อจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อให้พ้นหูพ้นตาคนพวกนี้ ก่อนที่เธอจะทนไม่ไหว แล้วเล่าทุกอย่างให้แม่ เธอเก็บงำมันมาตลอด เธอไม่เคยมองหน้าแม่ติดด้วยซ้ำ
“ถ้ามึงไม่บอกแล้วแม่จะรู้ได้ยังไง"
“ฉันให้นักสืบเอกชนตามเพชรภูมิ ตามมาโดยตลอด เพราะฉันต้องการหย่า แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงในความลับของเขา จะอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน โชคดีที่เพชรภูมิกับพริ้มไม่ค่อยระวังตัวเลย ฉันถึงได้รู้จนได้” กล้วยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตอนนั้นที่เธอรู้ เธอแทบจะเป็นโรคประสาท ความเจ็บปวดมันล้นเอ่อไปหมด เธอเคยคิดว่าเพชรภูมิรักลูกสาวคนโตมาก แต่ไม่คิดว่าความรักนั้นมันไม่ใช่พ่อลูก แต่กลับเป็นหญิงชาย และที่เจ็บปวดที่สุด คนที่คิดว่าเป็นลูกกลับทรยศเธอ ผู้ชายมีมากมายเป็นร้อยเป็นพัน แต่กลับได้กับพ่อบุญธรรมของตัวเอง
“คุณแม่ ฮือออ คุณแม่ให้อภัยหนูได้ไหม หนูผิดไปแล้ว” พริ้มพราวที่จนมุมร้องขอโทษกับกล้วย ความจริงภายในใจคนเป็นแม่มันก็อดสงสารไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาพริ้มพราวไม่เคยนึกถึงใจเธอเลย อีกอย่างตอนนี้เธอก็ไม่เหลืออะไรให้พริ้มพราวแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีก
“ฉันให้อภัยเธอ แต่ฉันไม่เหลืออะไรให้เธอแล้วพริ้มพราว” กล้วยยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางหยิบทิชชู่ซับน้ำตา พริ้มพราวเงยหน้ามองแม่ด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันยกทุกอย่างไม่ว่าจะกิจการทั้งหมด อสังหาริมทรัพย์ เงินทอง เครื่องเพชร ฉันไม่มีอะไรให้เธอแล้วล่ะ”
“คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ”
“หมายความว่าฉันไม่มีอะไรให้เธอ ทุกอย่างฉันยกให้พริบพรายไปหมดแล้ว” กล้วยกล่าว เธอมองหน้าของพริ้มพราวที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เธอยืนมองแม่ด้วยความผิดหวัง แต่จะผิดหวังแม่ได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มต้นที่เธอทั้งนั้น
“แม่ทำแบบนี้ หมายความว่าแม่ไม่รักหนูบ้างหรอ”
“ฉันรักเธอ รักเหมือนลูกคนนึง แต่ดูสิ่งที่เธอทำสิ ตอนที่เธอได้กับเขา เธอเคยมีสักแวบนึงไหมที่นึกถึงหน้าฉัน” กล้วยถาม เธอเบือนหน้าหนีไม่อยากจะฟังเรื่องราวทั้งหลาย ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ก่อนจะกลั้นไม่ไหว ทำนบน้ำตาแตกออกมา
“พี่กลับไปหาโรงแรมนอนเหอะ ที่นี่บ้านฉัน ฉันไม่ต้อนรับคนอกตัญญูแบบพี่” พริบพรายกล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ พริ้มพราวที่ยืนมองน้องสาวด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะลากกระเป๋าใบโตออกไปด้วยความโมโหทั้งน้ำตา
“คุณเข้าไปดูคุณแม่คุณเถอะ” นาคิมกล่าว พริบพรายไปยืนเคาะประตูห้องของแม่ กล้วยหันไปมองลูกสาวที่เดินเข้ามาทั้งน้ำตา พริบพรายกอดแม่พลางร้องไห้ทั้งคู่ มันไม่ใช่เพียงความเจ็บปวดที่ต้องทะเลาะกันกับพริ้มพราว แต่เพราะเวลาของเธอแม่ลูกก็เหลือไม่นานแล้ว
“แม่คะ ทำไมเวลาของเราต้องเหลือน้อยขนาดนี้คะ” พริบพรายกล่าว กล้วยยิ้มอย่างขมขื่น อาการเจ็บปวดทุกวันนี้ของเธอมันทวีคูณมากขึ้นทุกวัน เวลาของเธอเหลือน้อยลง การฟ้องร้องจึงต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อปลดพันธนาการทุกอย่าง ก่อนที่เธอจะตายจากไป
“แม่อยากให้พริบพรายเข้มแข็งนะลูก"
“แม่คะ ถ้าไม่มีแม่พริบก็ไม่เหลือใครแล้วนะ”
“แต่ตอนนี้หนูมีนาคิมแล้วนะลูก ต่อไปก็จะมีเจ้าตัวน้อย” กล้วยกล่าว อย่างน้อยในชีวิตของเธอก็ยังเหลือสิ่งที่เธอรักไว้บนโลกใบนี้ ต่อไปอาจจะมีทายาทตัวน้อยมาเกิดในอีกไม่นาน สืบทอดทายาทของเธอไปอีก หมดเรื่องของเพชรภูมิก็หมดเรื่องราวสิ้นแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานด้วยหลักฐานมากมายเกี่ยวกับตัวของเพชรภูมิ และพริ้มพราว เรื่องของพวกเขากลายเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว จนกลายเป็นติดแฮชแทคดังในอินเตอร์เน็ต การหย่าขาดจากกล้วยทำให้เพชรภูมิแทบไม่เหลืออะไร แต่กลับพริ้มพราว กล้วยไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไรกับลูกสาวคนนี้ ทั้งยังไม่ได้ถอนเธอจากการเป็นบุตรบุญธรรมด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้นางถูกสังคมรุมประนามจนไม่อาจมีที่ยืนในแผ่นดินได้ พริ้มพราวจึงต้องหนีขึ้นเครื่องบินมากับเพชรภูมิ เพื่อตรงมาขอร้องกับกล้วย
“คุณแม่คะ เขามากันแล้วค่ะ” พริบพรายบอก ตอนนี้แม่ของเธอเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปแล้ว กล้วยเองก็รู้อยู่แล้วว่าคนหน้าด้านอย่างเพชรภูมิ สุดท้ายเขาก็ต้องมาหาเธอในที่สุด กล้วยได้แต่พยักหน้าเชิงอนุญาตให้พวกเขาเข้ามา พริ้มพราวที่ท้องโตอุ้ยอ้ายกับเพชรภูมิที่ไม่มีสง่าราศรีเหมือนแต่ก่อน เขาดูแก่ลงไปมากทีเดียว
“นี่คุณ เป็นอะไร” เพชรภูมิที่เข้ามาในห้องของภรรยาก็อดตกใจไม่ได้ สภาพของกล้วยที่ผอม ทั้งยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอมองทั้งสองคนที่สภาพดูแย่ลงไปมาก พลางกวักมือเรียกพวกเขาด้วยความอ่อนแรง
“คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งค่ะ” พริบพรายบอกพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชา พวกเขาคงคิดว่าพวกเขานั้นทุกข์ใจมาก แต่ความจริงแล้วคนที่ทุกข์ใจกับเรื่องนี้ที่สุดก็คือแม่ของเธอ เพชรภูมิมองพริบพรายที่เย็นชาต่อเขาด้วยความเสียใจ ในสายตาของอาจจะมองพริ้มพราวไม่เหมือนลูก แต่พริบพรายนั้นเป็นลูกของเขาเสมอ
“ละ แล้วทำไมลูกไม่เคยบอกป๊าเลย”
“อย่าแทนตัวเองแบบนั้นเลยค่ะ น่ารังเกียจ” พริบพรายบอกก่อนจะเดินไปยืนข้างแม่ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าเธอไม่มีพ่ออย่างเพชรภูมิ เขาเองก็เสียใจ ตลอดมาไม่เคยคิดว่าวันนี้จะมาถึง วันที่เขาไม่เหลืออะไร เป็นแมงดาเต็มตัวแบบที่คนเขาด่า ที่มาวันนี้ก็อยากจะขอโทษกล้วย และเขาก็ไม่ได้อยากที่จะไม่เหลืออะไร เขาอยากมาคุยขอส่วนแบ่งบางส่วนจากเธอเพื่อไปเริ่มต้นใหม่
“คุณแม่ป่วยหรอคะ” พริ้มพราวตาแดง ตอนนี้เธอท้องได้เก้าเดือนแล้ว เธอหอบท้องมาเพื่อขอร้องให้แม่เห็นใจเธอ และเด็กในท้อง แต่ไม่คิดว่าแม่จะป่วยหนักขนาดนี้
“จะมาขออะไรกันล่ะ” กล้วยถามเสียงแหบ เวลาของเธอกำลังจะหมดลงแล้ว เธอเองก็อยากจะเจอพวกเขาครั้งสุดท้ายของชีวิต เพื่อจะบอกพวกเขาว่าทุกสิ่งทุกอย่างเธอให้อภัยพวกเขา แต่แค่มันจะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม พวกเขาจะไม่ได้อะไรจากการตายของเธอ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์กับเธอ
“ผมอยากให้คุณแบ่งทรัพย์สินมาให้ผมบ้าง ผมกับพริ้มกำลังมีลูก เราต้องการเงิน” เพชรภูมิกล่าว เมื่อก่อนเขาไม่เคยกล้าพูดแบบนี้กับกล้วยต่อหน้าลูกเท่าไหร่ เพราะถึงจะไม่ดียังไง เขาก็ไม่อยากดูเลวร้ายในสายตาลูก แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน พริบพรายคงไม่ยอมให้เขาคุยกับกล้วยสองคนแน่นอน และเรื่องมันก็มาไกลมากแล้ว พริบพรายรู้มาตลอดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพริ้มพราว
“คุณอย่ามาพูดทุเรศนะ มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ ไม่คิดจะทำงานทำการบ้างล่ะ” พริบพรายกล่าว แต่กล้วยจับมือลูกเพื่อให้พริบพรายใจเย็น
“พอเถอะพริบ ฉันไม่เหลืออะไรให้พวกคุณสองคนแล้วค่ะ ทุกอย่างฉันโอนให้ยัยพริบไปหมดแล้ว ตอนนี้ฉันไม่มีเงินเลยสักดอล” กล้วยพูดอย่างติดตลก แต่ความเป็นจริงเธอได้ยกทุกอย่างให้พริบพรายไปหมดแล้ว เหลือก็แต่ว่าพริบพรายจะเมตตาพวกเขาบ้างหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะปากร้ายอย่างพริบพราย ใจดียิ่งกว่าอะไร แต่คงต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
“คุณวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“เดิมทีฉันไม่ได้คิดจะลงมือหนักแบบนี้หรอกค่ะ แค่ตั้งใจว่าจะฟ้องหย่า เพื่อยกสมบัติให้ลูกทั้งสองคน โดยที่คุณจะไม่มีส่วนแบ่งอะไรเลย แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้" กล้วยกล่าวอย่างยืดยาวจนแทบจะหมดแรง “แต่ฉันให้อภัยพวกคุณนะ แต่เงินน่ะฉันไม่มีให้หรอก” กล้วยกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนแรง วันนี้เป็นวันที่เธอฝืนรอมาโดยตลอด จนกระทั่งความเจ็บมันกำเริบอีก ใบหน้าของเธอแทบจะซีดขาว บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเธอพร่ามัวไปหมด ภายในร่างกายของเธอมันร้อนเหมือนโดนไฟแผดเผา ก่อนทุกอย่างจะดับไป
…เธอตายแล้ว
กล้วยกลายเป็นวิญญาณร่างโปร่งใส เธอมองเห็นทุกอย่าง พริบพรายร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ งานศพของเธอเป็นพิธีแบบเรียบง่าย การเผาศพที่ต่างประเทศจะต่างกับไทย ซึ่งตรงนี้เธอก็คนวางแพลนไว้ทั้งหมด ความจริงการเป็นโรคร้ายแล้วตายไม่ใช่เรื่องแย่เลยสำหรับเธอ เธอได้วางแผนทุกอย่าง จัดเตรียมทุกอย่าง ได้เลือกธีมงานศพในแบบที่ตัวเองชอบ สงสารก็แต่ลูกสาวของเธอ ไม่ใช่เพียงพริบพราย แต่พริ้มพราวก็เหมือนกัน ถึงจะบอกว่าตัดใจได้ แต่ลูกก็คือลูก แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ก็เป็นลูกที่เธอเลี้ยงมากับมือ พริ้มพราวยืนหลบในมุมร้องไห้สะอึกสะอื้นกุมท้องของตัวเอง
กล้วยยืนอยู่ด้านข้างลูกด้วยความสงสาร เธอตั้งใจจะจับตัวของพริ้มพราว แต่บางอย่างก็ทำให้เธอเห็นในสิ่งที่เธอไม่เคยได้เห็น และรู้ในสิ่งที่เธอไม่เคยได้รู้ ทุกอย่างพาเธอกลับไปในอดีต พริ้มพราวยืนส่งแม่ไปทำงานในตอนเช้า เป็นวันที่เธอกำลังป่วยเป็นไข้ไม่สบาย พริ้มพราวในวัยสิบสองปียืนเกาะขอบประตูบ้านมองเหม่อไม่อยากให้แม่ไปจากเธอ
“เห้ย หายไปไหนกันทั้งบ้านว่ะ” เสียงของเพชรภูมิตะโกนดังลั่นบ้าน เขามองไปเห็นพริ้มพราวที่กำลังยืนอยู่ ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด เขาลากเด็กสาวที่กำลังไม่ค่อยจะสบายนักเข้าไปในห้อง เสียงกรีดร้องของพริ้มพราวทำให้กล้วยรู้สึกเจ็บปวด วิญญาณของเธอเหมือนจะตายทั้งเป็น เหตุการณ์เลวร้ายพวกนี้เธอไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
ภาพเรื่องราวในอดีตยังคงฉายเป็นเหตุการณ์ทำให้เธอได้รู้ว่าตลอดที่ผ่านมา พริ้มพราวโดนข่มขู่มาโดยตลอด เรื่องจะปล่อยคลิปโป๊บ้าง จะบอกแม่บ้าง ทำให้เธอต้องทนอยู่กับเหตุการณ์พวกนั้นมาโดยตลอด และเมื่อโตขึ้นพริ้มพราวก็เหมือนจะโอนอ่อนยอมเพชรภูมิไปเอง จนความสัมพันธ์ของพวกเขาคล้ายคนรัก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่กล้วยจะโกรธ เด็กผู้หญิง ก็คือผู้หญิง เธอเองก็โดนทำร้ายมาโดยตลอด แต่ยังรักเพชรภูมิได้ลงด้วยซ้ำ แล้วลูกของเธอจะต่างกันได้ยังไง
กล้วยที่ได้รู้เหตุการณ์ทั้งหมด ยืนร้องไห้อยู่ด้านหลังของลูกสาวอย่างพริ้มพราว เธอไม่เคยรับฟังลูก เธอตัดสินลูก ตั้งแต่ที่สืบรู้ความจริง เธอไม่ควรจะคิดเลวร้ายกับลูก ลูกจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนในตอนที่เธอตัดสัมพันธ์ไป พริ้มพราวจะเหลือใครอีก ในเมื่อตอนที่เธอตาย เธอไม่เหลืออะไรให้พริ้มพราวเลย
…เธอมันโง่ตั้งแต่เป็นคนยันเป็นผี
“อยากแก้ไขในสิ่งที่ผิดไหมล่ะโยม” เสียงของหลวงพ่อกล่าว กล้วยหันไปมองหลวงพ่อก็รับรู้ได้ว่าท่านมองเห็นเธอ เธอทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนจะกราบท่านทั้งน้ำตา
“หลวงพ่อจะช่วยลูกได้ไหมคะ”
“อาตมาช่วยสื่อให้โยมได้ แต่หลังจากสื่อแล้ว โยมจะต้องไปในเส้นทางของโยม กาลข้างหน้าของโยมเป็นเวรกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง จะต้องพบเส้นทางอันแสนยากลำบาก โยมจะยอมรับได้หรือไม๋” หลวงพ่อกล่าว กล้วยพยักหน้า ความทุกข์ เวรกรรมทั้งหลายล้วนเกิดจากการกระทำ บางอย่างเลี่ยงได้ บางอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างไรก็คือมนุษย์คนนึง เธอย่อมยอมรับได้
“เช่นนั้นก็ตามอาตมามาเถอะ” หลวงพ่อกล่าวก่อนจะเดินไปที่ลูกสาวทั้งสองคนของกล้วย “โยมทั้งสอง อาตมามีเรื่องจะคุยกับโยมทั้งสองคน ตามอาตมาไปที่ศาลาที” หลวงพ่อกล่าว พริ้มพราวกับพริบพรายมองหน้ากันก่อนจะเดินตามหลวงพ่อไปแต่โดยดี
“นมัสการค่ะ” ทั้งสองกล่าว
“อ้าวโยมกล้วย มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะ อาตมาจะบอกลูกสาวท่านให้”
“พริบพราย ให้อภัยพริ้มพราว และดูแลหลานให้แม่ได้ไหม ส่วนพริ้มพราว แม่รู้ทุกอย่างหมดแล้ว ทำไมถึงไม่เคยบอกแม่เลย แม่เสียใจมากรู้ไหมลูก” กล้วยกล่าวพลางสะอึกสะอื้น หลวงพ่อถอนหายใจ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่ท่านก็ทำผิดศีลไปเสียแล้ว แต่เพราะชะตาบาง อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ท่านจึงต้องสอดมือมายุ่งอย่างเสียไม่ได้
“แม่โยมบอกว่าพริบพรายให้อภัยพริ้มพราว และดูแลหลานให้แม่ได้ไหม ส่วนพริ้มพราวแม่รู้ทุกอย่างหมดแล้ว ทำไมถึงไม่บอกแม่เลย แม่เสียใจมากรู้ไหมลูก” ทันทีที่หลวงพ่อกล่าวจบ พริบพรายได้แต่ขมวดคิ้วงง แต่พริ้มพราวกลับร้องไห้โหออกมา ความลับสูงสุดในชีวิตของเธอที่ไม่เคยบอกใคร พริบพรายหันมองพริ้มพราว หลวงพ่อลุกเดินออกไปทันทีเพื่อให้พี่น้องได้คุยกัน
“พริ้มพราว แกบอกมาว่าความจริงคืออะไร” พริบพรายกล่าว แต่พริ้มพราวส่ายหน้าไม่ยอมพูดจา
“ฉันไม่อยากพูด แกอย่าบังคับฉันเลยนะ”
“แกไม่พูดแล้วฉันจะรู้ไหมว่ามันคืออะไร ฉันเป็นน้องแกนะเว้ย จะตัดขาดกันอยู่แล้ว แกยังมีอะไรที่ไม่บอกฉันอีกว่ะ” พริบพรายร้องไห้พร้อมกับฟาดไปที่พี่สาวหลายที วัยเด็กพวกเธอสองคนก็ชอบตีกันแบบนี้ ตีกันมาตั้งแต่อยู่บ้านเด็กกำพร้าแล้ว ถึงจะคนละพ่อคนละแม่ แต่พวกเธอก็เติบโตมาด้วยกันตลอด ถึงจะโกรธเกลียดกันแค่ไหน แต่มันก็คือความสัมพันธ์พี่น้อง