และแล้วก็ถึงเวลาที่น้ำหวานมีเอกสารพร้อมสำหรับการยื่นขอฝึกงานที่บริษัท CG group โดยที่ดีน่ารับปากว่าจะไม่ฝากเธอกับพี่ชาย จนกว่าเขาจะเลือกด้วยตัวเอง เธอเข้ามาในบริษัทก่อนจะเดินเข้าไปในแผนกบุคคลแล้วทำการยื่นเอกสารขอฝึกงานที่นี่
"โปรไฟล์ดีมากเลย แถมมีการันตี TOEIC800+คะแนนอีก โคตรเก่งเลยให้ตายสิ"
น้ำหวานนั่งยิ้มมองผู้จัดการแผนกที่เอ่ยชมผลการเรียนของเธอไม่หยุด ไม่ได้800+ให้มันรู้ไปสิ เธอเรียนนานาชาติมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเกรด12 แต่เธอไม่เคยบอกเพื่อนนะว่าจบโรงเรียนที่ไหนมาจึงไม่มีใครรู้ว่าทำไมเธอถึงเรียนเก่งมากกว่ารุ่นปกติ แถมภาษายังดีเลิศกว่าชาวบ้าน
"เดี๋ยวพี่จะส่งโปรไฟล์ไปให้ท่านประธานนะ ปกติเราจะไม่รับนักศึกษาฝึกงานเพราะที่บริษัทไม่มีพี่เลี้ยง แต่ถ้ามีความสามารถเทียบเท่าพนักงานท่านประธานจะรับเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพี่คิดว่าน้องน่าจะผ่านไม่ยากเลย"
น้ำหวานยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผู้จัดการฝ่ายบุคคล เห็นแบบนี้แต่เธอถูกคุณพ่อสอนให้เป็นเด็กที่เคารพผู้ใหญ่และทำงานตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ความลำบากหรือเลือกงานไม่อยู่ในตัวเธออย่างแน่นอน
"ขอบคุณมากนะคะ น้ำหวานจะรอฟังข่าวดีค่ะ"
"จ้ะ เดี๋ยวทางเราจะติดต่อไปนะไม่เกินหนึ่งสัปดาห์"
"ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
น้ำหวานยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้งก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกไปจากแผนกทันที เธอเดินมองโรงแรมไปรอบๆอย่างตื่นเต้น เหมาะสมแล้วที่อยู่ในระดับห้าดาว แถมร้านอาหารโซนดาดฟ้ายังได้มิชลินสองดาวอีก ใครไม่อยากฝึกงานที่นี่ก็บ้าแล้ว แต่ที่ไม่มีใครกล้ามายื่นเรื่องเพราะส่วนใหญ่ถูกปฎิเสธ
"ขอให้ได้นะน้ำหวาน กลับดีกว่า"
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปขึ้นรถของที่บ้าน ตั้งแต่เธอย้ายมาเรียนที่กรุงเทพเมื่อสี่ปีก่อน กว่าจะขออนุญาตคุณพ่อมาเรียนที่นี่ได้คุณแม่ต้องช่วยพูดสารพัด คุณย่ากับคุณปู่ก็มาช่วยพูดอยู่เป็นเดือนกว่าท่านจะยอมใจอ่อน โดยคุณพ่อให้เงื่อนไขว่าจะต้องอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่าห้ามค้างที่หอพัก และห้ามขับรถไปมหาวิทยาลัยเอง เธอต้องให้รถของที่บ้านมารับมาส่ง และที่สำคัญห้ามไปค้างบ้านเพื่อนเด็ดขาดซึ่งตั้งแต่เรียนมานอกจากไปเข้าค่ายเธอไม่เคยค้างที่อื่นเลยซักครั้งในชีวิต บอกตามตรงว่าคุณพ่อหวงเธอมากน้องชายยังไม่โดนขนาดนี้เลย เกิดเป็นผู้ชายนี่มันสบายจริงๆ เห้อ!
"กลับเลยค่ะลุงดำ"
"ครับคุณหนู"
ลุงดำขับรถพาคุณหนูของบ้านกลับไปถึงที่หมายใช้เวลาไม่นาน เมื่อมาถึงเธอก็เดินลงจากรถพร้อมกับมองอย่างสงสัย
"รองเท้าคุณพ่อนี่นา"
เธอยิ้มออมาอย่างดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน พ่อเลี้ยงคาวีและภรรยากำลังนั่งอยู่ตรงห้องรับแขกนั่งคุยอยู่กับคุณปู่คุณย่าของเธออยู่
"คุณพ่อ! คุณแม่!"
ขนมผิงยิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อเจอลูกสาว น้ำหวานวิ่งไปกอดคุณแม่ของเธอหอมแก้มซ้ายขวาก่อนจะหันไปอ้อนคุณพ่อของเธอต่อ
"คิดถึงจังเลยค่ะ ทำไมถึงมาไม่บอกกันเลยจะเซอร์ไพรส์หนูใช่มั้ยคะ"
พ่อเลี้ยงคาวีหอมแก้มลูกสาวอย่างคิดถึง เขาทำใจนานมากกว่าจะปล่อยลูกให้มาอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่กรุงเทพ ภรรยาก็จะคอยบอกเสมอว่าเขามีลูกสาว เมื่อถึงเวลาลูกจะต้องมีครอบครัวและต้องย้ายออกไปจากบ้าน เมื่อถึงตอนนั้นยังไงเขาก็ต้องปล่อยลูกอยู่ดีสู้ทำใจให้ชินซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองโดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขของคนเป็นพ่อ ซึ่งลูกสาวก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีนั้นจึงทำให้เขาวางใจว่าเด็กคนนี้ไม่เหลวไหลออกนอกลู่นอกทาง
"จะมาจับผิดว่าแอบไปเที่ยวกับเพื่อนดึกดื่นรึเปล่า"
คนเป็นพ่อเอ่ยออกมาเสียงดุก่อนจะกอดลูกสาวอย่างหวนแหน เธอหอมแก้มคนเป็นพ่อก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
"น้ำหวานเป็นเด็กดีของคุณพ่อจะตายไป ไม่ดื้อหรอกค่ะ"
"ให้มันจริงเถอะ"
เขาลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดู ขนมผิงยื่นมือไปสำรวจลูกลูกสาวทั่วตัวก่อนจะยิ้มออกมา
"เป็นสาวเป็นนาง ทำไมไม่แต่งเนื้อแต่งตัวบ้างลูก"
"แต่งไม่เป็นหรอกค่ะ อีกอย่างแบบนี้ก็สบายตัวดีค่ะ ทุกวันนี้น้ำหวานถูกคนอื่นมองว่าเป็นทอมไปแล้ว ที่มหาวิทยาลัยมีแต่ผู้หญิงมาจีบ"
คนเป็นแม่ถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อเห็นหน้าลูกมีสีหน้าเซ็งๆ พ่อเลี้ยงคาวีหลุดขำออกมาทันที
"ดีแล้วนี่พ่อจะได้สบายใจว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนมายุ่งกับลูกสาวพ่อ"
"ลูกสาวคุณพ่อจะขึ้นคานเอาค่ะ"
เด็กสาวเอ่ยออกมาแกมประชด ก็เพราะถูกเลี้ยงมาแบบนี้ไงถึงได้ถูกมองว่าห้าวเหมือนผู้ชาย แต่เธอก็ไว้ผมยาวรวบผมปกติ ยังงงว่าทำไมคนอื่นถึงมองว่าเธอชอบผู้หญิงได้ หรือเพราะลักษณะนิสัยแมนๆที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้คนอื่นมองแบบนั้น
"ขึ้นคานไปเลยพ่อเลี้ยงหนูจนแก่ได้นะ"
"คุณพ่ออ่ะ! คุณย่าดูสิคะ"
เด็กสาวหันไปหาพรรคพวก คุณย่าท่านชินกับนิสัยลูกชายแล้วพูดจนขี้เกียจจะพูดแล้วก็เลยยิ้มไปเพียงแค่นั้น
"ปล่อยไปเถอะหลาน แม่หนูก็โดนหนักกว่านี้อีก"
"จริงเหรอคะคุณแม่"
น้ำหวานหันไปมองหน้าคุณแม่ของเธอ ขนมผิงยิ้มแห้งทันทีไม่กล้าจะเผาสามีเยอะเดี๋ยวมีงอนอีก
"ถามคุณพ่อเองแล้วกัน"
"หึ.. นึกว่าจะเผาสามีซะแล้ว"
พ่อเลี้ยงยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะดึงลูกสาวมาสวมกอดไว้ให้หายคิดถึง น้ำหวานเงยหน้ามองทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามถึงน้องชาย
"น้ำเหนือไม่มาเหรอคะ"
"น้องมีสอบลูกมาไม่ได้หรอก"
"แล้วน้องอยู่คนเดียวเหรอคะ"
เธอถามอย่างเป็นห่วง คุณพ่อกับคุณแม่มาที่นี่หมดเลยแล้วน้องจะอยู่กับใคร
"คุณยายมานอนด้วยไงคะ อย่าห่วงน้องเลย"
"อ่อ ยายพามาอยู่เป็นเพื่อนนี่เอง งั้นค่อยสบายใจหน่อยค่ะ"
น้ำหวานยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีขึ้น เธอหันไปอ้อนคุณแม่เสียงหวาน
"งั้นคืนนี้คุณแม่นอนกับน้ำหวานนะคะ"
"ได้สิคะ แม่จะนอนกับหนู"
"คุณพ่อด้วยนะคะ จะกอดให้หายคิดถึงเลยค่ะ"
เด็กสาวอ้อนพ่อกับแม่หนักมาก ใครไม่หลงก็บ้าแล้วจริงมั้ยล่ะ...
ทางด้านของธีระภัทรเขาเดินเข้ามายังห้องฝ่ายบุคคลเพื่อขอประวัติพนักงาน ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยื่นโปรไฟล์ของนักศึกษาฝึกงานให้ไปด้วย
"มีนักศึกษามหาวิทยาลัยดังมายื่นขอฝึกงานค่ะท่านประธาน โปรไฟล์ดีมากพีคิดว่าท่านประธานน่าจะสนใจ"
เขารับแฟ้มมาเปิดดูก่อนจะตาโตเมื่อมันเพอร์เฟคมากเกินไปจริงๆ
"โปรไฟล์ดีเลยนะเนี่ย ระดับภาษาอังกฤษดีมาก ผลการเรียนก็ดีแถมยังทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยตลอด น่าสนใจแหะ คุณพีเรียกมาสัมภาษณ์พรุ่งนี้เลย ผมอยากเจอ"
เขาส่งแฟ้มเอกสารคืนให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคล เธอพยักหน้ารับก่อนจะรีบโทรศัพท์ไปติดต่อหาเด็กคนนั้นทันที
'บอกแล้วไงว่าท่านประธานต้องชอบ เพราะเขาชอบคนเก่ง'