เกาะแก้วตา
ท่ามกลางคลื่นลมที่โหมกระหน่ำเหล่าคนงานมากมายต่างก็พากันยืนมุงดูหญิงสาวปริศนาที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวด้วยความสงสัย กระทั่งเมื่อหญิงสาวยอมตัดสินใจเอ่ยแสดงตัวให้ทุกๆ คนได้รับรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นใครและถูกส่งตัวมาที่เกาะแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์แบบไหนกันแน่
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่คุณย่าของฉันส่งมาทนอยู่ที่นี่ได้นานเกินหนึ่งเดือน!”
เสียงเข้มดังตวาดขึ้นเมื่อได้รับรู้ความจริงว่าหญิงสาวตรงหน้าคือคนที่คุณย่าของเขานั้นส่งมาเปลี่ยนใจเขาให้ยอมกลับบ้านหลังจากที่ไม่ยอมกลับไปเป็นเวลานานนับหลายๆ ปี ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ใครไม่เจอกับตัวเอง คงไม่มีวันที่จะมาเข้าใจได้
“แล้วถ้าฉันทนอยู่ได้นานกว่านั้นล่ะคะคุณจะยอมกลับไปหาคุณย่าของคุณพร้อมกันกับฉันรึเปล่า” พิชญายังคงไม่ยอมแพ้สิ้นคำถามร่างเล็กที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูสีขาวกลับลุกขึ้นประจันหน้าชายหนุ่มอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกต่อไป
“เธอรู้ตัวรึเปล่า ว่าสิ่งที่เธอกำลังท้าทายฉันอยู่มันมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากสักแค่ไหน” ชรัสย้อนถามอย่างหงุดหงิดสายตาไล่มองร่างเล็กตรงหน้าขึ้นลงอย่างดูถูกดูแคลน หล่อนชื่อพิชญา หรือแพรไหม ประวัติสั้นๆ ที่เขารู้มาจากศรเพ็ญแม่บ้านประจำเกาะ นอกจากนี้เขากลับไม่รู้และไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับหล่อนอีกเพราะคิดว่าหลงเองก็คงจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนก่อนๆ ที่เดี๋ยวทนรับต่อความลำบากไม่ไหวก็ยอมตัดใจหนีจากไปเอง
หล่อนมันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหิวเงินที่ทำได้ทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งยอมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงเกาะแก้วตาแห่งนี้เพื่อยั่วให้เขาหลงรักและยอมกลับไปกับหล่อน มีหรือที่ชรัสจะรู้เท่าไม่ถึงการความคิดของผู้เป็นย่าที่เพียรพยายามส่งหญิงสาวมาให้ เพื่อหวังจะเปลี่ยนใจที่แข็งกร้าวให้ยอมอ่อนเอนตาม
ยิ่งเมื่อได้รู้ถึงเหตุผลของเรื่องทั้งหมดเข้าความเกลียดชังก็ยิ่มสุมเข้าที่กลางใจชายหนุ่มไม่คิดที่จะชายตาหรือแม้แต่สัมผัสหญิงสาวพวกนั้นของเลยจวบจนถึงวันนี้หญิงสาวตรงหน้านี้กลับมีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากคนก่อนๆ เป็นอย่างมาก หล่อนปากกล้าและดื้อรั้นไม่ฟังคำสั่ง นั่นยิ่งจะทำให้เขาอยากที่จะสั่งสอนและไล่ไปให้พ้นๆ หน้าโดยเร็วที่สุดเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี
“ถ้าคุณมั่นใจขนาดนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวไม่ใช่หรือคะ”
หญิงสาวย้อนถามราวกับจงใจยั่วยวนอีกฝ่ายให้หลงกลตอบรับคำท้าทายนั่นยิ่งเข้าทางเมื่อเธอพบว่าชรัสนั้นเริ่มมีทีท่าไม่สบอารมณ์อย่างหนักให้ได้เห็นบ้างแล้ว นั่นเท่ากับว่าหญิงสาวเดาทางถูกว่าคนใจร้ายตรงหน้าคงจะเป็นพวกไม่ชอบถูกท้าทายเอาได้ง่ายๆ เป็นแน่ และคำตอบของเขาในเวลาต่อมานั่นเองที่ทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าตนเองนั้นคิดถูก!
“ตกลง! ถ้าเธอทนอยู่ที่นี่นานเกินหนึ่งเดือน ฉันจะยอมกลับไปหาคุณย่ากับเธอ แต่ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ…เตรียมตัวเป็นเมียคนทั้งเกาะนี้ได้เลย!”
“นี่คุณ! มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
“ก็เธอมั่นใจว่าจะทำสำเร็จไม่ใช่รึไง มั่นใจเสียขนาดนั้นก็คงไม่มีอะไรที่ต้องหวาดหวั่นหรอกจริงไหม” คำตอบที่ดังกลับไม่ต่างอะไรจากคำย้อนที่ทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยให้สั่นครอนตามไปเลยสักนิด แต่เมื่อเดินหน้ามาสุดกำลังแล้วก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องถอยหลังกลับไปอีก
“ตกลงค่ะ ฉันจะทำและทำให้ได้!”
ทั้งสองจ้องมองหน้ากันและกันอยู่นานก่อนที่ชรัสจะเป็นฝ่ายหันหลังเดินหนีไปเป็นคนแรกอีกทั้งยังกำชับให้ศรีเพ็ญกับนายมิ่งพาแม่ตัวดีมาส่งยังกระท่อมหลังน้อยข้างๆ บ้านของตนเองและสั่งไม่ให้ใครให้การช่วยเหลือเธอไม่ว่าจะด้านไหนๆ ก็ตามที
“นายนะนาย ทำไมถึงได้ใจร้ายแบบนี้ก็ไม่รู้ ว่าแต่แล้วนี่คุณแพรจะอยู่ยังไงคะเนี่ย กระท่อมหลังนี้นายปล่อยให้ร้างมาเป็นปีๆ แล้ว ไฟฟ้าก็ไม่มีอีกด้วย นายนะนายผู้หญิงคนก่อนๆ ยังอนุญาตให้ขึ้นไปพักที่ห้องรับรองแขกในบ้านได้แท้ๆ”
คำบอกเล่าของหญิงชราที่อาสาเดินมาส่งยังกระท่อมเจ้าปัญหายิ่งทำให้พิชญาอดไม่ได้ที่จะน้อยเนื้อต่ำใจต่อสิ่งที่ตนเองได้รับจากเขา ชายหนุ่มผู้ไร้ซึ่งจิตใจที่ดีงามคนนั้น
“แพรอยู่ได้คะป้า ยังไงก็ต้องขอขอบคุณป้ามากนะคะที่ช่วยเหลือแพรตั้งหลายอย่างทั้งๆ ที่เราสองคนเพิ่งจะเจอกันได้ไม่นานเท่าไหร่ แพรจะต้องอยู่ให้ได้คะ!” พิชญากำชับบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนที่หญิงชราจะขอตัวกลับไปยังบ้านพักของตนเองและไม่ลืมที่จะยกตะเกียงอันเล็กเอาไว้ให้หญิงสาวได้ใช้ไปพลางๆ เพราะนี่คงจะเป็นสิ่งเดียวที่พอจะช่วยเหลือเธอได้จริงๆ
สายตาเหม่อลอยจ้องมองคลื่นทะเลในยามค่ำคืนที่แสนเงียบสงบผ่านแสงไฟจากตะเกียงอันเล็กที่ใกล้จะมอดดับเข้าไปทุกชั่วขณะ ภายในใจคิดถึงผู้เป็นแม่ขึ้นมาจับหัวใจ ไม่รู้ว่าป่านนี้การผ่าตัดจะเป็นเช่นไรบ้าง และไม่รู้ด้วยว่าวันพรุ่งนี้เธอจะต้องพาลพบเจอกับอะไรอีก
สิ่งที่เกิดขึ้นบนแก้วแห่งนี้ผิดคาดไปเสียหมดทุกเรื่อง หญิงสาวไม่ได้เตรียมใจรับมือกับความใจร้ายของเป้าหมายที่จะมีต่อเธอได้มากมายถึงเพียงนี้ แต่เมื่อเลือกที่จะทำแล้วเธอจะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดและจะต้องทำให้สำเร็จ!