ภาพของกระท่อมหลังน้อยที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานานร่วมปีๆ ปรากฏต่อสายตาเข้มของชรัสที่นั่งมองภาพเบื้องหน้าด้วยความสับสนอย่างหนัก ความกังวลต่างๆ นาๆ ที่เกิดขึ้นทำเอาชายหนุ่มผู้ซึ่งไม่เคยสนใจหญิงสาวคนไหนอีกเลยนับตั้งแต่เธอผู้ที่รักอย่าง ‘อิงอร’ หนีจากไปเพราะทนรับต่อความกดดันของการเป็นลูกชายเจ้าสัวใหญ่ไม่ไหวทั้งๆ ที่เขาขอเธอแต่งงานและพร้อมที่จะสละทุกสิ่งเพื่อเริ่มต้นใหม่ด้วยกันแท้ๆ แต่เธอกลับเลือกที่จะรับเงินจากแม่ของเขาก่อนจะหนีจากไปไกลและไม่เคยส่งข่าวกลับมาให้ได้รับรู้อีกเลย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาภายในใจของเขาก็ไม่เคยมีความรักหรือเป็นห่วงหญิงสาวคนไหนเกิดขึ้นมาอีกเลยกระทั่งเมื่อแม่ตัวดีคนนั้นปรากฏตัวขึ้น มันคือความแตกต่างและความรู้สึกที่สับสนเอาการ ไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับเธอด้วยวิธีไหนถึงจะสามารถไล่เธอไปให้ไกลสายตาได้
“ฉันควรทำยังไงกับเธอดีแพรไหม!” ชายหนุ่มเอ่ยถามกับตัวเองท่ามกลางความเงียบเชียบก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าไปยังบ้านพักหลังใหญ่ที่มีพร้อมทุกสิ่งครบครันในเวลาต่อมา ทิ้งไว้แต่เพียงความไม่เข้าใจเอาไว้เบื้องหลังเฝ้ารอให้วันพรุ่งนี้มาถึงไวๆ จะได้จัดการกับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ให้หมดไปจากความคิดเสียที
ซ่า!
ถังน้ำที่ถูกเทใส่ร่างบางที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนแค่ไม้อย่างแรงส่งผลให้พิชญาที่นอนคดตัวอยู่สะดุ้งสุดตัวก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นถูกราดด้วยน้ำที่มีกลิ่นเหม็นอย่างหนักเบื้องหน้านั้นมีชรัสยืนเท้าสะเอวจ้องมองผลงานของตัวเองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้วยสีหน้าภูมิใจอย่างหนักที่สามารถสั่งสอนหญิงสาวที่เอาแต่นอนคดตัวอยู่ในกระท่อมเสียจนตะวันแยงตาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาทำงานเหมือนเชกเช่นทุกๆ คนที่อยู่บนเกาะแห่งนี้
“เธอคิดเหรอว่าเพราะเป็นคนของคุณย่าของฉันแล้วเธอจะมามัวนั่งๆ นอนๆ ทำตัวสบายใจเฉิบอยู่ที่นี่ได้ตามใจชอบ!! ถ้าเธอคิดแบบนั้นฉันขอบอกเลยว่าเธอคิดผิด!! เพราะหากยังรั้นที่จะอยู่ที่นี่เธอจะต้องทำงานเหมือนเช่นคนงานคนอื่นๆ บนเกาะอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น! เอาของที่ฉันสั่งเข้ามาได้แล้วไอ้มิ่ง!!”สิ้นคำพูดที่ยาวเหยียดร่างของมิ่งขวัญก็เดินเข้ามาในกระท่อมตามคำสั่งของผู้เป็นนายพร้อมตะกร้าผ้าใบใหญ่ในมือ
“นี่มันอะไรคะ” พิชญาเอ่ยขึ้นถามหลังจากค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากแค่ตรงหน้าร่างบางโซเซเล็กน้อยจากอาการวิงเวียนศรีษะที่เข้าโจมตีทันทีที่ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนใจร้ายเบื้องหน้า ดวงตาคู่สวยเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้าอย่างหนักเพราะพิษไข้ที่เริ่มจะหวนกลับมาเล่นงานอีกครั้ง
“หน้าที่ของเธอในวันนี้คือต้องซักผ้ากองนี้ให้เสร็จก่อนเที่ยงถึงจะไปกินข้าวเช้ากับคนงานที่ครัวได้ หากทำไม่เสร็จก็ห้ามเสนอหน้าไปกินข้าวแล้วก็ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
สิ้นคำตอบที่ดังเกรี้ยวกราดร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองธรรมดาก็หมุนตัวเดินหนีจากไปในทันทีที่พูดจบ ทิ้งไว้แต่หญิงสาวและมิ่งขวัญที่ได้แต่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกอยู่กับที่
“หน้าตาคุณแพรซีตมากเลยนะครับ ประเดี๋ยวถ้านายลงเรือไปดูงานผมจะให้แม่แอบเอายามาให้นะครับ ส่วนผ้าพวกนี้ต้องไปซักที่ลำธารด้านหลังครัวเอานะครับ คุณแพรจำทางได้ใช่รึเปล่าครับ” หญิงสาวพยักหน้าตอบกลับอย่างขอไม่ทีก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มที่รีบวิ่งออกไปจากกระท่อมเมื่อได้ยินเสียงร้องโวกเวกโวยวายของชรัสที่ดังเรียกหามาจากด้านนอกของกระท่อมเข้า
คล้อยหลังคนใจร้ายกับลูกน้องที่แสนใจดีหญิงสาวถึงได้ค่อยๆ ล้มตัวนั่งลงบนแค่อีกครั้งอย่างหมดเเรง นั่นคงเพราะพิษไข้ที่กลับเข้าเล่นงานร่างกายบวกกับอากาศในยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บทำให้พิชญาเริ่มรู้สึกไม่สบายอย่างหนักแต่ก็ยังคงกัดฟันสู้รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายของตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะเดินตรงเข้าหาตระกร้าเสื้อผ้าใบโตเอื้อมมือไปโอบกอดมันขึ้นมาแนบอกพร้อมออกตัวเดินไปยังลำธารตามที่มิ่งขวัญได้บอกเส้นทางเอาไว้ลวกๆ ในทันที..
“ตายแล้วคุณแพร! ทำไมหน้าถึงได้ซีตแบบนั้นล่ะคะเนี่ย มาค่ะเดี๋ยวป้าช่วยถือเอง” ศรีเพ็ญตะโกนถามขึ้นอย่างตกใจกับภาพที่ได้เห็นเบื้องหน้า ในใจนึกกังวลไม่น้อยกับท่าทีโงนเงนของหญิงสาวที่แทบจะพยุงร่างเอาไว้ไม่อยู่แต่ก็ยังสู้กัดฟันเดินตากแดดมาจนถึงที่หมายเข้าจนได้
“ไม่เป็นไรค่ะป้า แพรทำได้ ประเดี๋ยวคุณชรัสจะมาว่าป้าเอาทีหลังได้ แพรไม่อยากทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะแพรค่ะ” พิชญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงไปยังลำธารเล็กๆ เบื้องหน้าที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของหญิงชราสักเท่าไหร่ก่อนจะรีบลงมือทำหน้าที่ของตนเองในทันทีเพราะไม่อยากให้เขาคนนั้นได้สมใจหากได้รู้ว่าเธอนั้นทำงานที่เขาสั่งไม่ทันเวลาที่กำหนดเส้นตายเอาไว้แค่ก่อนเที่ยงวันเท่านั้น
หลังจากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานชรัสกับเหล่าลูกน้องก็พากันกรูมานั่งโรงครัวในช่วงเวลาเที่ยงวันเหมือนเช่นทุกวันที่เป็นไป แต่ทว่าภาพของเจ้านายที่ไม่ได้ใส่ใจกับอาหารกลางวันตรงหน้ากลับเอาแต่ชะเง้อจ้องมองแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาวที่กำลังนั่งคดซักผ้าอยู่ข้างๆ ริมลำธารไม่ยอมละสายตาไปไหน กระทั่งเมื่อร่างสูงของโชค หนึ่งในลูกน้องเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับแก้วน้ำในมือนั่นเองใบหน้าเฉยชาถึงได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจอย่างหนักก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างเอาเรื่องโดยทันที
“ดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อนเถอะนะครับน้องแพร ประเดี๋ยวเป็นลมล้มพับไปมันจะไม่ดีต่อสุขภาพเอาได้นะครับ พี่เป็นห่วง” เสียงเข้มที่สุภาพดังขึ้นทันทีที่เดินมาถึงตัวของหญิงสาว ความหลังจากความพยายามในครั้งแรกไม่เป็นผลโชคกลับยังคงไม่ลดละที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอนั้นมาที่นี่เพราะเหตุผลใดก็ตามที