บทที่ 4
กำลังจะถูกจับกิน NC
คนตัวเตี้ยกว่าใบหน้าร้อนฉ่า ฟู่ซินเหรินตกตะลึงคล้ายถูกภาพตรงหน้าหยุดเวลาเอาไว้ ลมด้านนอกที่พัดเอื่อยเฉื่อย พัดนำกลิ่นหอมอบอุ่นของต้นสนแตะจมูก ท่ามกลางแสงสะท้อนละอองสีน้ำทะเลอันงดงาม เส้นผมสีเงินและนัยน์ตาสีอำพันคู่สวยของบุรุษตรงหน้ากลับงดงามยิ่งกว่า..
ใบหน้าคมคายกำลังเคลื่อนลงมาเชื่องช้า ลมหายใจหอบถี่และแววตาร้อนแรงเด่นชัดในดวงตาหญิงสาวขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งปลายจมูกทั้งสองสัมผัสกันแผ่วเบา..
ตึกตัก ตึกตัก “อ้ากกกก!!”
ปึก!!
“โอย!”
ฟู่ซินเหรินผู้เกือบเผลอหลงไปกับบรรยากาศเงยหน้าขึ้นกะทันหันส่งผลให้หน้าผากนางกระแทกดั้งโด่งเข้าอย่างจัง! นางไม่สนความเจ็บที่หน้าผากรีบผละออกจากอกแกร่ง วิ่งหนีถอยหลังจนชิดกับกำแพงอีกฝากหนึ่งพลางโวยวายชี้หน้าเซียวจื่อหยาง
“ตะ ตะ ตี้จวิน ท่านเป็นบ้าเหรอ!! คิดจะกินข้า กินอะไร! กินแบบไหน!”
พูดไปหัวใจของนางก็เต้นจวนทะลุอกไป มือเล็กทุบเหนืออกข้างซ้ายเผื่อว่าใจจะสงบลงบ้าง นางอยากจะดิ้น ๆ ให้ตายเสียตรงนี้ เมื่อกี้มันอะร๊ายย จมูกแตะโดนนางแล้วนะ!!
ฟันขาวขบลงบนริมฝีปาก แก้มทั้งสองข้างแดงสุกประหนึ่งถูกแดดเผากลางสี่แยก หัวใจเต้นโครมครามจวนจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ และเกือบจะหลุดออกมาจริง ๆ เมื่อจู่ ๆ ร่างสูงที่ซวนเซจับจมูกตัวเองอยู่อีกฝากหนึ่งราวสิบก้าวกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านางกะทันหัน!
“กะ”
“เงียบปาก”
คำว่าเงียบปากดังขึ้นพร้อมกับเสียงมือหนาทั้งสองข้างทุบบริเวณผนังพื้นที่ว่างข้างศีรษะของนางดังลั่น ฟู่ซินเหรินตกใจกระโดดโหยงหนึ่งทีรีบยกมือขึ้นปิดปากตามคำสั่งทันที ฮือ!
เซียวจื่อหยางกัดฟันแน่น ขนาดเริ่มขจัดพิษทันทีก่อนไอพิษรวมตัวกันที่จุดกำเนิดรากวิญญาณยังไม่อาจขัดขวางได้ทั้งหมด ประจวบเหมาะกับฟู่ซินเหรินตื่นขึ้นมาพอดิบพอดี จึงทำให้เสียการควบคุมสมาธิพุ่งตัวเข้าไปหานางโดยไม่รู้ตัว
และเกือบที่จะ.. เซียวจื่อหยางหยุดความคิด
“เจ้า.. ออกไปจากที่นี่ซะ”
เขาแค่นเสียงแต่ละคำดูหอบเหนื่อย ฟู่ซินเหรินมือยังปิดปากแน่นผยักหน้าขึ้นลงรวดเร็ว กำลังจะหันหนีกลับต้องชะงักมองแขนทั้งสองข้างที่กักขังนางเอาไว้ ซึ่งเมื่อหันกลับไปมองเซียวจื่อหยาง เขาก็กำลังจ้องนางตอบด้วยตาเขียวปั้ด ทำให้ดวงหน้างามหงอยลงคล้ายจะร้องอีกรอบ
“ท่านเขยิบไปหน่อยได้หรือไม่ ขังข้าไว้แบบนี้ ข้าจะหนีอย่างไร” นางพูดเสียงค่อย
เซียวจื่อหยางยามนี้แค่ขยับร่างกายก็อาจสติหลุดได้แล้ว ถึงเกิดความรำคาญจำต้องกัดฟันพูด “อย่าแตะต้องตัวข้า ออกไป”
นางผยักหน้าขึ้นลงเร็ว ๆ อีกรอบ ไม่คิดแตะต้องแน่นอน! แต่ช่องแคบระหว่างตัวเขากับนางน้อยเท่าฝ่ามือ หากนางมุดตัวออกใต้แขนเขามันอาจทุลักทุเลเกินไป ไม่แน่อาจแตะโดนตัวเซียวจื่อหยางได้ นางจึงใช้สองนิ้วคีบลงบนปลายแขนเสื้อแล้วค่อย ๆ ดึงมันออก วางแขนเขาลงอย่างระมัดระวัง
“เร็วเข้า!”
“!”
เซียวจื่อหยางเอ่ยเร่ง ทำให้ฟู่ซินเหรินคนใหม่เงอะงะยังไม่ชินกับเสื้อผ้ายาวรุ่มร่าม ปล่อยนิ้วจากปลายแขนเสื้อราวต้องของร้อน ก้าวเท้ายาว ๆ เตรียมจะหนีกลับสะดุดล้ม!
มันจะไม่เป็นอะไรเลยหากว่าฟู่ซินเหรินไม่เผลอคว้าผ้าคาดเอวของบุรุษติดมือมาด้วย เผยให้เห็นร่างกายอันแข็งแกร่งที่ฝึกฝนมาอย่างดีใต้เนื้อผ้า
“อ..โอ้ว 0.,0!!”
ไล่ลงมาจากลำคอหนาถึงแผงอกกร้าวใจ หุ่นหนากับกล้ามหน้าท้องแปดลูกทำให้ฟู่ซินเหรินน้ำลายหกได้แล้ว ยังไม่เท่าของขนาดใหญ่และยาวที่นูนขึ้นมาจากใต้เนื้อผ้า โชคยังดีที่มีกางเกงซับสีขาวขวางเอาไว้ มิเช่นนั้นนางคงได้เห็นสิ่งตื่นตาตื่นใจเป็นครั้งแรกในชีวิต!
ทว่าใครจะรู้ จู่ ๆ คนที่บอกว่าห้ามแตะต้องกลับขึ้นคล่อมตัวนางเสียเอง
ร่างฟู่ซินเหรินเล็กจนไม่สามารถเห็นได้จากด้านบน ผู้ที่อยู่ใต้ร่างหนาเลิ่กลักเก็บสายตาลวนลามกลับมาพลางหดคอเก็บไม้เก็บมือเรียบร้อย มองเขาตาปริบ ๆ แต่เซียวจื่อหยางกลับหลับตาแน่น ทั้งมีสองแขนแกร่งวางไว้ระหว่างช่องว่างข้างตัวนาง ทำให้นางอยากจะหนีก็หนีไม่ได้อีก
แต่หากฟู่ซินเหรินสังเกตสักนิดคงเห็นว่าตัวของเซียวจื่อหยางกำลังสั่นเทิ้มเพียงใด คนตัวเล็กไม่รู้เรื่องรู้ราว เอื้อมมือหมายสะกิดเรียก “ต..ตี้จวิน อื้อออ!”
กลับถูกเขารวบข้อมือข้างนั้นขึ้นเหนือศีรษะ ตามมาด้วยริมฝีปากที่ถูกเขาช่วงชิงลมหายใจ ความรุ่มร้อนสัมผัสย้ำบนกลีบปากอ่อนนุ่ม บดขยี้หนักหน่วงไล่ต้อนจนฟู่ซินเหรินต้องเปิดปากให้เขาแทรกลิ้นเข้ามาชิมความหวานภายใน
“แฮก.. อืออ แฮก ต..ตี้จวิน”
นางดิ้นขลุกขลักภายใต้อาณัติของเขา ฝ่ามือตีแผ่วเบาบนไหล่กว้างประท้วงเพราะนางกำลังขาดอากาศหายใจ เป็นเช่นนั้นใบหน้าคมคายจึงยอมผละออกจากริมฝีปากเปียกชื้นอ้อยอิ่ง เพียงพอให้นางอ้าปากรับอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจ แต่เพียงเท่านั้นเขาก็ประทับริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง ยิ่งทำให้สัมผัสลุ่มลึกยามนางเปิดปากปล่อยให้เขาแทรกผ่านเข้ามา
“อืม อืออ”
ฟู่ซินเหรินใจเต้นระรัว มือเล็กกำเสื้อของเซียวจื่อหยางจนยับยู่ยี่ กลับกันคนบนร่างยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งรู้สึกถึงรสชาติสนิมภายในปาก ร่างกายของนางก็เหมือนเกิดความรู้สึกต้องการขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม ขณะร่างหนาแทรกตัวเข้ามาระหว่างเรียวขา ร่างเล็กพลันกระตุกเฮือก เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหยาบกร้านที่ล้วงเข้าไปใต้ผ้า ลูบไล้ต้นขาเนียนไล่ขึ้นไปบีบเคล้นบั้นท้ายงอนงาม แล้วนวดคลึงอยู่อย่างนั้น
เนิ่นนานกว่าเขาจะยอมปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ แล้วใบหน้าคมคายก็เคลื่อนสัมผัสลงทุกส่วนบนใบหน้านางอย่างหลงใหล กระทั่งสัมผัสสุดท้ายลงปลายจมูกรั้น ผ่านแสงสลัวภายในห้อง ฟู่ซินเหรินถึงได้เห็นดวงตาสีอำพัน บัดนี้เปร่งแสงสีแดงอ่อนจาง ๆ ทั้งยังดูหื่นกระหายสุด ๆ กับคำพูดทุ้มในลำคอของเขา
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเริ่ม ต้องรับผิดชอบข้าด้วย” มุมปากเซียวจื่อหยางกระตุกยิ้มหล่อเหลากระชากใจและพูดคำสุดท้ายที่พร้อมทำให้นางตายได้เลย!! "กินเจ้าแบบนี้ คราวนี้รู้รึยัง"
"!!" นี่ใครคะ สามีรึเปล่าเอ่ย… ยอมแล้วเจ้าค่ะ! เก็บเซียวจื่อหยางคนก่อนหน้านี้ไปไกล ๆ ฟู่ซินเหรินถูกใจคนนี้ !
แล้วริมฝีปากหยักก็พรมจูบตามซอกคอขาว ขบเม้มและกัดหยอกเย้า ฟู่ซินเหรินทั้งจักจี้และรู้สึกวูบวาบดั่งมีมวลผีเสื้อหลายร้อยตัวบินวนในท้อง มือใหญ่ร้ายกาจเคลื่อนบีบคลึงผิวเนียนนุ่มนิ่มจนถึงช่วงเอวคอดกิ่วก็บีบแรง ๆ ราวกับหมั่นเขี้ยว ทั้งยังฝังรอยเขี้ยวไว้ตามซอกคอขาวจนถึงเนินอกอวบซ่อนรูป
ผ้ายังไม่ถูกปลดเปลื้องแต่ปมเชือกถูกถอด เมื่อยามที่เขาล้วงสัมผัสเนื้อเนียนของนาง อาภรณ์สีแดงก็ร่นขึ้นตามจนเห็นเรียวขาสวย ผิวขาวเนียนละเอียดสะท้อนผ่านแสงรำไรจากเชิงเทียน ใบหน้างามขึ้นเลือดฝาดจนสุกงอมดูเย้ายวน
“ซะ..เซียวจื่อหยาง” ฟู่ซินเหรินหลุดครางเรียกชื่อเขา ครั้นสัมผัสได้ถึงมือหยาบกร้านจากการรบ ลูบไล้ตัวเปลือยเปล่าถึงใต้ราวอก หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นอย่างรุนแรง ราวกับจดจ่อว่าเขาจะสัมผัสมันเมื่อใดและจะให้ความรู้สึกอย่างไร
“อ้ะ อื้ออ”
แล้วอกอวบก็ถูกเขากอบกำ มือใหญ่บีบขยำก้อนเนื้อนุ่มหยุนที่ขนาดใหญ่เกินตัวนางอย่างมันมือ นางหลุดครางเสียงกระเส่า ร่างกายขมวดเกร็ง หน้าท้องหดงอด้วยความรู้สึกเสียวซ่านและแปลกใหม่
ท่าทางเซียวจื่อหยางดูผิดแผกไปมาก นางคาดเดาได้ไม่ยากว่านี่อาจเป็นหนึ่งในการวางหมากของนางร้ายตัวประกอบตั้งแต่ต้น! มันคงสำเร็จแน่หากร่างเก่าไม่ชิงสิ้นใจไปเสียก่อน
แต่หากเขาตกหลุมพลางนางเข้าจริง เมื่อคืนสติได้จะไม่สังหารนางหรอกเหรอ?! ฟู่ซินเหรินกัดฟันครุ่นคิดอย่างยากลำบากเพราะถูกริมฝีปากหยักไล่ขบเม้มลงผ่านเนินอก ในขณะที่อกอวบยังถูกเขาบีบเคล้นผ่านใต้ร่มผ้า ยอดถันก็ถูกเขาคลึงเล่นจนเสียวซ่านไปหมด
“อ๊า อื้ออ”
ฟันขาวกัดลงบนหลังมือข้างที่เป็นอิสระของตัวเองเพื่อกลั้นเสียงคราง ยามใบหน้าคมคายโน้มผ่านเนินอกดูดดึงยอดถันที่ยังอยู่ใต้เนื้อผ้า ชุดสีแดงเปียกชื้นเป็นดวงแนบลงกับเนื้อจนเห็นยอดถันที่แข็งเป็นไต เซียวจื่อหยางแม้มีสตินึกคิดแต่ไม่อาจห้ามใจตัวเอง ตกอยู่ในมนต์ลุ่มหลงปวดหนึบทั้งช่วงล่าง จงใจดูดดึงยอดถันตรงหน้าอย่างตะกละตะกลาม เสียงดูดเลียเคล้าคลอแข็งกับเสียงครางหวานของฟู่ซินเหรินเป็นระยะ
เสื้อผ้าถูกถอดหล่นหายไปทีละชิ้นกระทั่งร่างกายเปลือยเปล่าเผยให้เห็นผิวขาวดุจหิมะปนสีกุหลาบตามตัว โถมอารมณ์กำหนัดให้เซียวจื่อหยางไม่ยากเย็นอะไร
ชายหนุ่นชันกายขึ้นด้วยแขนทรงพลัง ดวงตาคู่คมไล่ชมความงดงามของเรือนร่างเพรียว อกอวบสองก้อนกระเพื้อมขยับขึ้นลงรุนแรงตามจังหวะลมหายใจหอบกระชั้นชิดของหญิงสาวเรียกเสียงครางในลำคอดั่งข่มอารมณ์
“อืม”
ฟู่ซินเหรินร่างกายอ่อนปวกเปียกเม้มปากที่บวมเจ่อ ใช้มือปิดส่วนที่ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิดเมื่อร่างสูงผละออกจากตัวนางปล่อยให้เป็นอิสระชั่วคราว
“ตะ ตี้จวิน”
เสียงหวานขาดห้วงเรียกผู้เป็นตี้จวิน หัวใจดวงน้อย ๆ หวั่นเกรงต่อสิ่งที่เขาเพิ่งปลดออกมา แก่นกายขนาดใหญ่และยาวกว่ามาตรฐานชายไทย! รอบท่อนลำมีเส้นเลือดปูดนูนดูน่ากลัวอย่างยิ่ง!
ตายแน่ ตายแน่!!
ฟู่ซินเหรินพลันชักเท้าเข้ามาจะคลานหนี กลับถูกมือใหญ่คว้าที่ข้อเท้าดึงนางกลับคืนใต้ร่างกำยำ
“เจ้าจะหนีไปไหน”
“กรี๊ดดดด”
นางกรีดร้องเสียงหลง นำมือปิดหน้าแบบไหนที่แหวกนิ้วออกจนเห็นลูกตาดำนั่นจดจ้องอยู่ตรงส่วนแท่งหยกของเซียวจื่อหยางที่แข็งขื่อสู้สายตา!
“ต..ตี้จวิน ท่านจะทำจริง ๆ หรือ” นางจะเสียซิงแล้วเหรอ?!
อีกฝ่ายกลับทำหูทวนลม หรือไม่ได้ยินเสียงนางเพราะต้องมนต์อยู่หรือไม่ก็ไม่อาจทราบ เรียวขาสวยถูกแหวกออก ร่างหนาแทรกตัวเข้ามาจนขานางลอยขึ้นเหนือพื้น “อ้ะ!”
น้ำเสียงครางหวานสะดุ้ง แก้มร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ถึงนิ้วสากแตะลงบนกลีบอ่อนนุ่มของนาง สัมผัสสากกรีดรากผ่านรอกแยกลงไปจนถึงส่วนช่องทางคับแคบ ฟู่ซินเหรินตัวหดเกร็ง มือเล็กจิกลงบนพื้นไม้ หลุดครางอย่างน่าอายยามที่นิ้วหนานั้นแทรกผ่านช่องทางคับแคบเข้ามาด้านใน
“อ๊า อ๊า!”
ฟู่ซินเหรินหายใจรวยริน ด้านล่างรู้สึกอึดอัดแต่เสียววูบวาบกว่าทุกสัมผัสที่ผ่านมา และปลายเท้าต้องเกร็งกระตุกอีกครั้งเมื่อนิ้วหนาเริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ และเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนแทรกนิ้วเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งนิ้วจนนางนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ พร้อมกับที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวลงดูดเลียยอดถันทั้งสองข้างสลับไปมา
เกิดเสียงแฉะชื้น น้ำหวานเยิ้มชโลมไปทั้งนิ้ว ช่องทางรักถูกเคี่ยวกรำอยู่นานฟู่ซินเหรินจวนจะหมดสติ ร่างสูงจึงผละออก ก่อนเรียวขาทั้งสองข้างจะถูกเขาแหวกออกแล้วพยุงไว้ด้วยลำแขน
นางรู้สึกถึงของร้อนบางอย่างกำลังจ่อยังช่องทางคับแคบ ฟู่ซินเหรินตื่นตกใจ ใช้แรงอันน้อยนิดและเป็นเฮือกสุดท้ายดันแผงหน้าท้องของเซียวจื่อหยางเอาไว้ พลางเอ่ยเสียงแหบแห้ง เพราะนางไม่อยากถูกเขาสังหารในภายหลัง
นะ..นางต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง!
“..ตี้จวิน ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านไม่ได้ต้องการแบบนี้ หากท่านเสียพรมจรรย์ให้ข้าแล้ว จะมาโทษข้าทีหลังไม่ได้นะเจ้าคะ!”
เซียวจื่อหย่างพลันชะงักกาย หางคิ้วกระตุกถี่ ส่งเสียงคำรามในลำคอเมื่อถูกขัดจังหวะ หากแต่ถ้อยคำของนางก็ทำให้เขาอารมณ์เสียไม่ใช่น้อย และเพียงพอดึงสติที่ขาดผึงกลับมาแม้เล็กน้อยก็ตาม พลางคิดนางเป็นใครมาจากไหนถึงมาหวงพรมจรรย์แทนตัวของเขา?!
เวลานี้ด้านล่างนางเปิดเผยอ้าซ่า จึงขยับขาให้แนบชิดเพราะอาย หากแต่ถูกเซียวจื่อหยางรั้งเอาไว้ด้วยคำสั่ง
“หากเจ้าหุบขา ข้าจะไม่ปรานีเจ้าอีก”
“!!” อีตาบ้า!!
เซียวจื่อหยางขมวดคิ้วแน่นขบสันกรามเพื่อระงับอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกด้วยพิษจากหนอนไหม เขาสูญเสียการควบคุมจนถลำลึกเข้ามาแล้ว ยิ่งอยู่ในสภาพล่อแหลมเช่นนี้ ต่อให้จิตใจเขาด้านชาเพียงใดย่อมเกิดความหวั่นไหวตามสัญชาตญาณ
ร่างหนาทาบทับลงมา จับจ้องดวงตากลมโตที่สั่นระริก กล่าวเสียงแหบพร่าเพราะอาการปวดหนึบจนแทบคลั่งยังคงอยู่ “หากหยุดตอนนี้ จะเกิดผลร้ายมากกว่าดีต่อทั้งตัวเจ้าและข้า ในเมื่อให้โอกาสเจ้าหนีแล้วแต่กลับหนีข้าไม่พ้น ก็ทนรับมันไปเสีย ...ข้าจะทำอย่างเบามือ”
“หือ?! อ้ะ ทะ..ท่านจะทำอะไร ท่านี้มันออกจะ”
“อยู่นิ่ง ๆ”
ฟู่ซินเหรินถูกเขาจับพลิกกายหันหลัง แล้วยกบั้นท้ายขึ้นมา นางหลับตาแน่นด้วยความอับอายเมื่อท่านี้เปิดเผยร่างกายมากกว่าตอนแรกเสียอีก จวบจนรับรู้ถึงท่อนลำแข็งขื่อแทรกเข้ามาระหว่างช่องขาแล้วเอวสอบเริ่มขยับเข้าออกทันที
“อ้ะ อื้อออ อ้ะ”
ร่างกายนางอ่อนยวบ แม้ไม่ถูกสอดใส่กลับเสียวซ่านจนร้องครางกระเส่า ยามท่อนลำร้อนเสียดสีผ่านรอยแยกอวบนูน ก้อนเนื้อทั้งสองก้อนขยับขึ้นลงรวดเร็วตามจังหวะกระแทกกระทั้นอย่างดุดันของเซียวจื่อหยาง เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมเคล้าเสียงหวานในตำหนักหยงซานที่ร้างคน
ผู้ที่กล่าวว่าจะกระทำอย่างเบามือ กลับเคี่ยวกรำร่างกายเล็กจนเกือบรุ่งสางของอีกวัน โดยไม่รู้ว่ามีใบหน้านิ่ง ๆ แต่แดงก่ำถึงใบหูขององครักษ์สวรรค์ที่ตงอู่ฉางมีรับสั่งให้เฝ้าระวัง ยืนห่างจากตัวตำหนักราวสามจั้งด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งพร้อมใจมีความคิดเห็นเดียวกันว่า
จื่อหยางตี้จวินช่างกินดุจริง ๆ น่าเลื่อมใส!
.
ภายในห้องเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มพื้น ร่างบางนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงไม้แกะสลัก ขอบตาแดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมเจ่อ ผิวขาวดูบอบบางมีร่องรอยขบเม้มสีกุหลาบเป็นจ้ำเกือบทั่วตัว
ฟู่ซินเหรินขดตัวใต้ผ้าห่ม จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว นางพลิกตัวไปมาเพราะรู้สึกไม่สบายเท่าที่นอนบนฟูกนิ่ม อันนี้มันแข็งเหมือนไม้กระดาน..
ไม้กระดาน...? ฉับพลันในหัวอันหนักอึ้ง เรื่องราวของหนึ่งคืนก่อนไหลทะลักเข้าสู่ความทรงจำไม่ขาดสาย ภาพสุดท้ายในความทรงจำคือแสงแดดส่องอ่อน ๆ กับใบหน้าหล่อเหลาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ก่อนสลบไปหลังทนรับความเอาแต่ใจของเซียวจื่อหยางไม่ไหว..
“ฮะ..เฮ้ยยย!!”
คนตัวเล็กนึกขึ้นได้ก็ทะลึ่งลุกพรวดขึ้นนั่งหลังเหยียดตรง แต่กลับต้องรู้สึกอึดอัด เมื่อก้มสำรวจตัวเองจึงเห็นว่านางถูกม้วนไว้ด้วยผ้าจนคล้ายดักแด้! ครั้นหางตาเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ นางจึงหันไปทันทีแล้วต้องผงะหนีตัวชิดกำแพง เพราะเห็นคนหล่อกำลังนั่งจ้องนางอยู่!
“กรี๊ด ต..ตี้จวิน!”
หากแต่สายตาไม่สบอารมณ์เป็นดั่งการออกคำสั่งให้นางเงียบปาก ฟู่ซินเหรินจึงเม้มปากแน่น เมียนมองเซียวจื่อหยางในชุดอาภาณ์สีขาวสะอาดสูงส่งวางพู่กันในมือลง ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะเตี้ยริมหน้าต่างย่างเท้าเข้ามาหานางทีละก้าว
เซียวจื่อหยางมีภาพลักษณ์โดดเด่นทำให้คนลุ่มหลงได้ไม่ยากเย็นอะไรเลย ประกอบกับนางชื่นชอบคนหล่อเป็นทุนเดิม บอกได้คำเดียวว่าหน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ มันหลัวในอนาคตชัด ๆ !!
กระทั่งร่างสูงเดินมาหยุดข้างเตียง "หนอนไหมโลหิตเจ้าได้มาจากที่ใด"
เซียวจื่อหยางเอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มลึก บรรยากาศกดดันราวกับต้องการฆ่ากันให้ตาย นั่นทำใฟ้ฟู่ซินเหรินหยิบความคิดความเป็นหลัวในอนาคตทิ้งไปซะ นางเพียงหลงใหลในหน้าตาถูกใจของเขาไปชั่วขณะ!
ทว่าจะเงยหน้าขึ้นตอบหรือจ้องตากันปกติก็ยังรู้สึกครั่นหัวจิตหัวใจเพราะเขาเพิ่งผละจากกายนางช่วงรุ่งสาง พลางคิดว่าคนตรงหน้าช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก เพิ่งกระทำนางมาอย่างหนักหน่วง กลับยังคงความสุขุมเยือกเย็นไว้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ช่างปะไร เขาไม่เขินแต่นางเขิน! ตอนนี้คนตัวเล็กจึงก้มหน้าหนี เอ่ยตอบเขาตามความจริงเสียงหงอย ๆ "ข้าไม่รู้ว่าตี้จวินพูดถึงอะไร หนอนไหมโลหิตคืออะไรเหรอเจ้าคะ"
"ถ้าเจ้ายังคิดเล่นลิ้นอีก ก่อนมีคนมาพาตัวเจ้าไปลงโทษ ข้าจะตัดสินโทษเจ้าก่อน" เขาขู่
"ข้าไม่รู้จริง ๆ เจ้าค่ะ!"
ฟู่ซินเหรินเลิ่กลัก ฟันขาวขบลงบนริมฝีปาก ดวงตากลมโตฉายแววงุนงง ก็นางไม่รู้จริง ๆ นี่ ถึงอย่างนั้นก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งที่เซียวจื่อหยางพูดถึง คือบางสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นและมันเป็นแผนการของฟู่ซินเหรินคนเก่าตั้งแต่แรก แต่นางเพิ่งเข้ามาสวมร่าง นางจะรู้จักได้ยังไง!
"…"
ดวงตาคู่คมหรี่ลงอย่างพิจารณา เห็นว่าฟู่ซินเหรินพยายามหลบเลี่ยงสายตา ร่างหนาพลันเคลื่อนตัวเข้าประชิด แขนแกร่งหยัดกายไว้บนเตียงใช้อีกมือเฉยคางงามบังคับให้หันมาทางเขา จากที่คิดว่านางคงซ่อนเรื่องโกหกไว้ไม่ได้ กลับต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นว่าแก้มขาว ๆ และใบหูของนางแดงระเรื่ออย่างน่ามอง
ด้านฟู่ซินเหรินม่านตาขยายกว้างเผลอเม้มปากแน่นกลั้นหายใจ จนแก้มสองข้างป่องพองลม และยิ่งตกใจเมื่อเขาโน้มหน้าลงมา นำนิ้วกดลงบนแก้มของนาง
"ผ่อนลมหายใจออกมา"
"ฮึก!"
คนตรงหน้าดูอ่อนลงราวหนึ่งในห้าส่วนนั่นทำให้นางตกใจมากกว่าเก่า กลืนลมเข้าท้องเกิดอาการสะอึกต่อหน้าต่อตาเขา หญิงสาวใบหน้าร้อนฉ่า ก้มหนาซุกกับผ้าที่พันตัวเองอยู่ ไหล่ยังสั่งไหวเป็นระลอกเพราะอาการสะอึก
ดวงตางปราดคมมองนิ่ง ๆ ก่อนในหูนางจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นดูด้วยความสงสัยก็เห็นว่าร่างสูงของเซียวจื่อหยางเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง และกลับมาพร้อมถ้วยชาในมือ
อะไร?! ไม่น่าไว้ใจสุดๆ! หญิงสาวมองถ้วยชาในมือใหญ่สลับกับคนถือ
"ไม่ได้มีพิษในนั้น"
เซียวจื่อหยางพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาไม่ไว้ใจผ่านดวงตาคู่สวยของนาง ฟู่ซินเหรินได้ยินแบบนั้นก็ค่อย ๆ ดึงแขนออกจากผ้ารับน้ำชามาดื่มจนหมดแก้ว
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
หากแต่ฟู่ซินเหรินไม่รู้ภายหลังนางดื่มหมดหยดสุดท้าย ลับตานั้นมุมปากกดลึกพลันปรากฏขึ้น ตามมาด้วยคำพูดที่ทำให้นางปล่อยมือจากถ้วยชาทันที
"หรืออาจจะมี.." เซียวจื่อหยางพูดน้ำเสียงนิ่งเฉย
"แค่ก แค่ก! ตี้จวิน!"
นางไอออกมา อยากจะบ้วนน้ำทิ้งแต่ไม่ทันการแล้ว เพราะนางเพิ่งกลืนน้ำคำสุดท้ายลงคอ! ก็ว่าอยู่ทำไมใจดีแปลก ๆ บิดามันเถอะ!
เซียวจื่อหยางมองถ้วยชาที่ถูกปากระดอนตกไปอีกฟาก กับฟู่ซินเหรินที่อ้าปากล้วงคอ เลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นท่าทางน่าขันของนางก่อนจะกล่าว "ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้าสองสามคำ"
แล้วเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับนาง "..เจ้าค่ะ" ฟู่ซินเหรินเบิกตากว้าง เพราะเสียงของนางพูดออกมาโดยที่นางยังไม่ทันคิดจะตอบ ราวกับว่านี่ไม่ใช่ตัวของนางเอง!
เมื่อเซียวจื่อหยางมั่นใจแล้วว่าฤทธิ์ของโอสถได้ผลจึงถามต่อ "สิ่งนั้นเจ้านำมันมาจากที่ไหน" เขาหมายถึงหนอนไหมโลหิตในตัวนาง
ขณะถาม เซียวจื่อหยางเรียกกะบี่ไว้ในมือ ตั้งใจว่าหากนางรับสารภาพย่อมไม่จำเป็นต้องทำเรื่องส่งตัวนางเข้ารับโทษให้วุ่นวาย เขาจะสังหารนางเป็นการตัดสินเสียเลยตรงนี้ จวบจนเสียงหวานตอบ
"ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ หากทราบน่าจะมีอีกเยอะ ๆ จะได้กระหนุงกระหนิงกับท่านอีก"
"...." ...บัดซบ นางเห็นเขาหางตากระตุกด้วยล่ะ TOT!
อะไรของนาง? "..ยาถอนพิษอยู่ที่ไหน"
"ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ หากทราบก็ไม่น่าจะนำมามอบให้ท่านง่าย ๆ จะได้จู๋จี๋กับท่านต่อ คนอะไรหล๊อหล่อ หน้าเหมือนพ่อของลูกเลย" ...อ้ากกก อะไรคือเดาะลิ้นต่อท้าย! หยุดถามกันเถอะ!!
คราวนี้ร่างสูงถึงกับนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์นั่นทำให้นางอยากกัดลิ้นตายเสียตรงนี้ แต่มิวายยังต้องการถามคำถามให้ครบตามที่ลั่นวาจาไว้
"เจ้าเกี่ยวข้องกับเผ่ามารหรือไม่"
ก็บอกว่าอย่าถ๊ามมมม! และแล้วฟู่ซินเหรินไม่สามารถหุบปากของตัวเองได้ ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำแบบไม่กักคำพูดแม้แต่น้อย
"เผ่ามารข้าไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่อยากเกี่ยวดองกับท่าน จะได้รึเปล่า"
"...."
...ฮึก ฮือออ