หลังจากคุยธุระเสร็จอิงฮวาก็เดินตามผู้ใหญ่ฟู่มาที่ลานรวมของหมู่บ้าน
"ท่านแม่/ท่านแม่" เมื่อมาถึงก็เจอเจ้าลูกหมาที่เนื้อตัวมอมวิ่งเข้าจู่โจม
"เสี่ยวฉิน เสี่ยวเฉิงทำไมถึงเลอะเทอะแบบนี้กันฮึ?" มือขาวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกมาบรรจงเช็ดหน้ากลมของลูกน้อยทั้งสองแบบเบามือ
"ข้าสองคนไปเล่นปั้นดินกับอาตงมาขอรับท่านแม่อย่าโกรธเราเลยนะขอรับ" เสี่ยวเฉิงสารภาพผิดเมื่อฉุกคิดได้ว่ามารดาไม่ชอบให้ทั้งสองเล่นเลอะเทอะเท่าไหร่
"อย่าโกรธเลยนะขอรับ" เสี่ยวฉินเองก็ไม่น้อยหน้าจับมือมารดาแล้วกะพริบตาปริบๆเข้าใส่
อิงฮวามองทั้งสองอย่างเอ็นดู มือขาวลูบหัวเจ้าเด็กน้อยทั้งสองด้วยแววตาขบขัน เจ้าลูกหมาคงคิดว่าเธอจะโกรธกระมัง เด็กในวัยนี้คือช่วงวัยเรียนรู้
ดังนั้นเธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่ห้ามในสิ่งที่พวกเขาอยากทำแต่หากสิ่งนั้นมันเกินตัวเธอถึงจะเตือนพวกเขาอีกทีล่ะนะ
"ไม่โกรธหรอกจ้ะ เดี๋ยวฟังท่านตาผู้ใหญ่ฟู่เสร็จแล้วเราค่อยไปอาบน้ำกันนะวันนี้แม่จะอาบน้ำให้พวกเจ้าเอง"
"ขอรับ!!/ขอรับ!" เจ้าลูกหมายิ้มร่า ก่อนจะจับมือมารดาตนไปนั่งกับป้าหลินที่มาพร้อมตน
"อ้าว...ฮวาเอ๋อร์มาเเล้วรึ ข้าขอบใจเจ้ามากนะที่ซื้อน้ำตาลปั้นกับถังหูลู่มาฝากอาตง มาๆ ข้าจองที่ให้เจ้าแล้ว อาตงขอบคุณท่านป้าเร็วเข้า" ลี่หลินกล่าวขอบคุณสหายตนก่อนจะหันไปพูดกับลูกชาย
"ขอบคุณท่านป้าขอรับ"
"ไม่เป็นไรจ้ะอาตง" อิงฮวายิ้มให้เด็กน้อยรูปร่างผอมแห้งผิวสีน้ำผึ้งอย่างเอ็นดู
เด็กๆทั้งสามขออนุญาตเธอและลี่หลินไปเล่นรอ เมื่อได้รับคำอนุญาตทั้งสามก็เดินไปสมทบกับเด็กๆคนอื่นก่อนจะไปนั่งเล่นด้วยกันบริเวณใกล้ๆต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างลานหมู่บ้าน
"หลินเอ๋อร์ วันนี้ทำไมกลับมาไวนัก" อิงฮวาเอ่ยถามสหาย
ในความทรงจำบอกว่าลี่หลินเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันสามีของลี่หลินนั้นก็สมัครเป็นทหารรบพร้อมกับไท่คุณสามีของเธอ แต่ครอบครัวของลี่หลินไม่ได้มีเงินเก็บแบบครอบครัวเธอทำให้ลี่หลินต้องเข้าไปทำงานในเมืองแทบทุกวันโดยทิ้งอาตงไว้ที่บ้านคนเดียวหรือบางครั้งก็จะนำมาฝากเธอ
"พอดีวันนี้ทำเสร็จเร็วน่ะ พอกลับมาก็ได้ยินอาหยางป่าวประกาศว่าผู้ใหญ่ฟู่มีเรื่องจะแจ้ง"
"งั้นรึ...จริงสิวันนี้ไปกินข้าวเย็นบ้านข้ากันนะ" อิงฮวาเอ่ยชวนแต่ลี่หลินยังไม่ทันได้ตอบเสียงผู้ใหญ่บ้านฟู่ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"เอาหล่ะในเมื่อมากันครบแล้วข้าขอแจ้งเรื่องเลยแล้วกัน"
"..."
"อะแฮ่ม อย่างที่พวกเจ้าในที่นี้หลายคงรู้ว่าเมื่อวานข้าไปประชุมในเมืองกับท่านเจ้าเมืองและหัวหน้าหมู่บ้านอื่นๆมา" ฟู่หานเว้นวรรคก่อนจะมองลูกบ้านที่พากันเงียบเพื่อรอฟังคราว
"ท่านเจ้าเมืองแจ้งว่าทางเมืองหลวงแจ้งข่าวมาแล้วในเรื่องศึกในลั่วหยาง"
เมื่อกล่าวจบก็เหมือนฝูงผึ้งแตกรังเพราะผู้ชายในหมู่บ้านนี้เกินครึ่งสมัครไปเป็นทหารรบ เหล่าหญิงสาวเริ่มน้ำตาคลอเมื่อ นึกถึงหน้าสามีตน ปีกว่าแล้วที่ไม่มีข่าวคราวของสามี...
"ทุกคนอยู่ในความสงบแล้วฟังที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ให้ดี"
"...." ทุกคนพร้อมใจเงียบฟัง
"ทางการแจ้งมาว่าเหล่าทหารเกณฑ์กำลังถูกส่งกลับบ้าน คาดการณ์ว่าไม่เกินครึ่งเดือนนี้พวกเขาน่าจะเดินทางมาถึงแต่...หากใครที่ตายในหน้าที่ทางการจะส่งค่าสินไหมมาให้ครอบครัวละ5ตำลึงทอง"
เมื่อจบประโยคแต่ละคนก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน บางคนยินดี บางคนเคร่งเครียดกลุ้มใจ ซึ่งอิงฮวาเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่กลุ้มใจ
อิงฮวานั้นกลุ้มใจว่าหากสามีกลับมามันก็ดีแต่ถ้าหากกลับมาแล้วมีอีหนูมาด้วยล่ะ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นมือขาวทำการจับกำไลข้อมือแล้วอธิษฐานในใจทันที...
'พรข้อที่สาม ข้าขอว่าหากสามียังมีชีวิตรอดในสนามรบแล้วยังมีใจรักมั่นในตัวข้า ข้าขอให้เขากลับมาหาข้าอย่างปลอดภัย แต่หากเขามีใจเป็นอื่นหรือมีคนอื่นที่เป็นน้อยมาด้วยแล้วนั้น ขอให้ข้าและเขาอย่าพบเจอกันอีกเลย หากเขานั้นจะเดินทางมาที่นี่ก็ขอให้ไม่สามารถมายังที่แห่งนี้ได้'
'สัมฤทธิผล' มีเสียงตอบกลับลอยแว่วมาทางสายลม
ตาดอกท้อมองกำไลที่เปลี่ยนเป็นสีขาวก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา
"หวังว่าเราจะได้เจอกันนะไท่คุณ..."
ในใจลึกๆอิงฮวาก็หวังให้ไท่คุณปักใจในตัวเธอ แต่หากใจเขาเปลี่ยนเป็นอื่นก็อย่าได้เจอกันอีกเลย
เธอในยุคก่อนเกลียดเรื่องเมียหลวงเมียน้อยมาก แม้ในโลกนี้การมีน้อยจะเป็นเรื่องปกติก็ตาม
"ขอให้ได้เจอกันนะ..."