ยามเซิน (15.00 – 16.59 น.) สามคนแม่ลูกกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมของป่าที่เก็บมาเต็มตะกร้า
อิงฮวาคาดว่าวันนี้น่าจะไปตลาดไม่ทันเพราะรอบเกวียนเข้าเมืองหมดรอบแล้วจึงไล่เด็กๆไปอาบน้ำก่อนจะหันมาเก็บของและลงมือทำอาหารเย็นทันที
โชคดีที่ครอบครัวเธอค่อนข้างมีอันจะกินกว่าบ้านอื่น เพราะความขยันของสามีและยังมีทรัพย์สินที่มารดาทิ้งไว้ให้บวกกับการที่เธอคนก่อนปักผ้าไปขายในเมืองนั้นทำให้ตอนนี้มีเงินเก็บประมาณ20ตำลึงทอง1ตำลึงเงินกับอีก50อีแปะ
อิงฮวามองเงินเก็บเหล่านั้นแบบครุ่นคิด เธอคิดว่ายังไงมันยังคงไม่เพียงพอหากเธอจะส่งให้ลูกทั้งสองไปเรียนที่สำนักศึกษา (สาเหตุที่ร่างเดิมตายเพราะว่าต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ส่งลูกไปเรียนโดยทำการเก็บของป่าไปขายเพิ่มแต่เพราะหักโหมร่างกายอ่อนแอจึงป่วยเป็นไข้ป่าตายเสียก่อน) ดังนั้นวิญญาณนักธุรกิจจึงเริ่มเข้าสิงเธออีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าเงินนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ซึ่งเธอมีจุดมุ่งหมายว่าพรุ่งนี้จะไปสำรวจตลาดเพื่อหาช่องทางรวยเสียหน่อย!
"ท่านแม่ขอรับ พวกเราอาบน้ำเสร็จแล้วขอรับ" เสี่ยวฉินเดินเข้ามาหามารดาที่ห้องครัวตามด้วยแฝดพี่ที่เดินตามมาติดๆ
"พวกเจ้าไปนั่งเล่นรอแม่ข้างในก่อนเถิดเดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วแม่จะไปเรียก"
อิงฮวาหันมาตอบลูกน้อยโดยที่เด็กทั้งสองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ใจจริงเธออยากให้ทั้งสองท่องจำคำศัพท์และฝึกคัดอักษรต่อแต่ก็คิดได้ว่ามันอาจจะหนักเกินไปสำหรับเด็กๆ เพราะในวันนี้พวกเขาก็ได้เรียนรู้มามากพอแล้ว เธอควรปล่อยให้พวกเขาได้พักสมองเพื่อผ่อนคลายบ้าง
ยามโยว่ (17.00 – 18.59 น.) หลังจากทำอาหารเรียบร้อยแล้วอิงฮวาก็ไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคล
เย็นนี้เธอทำอาหารง่ายๆคือโจ๊กไข่กับผักโขมทอดกรอบที่โรยเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสกลมกล่อมและเหมือนว่าเมนูผักโขมทอดกรอบจะเป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมากสำหรับเด็กๆทั้งสองคน เพราะผักโขมบนโต๊ะนั้นหมดเกลี้ยงก่อนโจ๊กเสียอีก
"เสี่ยวเฉิงเสี่ยวฉิน ลองชิมดูสิมันหวานมากเลย!" หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็ล้างปากด้วยผลหั่วหลงกั่วต่อ (แก้วมังกร) โดยมีอิงฮวาชิมให้ดูเป็นตัวอย่าง
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองเห็นท่านแม่ตนกินผลไม้ประหลาดนั่นเข้าไปแล้วทำสีหน้าพึงพอใจออกมาก็เริ่มลองหยิบขึ้นมาชิมบ้าง
"หวานจังขอรับ" เสี่ยวเฉิงที่ได้ชิมคำแรกก็ทำตาโตเพราะไม่คิดว่ามันจะอร่อยขนาดนี้
"สดชื่นมากขอรับ" เสี่ยวฉินเองก็ไม่น้อยหน้าก้มลงไปกัดอีกคำ
"เห็นไหมแม่บอกแล้วว่ามันกินได้" ทั้งสามกินผลไม้จนอิ่มหนำก่อนจะเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งเกวียนไปตลาด
เจ้าลูกหมาทั้งสองต่างดีใจเป็นอย่างมากเข้ามาออดอ้อนหอมแก้มมารดาตนกันเสียยกใหญ่เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มารดาอนุญาตให้พวกเขาไปด้วย
จากนั้นสามคนแม่ลูกก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาจนเหนื่อยอ่อนแล้วก็เข้านอนกันในปลายยามซวี(19.00 – 20.59 น.)
เช้าวันต่อมาอิงฮวาทำเมนูง่ายๆคือซุปไข่ร้อนๆ ที่กินกับหมั่นโถวที่ทำทิ้งไว้เมื่อวาน เมื่อทำอาหารเสร็จก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนจะไปปลุกเจ้าลูกหมาให้ไปบ้วนปาก ล้างหน้าล้างตามากินข้าว
ในมื้อเช้าก็ผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะอิ่มเอมไปด้วยความสุขของเจ้าลูกหมาและเธออีกตามเคย สามคนแม่ลูก หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้วก็จูงมือกันไปบ้านลุงต้าฟงที่รับจ้างขับเกวียนเข้าเมืองทันที
"อ้าว อาอิง วันนี้พาเจ้าแฝดไปด้วยหรือ" ต้าฟงทักหญิงสาวที่มักจะเข้าเมืองไปคนเดียวเป็นประจำอย่างแปลกใจเมื่อครั้งนี้เห็นเธอจูงมือลูกน้อยมาด้วย
"เจ้าค่ะท่านลุง นี่เจ้าค่ะสามสิบอีแปะ" อิงฮวายิ้มตอบก่อนจะจ่ายเงินค่าเดินทางให้
" เด็กๆข้าลดให้คนละห้าอีแปะเเล้วกัน เอามายี่สิบอีแปะพอ " ต้าฟงค*****นให้อิงฮวา
"ขอบคุณขอรับท่านตา/ขอบคุณขอรับท่านตา" เด็กทั้งสองที่ก้มหัวขอบคุณอย่างรู้ความนั้น ก็ได้เรียกสายตาเอ็นดูจาก ต้าฟงเป็นอย่างมาก
"ดี ดี ดี เลี้ยงได้ดี" ต้าฟงพยักหน้าแบบพึงพอใจให้เด็กน้อยก่อนจะหันไปเอ่ยกับอิงฮวา
"ขอบคุณนะเจ้าคะ"
อิงฮวากล่าวขอบคุณก่อนจะพาเด็กๆขึ้นไปนั่งบนเกวียน รอได้สักพักคนก็เต็มคันจึงเริ่มออกเดินกันทางในทันที ประมาณยามเฉิน(07.00 – 08.59 น.) เกวียนก็มาถึงในเมือง
"หากใครจะกลับก็มาเจอกันอีกสองชั่วยาม" ต้าฟงบอกกับทุกคนก่อนจะนำเกวียนไปฝากที่จุดรับฝาก จากนั้นทุกคนก็ต่างรีบแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง
อิงฮวามองตลาดในเมืองด้วยแววตาสนใจ เธอนั้นตื่นเต้นพอๆกับเจ้าลูกหมาทั้งสองเหมือนกันเพราะว่านี้ถือเป็นการมาตลาดครั้งแรกของเธอ ถึงแม้จะเคยเห็นจากในความทรงจำเดิมก็เถอะแต่มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
'อืม...อย่างแรกก็ต้องไปขายเห็ดหลินจือก่อนแล้วค่อยนำผ้าที่ปักไปขายต่อสินะ' เมื่อคิดถึงจุดที่จะไปอิงฮวาก็จูงมือเด็กๆทั้งสองไปยังร้านขายสมุนไพรที่เคยนำของมาขายเป็นประจำทันที โดยที่เธอก็ไม่ลืมที่จะสอนให้เด็กๆคอยจดจำเส้นทางในตลาดไปด้วย
เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงหน้าร้านก็พบกับเสี่ยวเอ้อร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่
"พี่สาววันนี้เอาอะไรมาขายรึ...เเล้วนี่ท่านพาน้องชายมาด้วยหรือขอรับ?"
"ขอพบหลงจู๊หน่อยนะวันนี้ข้าได้ของดีมาขายล่ะอาหลิน"
"…."
"อ้อและนี่คือลูกชายของข้าเอง"
"คารวะขอรับ/ขอรับ" เด็กทั้งสองกล่าวทักทาย ส่วนเสี่ยวเอ้อร์ลิ่วหลินนั้นอึ้งไปแล้ว
"…."
'ไอ้หยาสาวในดวงใจเขามีลูกแล้วรึ!' ลิ่วหลินนิ่งค้างยืนเหม่อสักพักจนอิงฮวาต้องเรียกซ้ำ
"อาหลิน อาหลิน?"
"อ้อ ขอรับเดี๋ยวข้าจะไปเรียกหลงจู๊ให้ พี่สาวตามข้ามานั่งรอในนี้สักครู่นะขอรับ"
ลิ่วหลินเดินคอตกออกไปได้สักพักหลงจู๊ประจำร้านก็เดินออกมา
"คารหลงจู๊เจ้าค่ะ"
"คารวะท่านตาหลงจู๊ขอรับ/ขอรับ" สามแม่ลูกลุกขึ้นคารวะชายชราที่เดินเข้ามาหลังร้าน
"ดี ดี ดี " เมื่อสายตาหลงจู๊เหลือบไปเห็นเจ้าแฝดสองก็พูดว่าดีเเล้วลูบเคราแบบถูกใจ ช่างรู้ความยิ่งนัก ในวัยเท่านี้นับว่าเลี้ยงได้ดีจริงๆ
"เห็นอาหลินบอกว่าเจ้าได้ของดีมาขาย มันคืออะไรหรือแม่นางอิงฮวา รับรองข้าจะให้ราคายุติธรรมกับเจ้าอย่างแน่นอน"
อิงฮวาค่อนข้างมั่นใจในร้านนี้ว่าเป็นร้านที่ยุติธรรมที่สุดเพราะในความทรงจำของเธอ ร้านนี้ไม่กดราคาเหมือนร้านอื่นๆที่เคยนำสมุนไพรไปขาย
"เจ้าค่ะ นี่คือเห็ดหลินจือเจ้าค่ะ" อิงฮวาหยิบเห็ดทั้งหมดออกจากตะกร้ามาวางไว้
"โอ้สวรรค์!" หลงจู๊ทำตาโตเมื่อเห็นสิ่งของตรงหน้า นี่ตัวเขาคงไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ เห็ดหลินจือนี้มันนานกว่าสิบกว่าปีเเล้วที่ไม่มีใครนำมันมาขาย!!
"ท่านคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ"
"ดี ฮ่าๆๆ ราคายุติธรรมแน่นอน รับนี่ไปแม่นางอิงฮวา ภายภาคหน้าหากเจ้าพบเจอของหายากเช่นนี้สามารถยื่นป้ายหยกนี้ได้ทุกสาขาเพื่อติดต่อกับหลงจู๊ของร้าน!" ชายชรายื่นป้ายหยกให้อิงฮวาโดยเธอก็ไม่อิดออดรับมาเก็บไว้
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
"สามดอกเล็กมีอายุ 50 ปี ส่วนสามดอกใหญ่อายุหนึ่งร้อยปี! โอ้สวรรค์ ดอกที่โตสุดนี่ประมาณสามร้อยปีเห็นจะได้!!" ชายชราหยิบเห็ดขึ้นมาสำรวจด้วยมือที่สั่นเทา
มือเหี่ยวย่นยิ่งสั่นขึ้นไปอีกเมื่อตรวจสอบดูอายุเห็ด
"อะแฮ่ม สามดอกเล็กข้าให้ดอกละ 250 ตำลึงทอง ส่วนดอกที่มีอายุร้อยปีข้าให้ดอกละ 500 ตำลึงทอง ส่วนดอกที่อายุสามร้อยปีข้าแนะนำให้แม่นางนำไปประมูล เจ้าคิดเห็นอย่างไร เพราะแม้แต่ในวังหลวงยังไม่มีเห็ดที่อายุมากถึงสามร้อยปีมาก่อน"
"ประมูลหรือเจ้าคะ"
"ใช่ เดือนหน้าจะมีการจัดประมูลของหายากที่เมืองหลวงเจ้าสะดวกไปหรือไม่?"
อิงฮวาทำหน้าครุ่นคิดว่าจะไปเมืองหลวงดีมั๊ย แต่คิดไปคิดมาเมืองหลวงนั้นแสนวุ่นวาย
"หากไม่เป็นการรบกวน หลงจู๊ช่วยออกหน้าให้ได้หรือไม่เจ้าคะ ตัวข้านั้นไม่สะดวกไปอีกทั้งลูกยังเล็กนัก"
"ไม่มีปัญหาๆ ร้านของเราจะออกหน้าให้เจ้าเอง! อย่างนั้นมาลงนามในสัญญากันก่อนเถิด" หลงจู๊เอ่ยตอบแบบดีใจที่ร้านของตนจะได้เป็นคนนำเห็ดหายากแถมมีอายุเยอะที่สุดไปประมูล
อิงฮวาอ่านสัญญาและลงนามเรียบร้อยก่อนจะเก็บสัญญาไว้ที่อกเสื้อ เนื้อหาในนั้นไม่มีอะไรมากมันเป็นการแบ่งผลกำไรสิบส่วนเป็นค่าออกหน้าเท่านั้นเอง
"แล้วเรื่องเงินล่ะ เจ้าจะรับเป็นตั๋วหรือเป็นเงินทั้งหมด"
"ข้าขอรับเป็น 5 ตำลึงทอง 45ตำลึงเงินกับอีกห้าพันอีแปะเจ้าค่ะ ส่วนที่เหลือขอรับเป็นตั๋วเงินทั้งหมด ส่วนของที่ประมูลก็ขอรับเป็นตั๋วเงินทั้งหมดเหมือนกันนะเจ้าคะ"
"ได้ๆ" หลงจู๊นำเงินและตั๋วเงินออกมาให้ก่อนที่จะเอ่ยว่าเจอกันเดือนหน้าเพื่อรับตั๋วเงินค่าเห็ดที่จะนำไปประมูล ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเมื่อซื้อขายสินค้าสำเร็จ
อิงฮวานำตั๋วเงินทั้งหมดที่ได้มายัดไว้ในอกอย่างมิดชิด ก่อนจะจูงมือลูกน้อยไปยังร้านผ้าที่ตนปักผ้าไปขายเป็นประจำและได้เงินเพิ่มมาอีกเพียง 1 ตำลึงเงินเท่านั้น
ผ้าที่เธอนำมาส่งนั้นมีด้วยกันถึงยี่สิบผืน แถมแต่ละลายยังยากมากๆ เถ้าแก่เนี้ยร้านนี้ช่างเคี้ยวชะมัด เธอจึงตัดสินใจว่าจะไม่รับจ้างปักผ้าขายเเล้วเพราะได้เงินน้อยนิด ตอนแรกเถ้าแก่ของร้านไม่ยอมให้เธอเลิกปักผ้ามาส่ง แต่ไม่ยอมเเล้วทำอะไรได้เพราะทั้งสองไม่ได้มีหนังสือยินยอมทำธุรกิจว่าจ้างกัน สุดท้ายจึงจบด้วยการด่าสาดของร้านและคำขู่ว่าหากไม่มีจะกินถึงจะเอาผ้ามาขายให้ก็จะไม่รับซื้อเด็ดขาด!
อิงฮวาไม่ได้ตอบโต้แค่ยิ้มอ่อนให้ยายแก่ที่ร้านก่อนจะจูงมือลูกน้อยออกมา
"จะไม่เป็นไรจริงๆหรือขอรับท่านแม่"เสี่ยวเฉินเงยหน้ามองมารดา
"ทำไมเขาต้องว่าท่านแม่ เสี่ยวฉินไม่ชอบท่านยายคนนั้นเลย"
"ไม่ต้องไปสนใจหรอกลูก เราไปซื้อของเข้าบ้านกันเถอะ!"
อิงฮวาลูบหัวเจ้าลูกหมาทั้งสองอย่างเอ็นดู ดูสิมีความเป็นห่วงเป็นใยแม่แถมยังไม่ดื้อไม่ซนอีก ฮืออออ ชีวิตเธอตอนนี้ช่างดีนัก!
และแล้วในวันนี้สามแม่ลูกก็จบด้วยการตระเวนซื้อของนั่นนี่ไปทั่วตลาดใช้เวลามากถึง1ชั่วยาม ก่อนจะรู้ตัวกันอีกทีก็ต้องจ้างเกวียนมาขนกลับบ้านถึงสองคันเลยทีเดียว
เสี่ยวฉินและเสี่ยวเฉิงวันนี้นั้นมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้มาเที่ยวตลาดอีกทั้งมารดายังซื้อขนมให้พวกเขาอย่างมากมายรวมถึงของเล่นต่างๆอีกเพียบ
ภาพเกวียนรับจ้างสองคันใหญ่ที่ขนสิ่งของเต็มคันรถผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน โดยเกวียนคันที่สองนั้นมีอิงฮวาและเด็กแฝดนั่งอยู่ ในมือของเด็กน้อยทั้งสองนั้นข้างหนึ่งถือถังหู่ลู่ส่วนอีกข้างหนึ่งถือน้ำตาลปั้นนั้นได้สร้างความอิจฉาริษยาให้ชาวบ้านบางคนรวมถึงเด็กน้อยบางกลุ่มเป็นอย่างมาก
'บ้านเมิ่งช่างน่าหมั่นไส้ไม่รู้จักเก็บออมไปซื้อของเสียเยอะแยะช่างฟุ่มเฟือยนัก!'เหล่าคนขี้อิจฉาต่างขบคิดในจิตใจ
* ค่าเงินจีนโบราณ
1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน
1 ตำลึงเงิน = 1000 เหวิน (อีแปะ)
** ตั๋วเงินจะคล้ายเช็คเงินสด