รักอุ่นใจนายเย็นชา 3

1402 คำ
รักอุ่นใจนายเย็นชา 3 “หึหึ ***เธอเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยทับทิม***” ยูยะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ สายตาจ้องมองฉันระยิบระยับโดยที่เพื่อนเขาเอาแต่หัวเราะอย่างสนุก ฉันเลยเงยหน้ามองคนข้างๆที่ดูจะเงียบๆไป ใบหน้าเวลเริ่มซับสีแดง เริ่มอึกอัก เขาเป็นอะไรไปแล้ว “เป็นอะไร? ถ้าอึดอัดฉันกลับก่อนได้นะฉันไม่ซีเรียส” ฉันกระซิบบอกเขา จริงๆนะฉันกลัวเขาอึดอัดจริงๆ “ไม่หรอก กินต่อเถอะอย่าไปฟังพวกมันมาก พวกมันบ้า” เวลบอกฉันก่อนจะเริ่มปรับสีหน้าใหญ่เอาดูหงุดหงิดอยู่เหมือนกันระหว่างที่เพื่อนเขาหัวเราะชอบใจนั่น “ทิมแพ้กุ้งหรอ” คิสถามอย่างแปลกใจ “ใช่ค่ะ ทำไมหรอ” ฉันตอบแล้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “ไม่ใช่แค่กุ้ง แต่แพ้อาหารทะเลทุกอย่าง” คนข้างๆเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ เรียกเสียงโห่จากเพื่อนๆเขาได้อย่างดี บอกที่ว่านี่มันเรื่องอะไรกันพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันแน่เรื่องที่ฉันแพ้อาหารทะเลจริงๆหรือมีอย่างอื่นแอบแฝง “โอ๊ยๆๆ เจ้าชายเย็นชาเราเจอตัวจริงแล้วว่ะ ฮ่าๆๆๆ” “กูว่าแล้วไง คนนี้มันเอาจริง” “จริงไม่จริง มันก็แอบตามแทบจะทุกวันล่ะวะ” “สัส!! พอเลยไม่งั้นมื้อนี่มึงจ่าย” คุณเชื่อมั้ย ตั้งแต่วันที่เขาพาฉันไปกินหมูกระทะกับเขา เขาก็เงียบหายไปเลยล่ะ หึหึ คงจะรับไม่ได้สินะดีเหมือนกันฉันจะได้หาข้ออ้างในการยกเลิกงานแต่งบ้าๆนั่น ร้านซ่อมเสร็จเราก็กลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม ลูกค้ายังเข้ามาอุดหนุนอุ่นหนาฝาคั่ง ระหว่างที่ฉันนั่งเช็คยอดรายรับรายจ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มือถือฉันจะสั่นแล้วโชว์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ “ค่ะ ทับทิมค่ะ” (ทิมหรอ? อยู่ไหนน่ะ) “คะ? ใครคะ” ใครกันทำอย่างกับรู้จักฉัน ฉันขมวดคิ้วงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระจ่างเมื่อปลายสายบอกว่าเขาเป็นใคร (เวล ตอนนี้อยู่ไหน) เขาเน้นคำถามเดิม “อยู่ร้านน่ะ ทำไมหรอ?” ฉันตอบไปตามตรงเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ ถือโอกาสพักสายตาไปด้วย (เปล่าแค่โทรถามน่ะ//สัส! บอกไปสิว่าคิดถึงเขาอยากเจอเขาน่ะ) เสียงตะโกนแทรกเข้ามามันไม่ได้ชัดอะไรหรอกมันมีเสียงโหวกเหวกโวยวายแทรกเข้ามาตลอดเลย “มีอะไรหรือเปล่า” (คือ...) “เวล แปปนึง” ฉันบอกปลายสายเสียงเบาเขาก็เงียบเสียงลงทันที ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาในห้องทำงานพรางทำหน้าเกรงใจเมื่อพบว่าฉันคุยโทรศัพท์อยู่ “คุณทิมครับ คุณท่านมาหาครับ” ฉันร้องเฮอะในคออย่างเย้ยหยันตัวเอง ตั้งแต่ที่แม่เสียเขาไม่เคยมาที่นี่เลย ทำไมจู่ๆวันนี้ถึงมาได้ล่ะ “บอกว่าฉันไม่ว่าง ให้เขากลับไปได้เลย” “แต่คุณทิมครับ” “ก็ได้ฉันจะไปเจอเขา” ผู้จัดการร้านเดินออกไปฉันถึงได้เริ่มเก็บเอกสารเพราะนี่ก็ถึงเวลาปิดร้านแล้วแต่ก็ยังมีลูกค้าบางส่วนที่เหมาโซนบาร์ฉลองกัน ต้องรอให้ถึงเวลาที่เขาจองก่อนถึงจะปิดร้านได้ (ทิม มีอะไรหรือเปล่า) โอ๊ะ ฉันลืมเขาไปเลย นึกว่าเขาจะวางไปแล้วสะอีกไม่คิดว่าจะยังถือสายรอ “ไม่มีอะไรหรอก แค่นี้นะ” (กลับถึงบ้านแล้วโทรมานะ เข้าใจมั้ย) “อือ” ฉันเดินลงมาจากชั้นสองของร้านก็เจอกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูรักกันปานจะกลืนจะกิน ทันทีที่เห็นฉันเดินลงมาทั้งคู่มองฉันพร้อมรอยยิ้มที่ฉันดูยังไงมันไม่สามารถซึ้งตามได้เลยจริงๆ “ไม่ทราบว่ามีอะไรคะ??” “อย่าพูดห่างเหินกับพ่อแบบนั้นสิ” เขาเอ่ยตัดพ้อฉัน เพิ่งรู้ว่าเขายังจำได้ด้วยว่าเคยมีลูกอย่างฉัน “ถ้าคุณไม่มีธุระฉันขอตัวนะคะ” “เมื่อไหร่จะเลิกงี่เง่าแบบนี้สักทีทิม!!” หึ! เขาก็พูดได้นี่เขาไม่ใช่ฉันไม่รู้เลยว่าฉันต้องทนเจ็บ ต้องนอนร้องไห้กี่คืนถึงกี่คืน “คุณมีเรื่องจะ...” เพี๊ยะ!! เสียงฉันขาดหายเมื่อฝ่ามือคนตรงหน้าตวัดเข้าที่ซักหน้าฉันอย่างแรง มันเจ็ฐแปลบก่อนจะค่อยๆชาไปทั้งหน้าและลามไปถึงหัวใจ “พ่อขะ...” “อย่าแทนตัวเองว่าพ่อเลย” “...” “เดี๋ยวลูกคุณจะโกรธเอานะที่มาเรียกฉันว่าลูกแบบนี้น่ะ” ขอบตาฉันเริ่มร้อนผ่าว ฉันก็อยู่เงียบๆของฉันมาตลอดสี่ปีแต่พอวันที่เขาเรียกให้ฉันกลับเข้าไปรับรู้เรื่องแต่งงานบ้าๆนั่นเขาก็ทำเหมือนห่วงฉันจนต้องโทรมา ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายบอกที่จะตัดขาดกับฉันเอง ถ้าไม่มีร้านนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะมายืนจุดๆนี้ได้มั้ย “พ่อขอโทษลูก กลับไปอยู่บ้านเรานะ” “ลูก?” เสียงฉันหายเข้าไปในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด “คุณบอกฉันเองว่าฉันไม่ใช่ลูกคุณแต่เป็นแค่ลูกยัยโง่ที่ตรอมใจตายเพราะผัวมีเมียน้อยไงล่ะ!!” เพี๊ยะ!! เขาตวัดฝ่ามือใส่หน้าฉันเต็มแรงมุมปากสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างซึมออกมา พอจะรู้แล้วล่ะว่ามันคือเลือดเลวๆของคนอย่างฉันนี่แหละ “คุณบอกฉันว่าเลิกเรียกคุณว่าพ่อเพราะกลัวว่าลูกคุณจะน้อยใจ กลัวภรรยาที่คุณรักจะอึดอัด ฉันก็ทำตามแล้วไงจะเอาอะไรกับฉันอีกล่ะ จะกลับมายุ่งอะไรกับชีวิตฉันฉันก็ถอยออกมาจากครอบครัวคุณแล้วไง อ้อ ลืมไป ฉันยังไม่ได้คืนนามสกุลให้คุณนี่เอง งั้นรบกวนรอหน่อยนะคะท่านประธานเดี๋ยวดิฉันจะคืนทุกอย่างให้คุณเองค่ะ” “หยุดสามหาวสักที!! ฉันเป็นพ่อแกนะตั้งแต่แม่แกตายไปคงไม่มีใครมาอบรมสั่งสอนแกสินะ” “อย่าดึงแม่ดิฉันเข้ามาเกี่ยวค่ะ!!” “ทำไม ตั้งแต่แม่แกตายฉันก็ส่งเสียเงินให้แกตลอดทำไมแกยังเนรคุณกับฉันแบบนี้ฮะ!” เขาตวาดใส่ฉันเสียงดัง โดยไม่สนใจสายตาของใครที่มองมานี่เลย “พี่นัทช่วยไปหยิบกล่องในห้องทำงานให้หน่อยค่ะ อยู่ใต้โต๊ะ” “การที่ฉันยอมเป็นยัยโง่แต่งงานเพื่อธุรกิจของคุณมันยังทำให้ฉันดูเนรคุณฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วล่ะ” ฉันไม่พูดอะไรจนกระทั่งพี่นัทวิ่งกลับมาพร้อมกับยื่นกล่องสีเงินให้ฉัน ฉันเปิดกล่องนั้นช้าๆสิ่งที่อยู่ในกล่องทำเอาผู้ชายที่ตบหน้าฉันเบิกตากว้าง “ตั้งแต่ที่คุณบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับคุณตัดขาดกับคุณฉันก็ไม่เคยแตะของๆคุณเลย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณโอนเข้ามาในบัญชีมันยังอยู่ครบ ทอง เครื่องเพชรที่คุณเคยให้ทั้งก่อนที่แม่ฉันจะไม่อยู่หรือหลังฉันไม่เคยหยิบมันออกมาใช้เลย”ฉันวางกล่องลงตรงหน้าพวกเขา สายตาที่พวกเขามองมามันยิ่งทำให้ฉันดูน่าสมเพช หึ เจ็บเกินกว่านี้มีอีกมั้ย “ทำไม?...” ”ทำไมน่ะเหรอ? เพราะฉันจะไม่มีวันแตะของพวกนั้นของคุณเด็ดขาดยังไงล่ะ เก็บของพวกนี้กลับไปซะเอากลับไปให้คนที่คุณแคร์นู่น” ฉันพูดเสียงสั่นเครืออยากจะร้องไห้แต่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะไม่อยากจะอ่อนแอให้คนอย่างพวกเขาเห็น “ตั้งแต่วันนั้นฉันไม่เคยแตะเงินคุณเลยสักบาท ฉันรอดมาได้เพราะร้านอาหารของแม่ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ อ้อ! หวังว่าคุณจะไม่กลับมาที่นี่อีกนะคะเพราะที่นี่ไม่ต้อนรับคุณและครอบครัวค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม