“พี่สะใภ้ ตรงนี้ต้องบวกเข้าไปแบบนี้ใช่รึไม่เจ้าคะ”
เสียงสดใสจากดรุณีน้อยในศาลาเอ่ยถามขณะยกมือไปด้วย ผ่านไปหลายวันแล้วตั้งแต่เริ่มเรียนคำนวณกับภรรยาของพี่ชายคนโตซึ่งมันสนุกกว่าที่คิดไว้มาก
“ใช่แล้ว อาโยวเก่งมาก” มือบางลูบศีรษะทุยด้วยความเอ็นดู เด็กฝาแฝดทั้งสองเฉลียวฉลาด แม้พื้นฐานจะไม่แน่นแต่กลับเรียนรู้ได้เร็ว
“ทำเสร็จแล้วขอรับ” เด็กหนุ่มยืดอกด้วยความภูมิใจ แบบทดสอบของพี่สะใภ้นั้นยากมากถึงขนาดต้องใช้สมาธิวิเคราะห์อย่างจริงจัง
“ข้าก็ทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” ฝาแฝดคนพี่เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก หลังจากการตรวจคำตอบก็จบการเรียนเพียงเท่านี้แล้วกันนะ” คนงามยิ้มบางมองคำตอบของข้อสอบในมือตนเอง
“พี่สะใภ้จะไปเรียนทำอาหารกับท่านแม่ต่อหรือเจ้าคะ” เมื่อวานอยู่ๆ หญิงสาวก็คิดขึ้นมาได้ว่าหากได้ใช้เวลาร่วมกับแม่สามีทั้งยังเรียนรู้การทำอาหารเอาใจชายหนุ่มถือเป็นการยิงเกาทัณฑ์ดอกเดียวโดนนกถึงสองตัว
“ใช่แล้ว ทั้งสองคนอยากไปด้วยกันรึไม่” ถึงแม้อาจิ้งจะเป็นเด็กผู้ชายแต่การชวนใครคนใดคนหนึ่งอาจทำให้อีกคนน้อยใจ
“ไม่ดีกว่าขอรับ ข้าคงไปเกะกะเสียมากกว่า” เด็กหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มแห้ง เขาชื่นชอบการฝึกวรยุทธมากกว่าการทำอาหาร
“ข้าก็ไม่ไปดีกว่าเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวถูกท่านแม่เคี่ยวกรำจนเหนื่อยหนักแน่” มารดาของนางเป็นคนจริงจังกับการสอนมาก ขนาดเรียนปักผ้ายังทำเอามือขาวๆ เป็นรูพรุนจากการนั่งปักทั้งวัน
“ตามใจพวกเจ้า พรุ่งนี้อย่าลืมมาเรียนให้ตรงเวลาก็แล้วกันนะ” รั่วซีมองเด็กน้อยทั้งสองอย่างอบอุ่น
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” เจ้าตัวแสบทั้งสองรับคำแข็งขัน พวกเขาล้วนเปลี่ยนความคิดที่ว่าพี่สะใภ้คงสอนอะไรไม่ได้มาก ปรากฏว่าแท้จริงแล้วภรรยาของพี่ใหญ่นั้นเป็นยอดสตรีซึ่งคงหาได้ยากในเมืองหลวง ทักษะการคำนวณแปลกตาดึงดูดให้เรียนรู้และสนใจจนไม่น่าเบื่อสักนิด
ร่างบางเดินนวยนาดทอดน่องไปตามเส้นทางในเรือน ระหว่างทางมีต้นไม้ต้นเล็กๆ ปลูกอยู่เต็มไปหมด ในจวนนี้ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติช่วยให้สดชื่นอยู่เสมอ
“มาแล้วหรือซีเอ๋อร์” ฟ่านเลี่ยงเหลียงหันไปมองหญิงสาวก่อนจะทักทายอย่างสนิทสนม
“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ ขออภัยที่ทำให้ต้องคอยนะเจ้าคะ” อาจเพราะยุคนี้ไม่มีนาฬิกา ความแม่นยำเรื่องเวลาจึงน้อยมาก ผู้คนส่วนใหญ่ใช้วิธีกะเกณฑ์ตามชั่วยามทำให้เวลานัดมักมีคนต้องเป็นฝ่ายรอเสมอ
“ไม่ต้องเกรงใจแม่นักหรอก ดีเสียอีกที่ได้มีเวลาตรวจทานวัตถุดิบก่อน” เพราะสิ่งที่จะทำวันนี้เป็นอาหารยุ่งยากแต่รสชาติเยี่ยม
“ของเต็มโต๊ะเลย เราจะทำหลายอย่างหรือเจ้าคะ” ดวงตากลมกวาดมองสิ่งของมากมายซึ่งคนครัวได้เตรียมไว้ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า
“เราทำแค่ 2-3 อย่าง แต่มีอาหารอย่างหนึ่งที่หากินได้ยากและแม่บังเอิญได้เรียนรู้สูตรการทำนี้มา จึงอยากสอนเจ้าเอาไว้” ความจริงแล้วสูตรทำอาหารถือเป็นความลับประจำตระกูล แต่เพราะอีกฝ่ายคือลูกสะใภ้นางจึงไม่คิดจะปิดบัง
“อาหารที่ว่าใช้ไก่ทั้งตัวเลยหรือเจ้าคะ” บนโต๊ะนั้นสิ่งที่โดดเด่นคือไก่ตัวใหญ่ซึ่งโดนถอนขนจนเกลี้ยงเกลา
“ใช่แล้วล่ะ มันมีชื่อว่า ไก่ขอทาน”
ได้ยินเช่นนั้นรั่วซีก็ตกใจ ‘ไก่ขอทาน’ เป็นรายการอาหารระดับภัตตาคารและมีชื่อเรียกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นไก่จักรพรรดิ ไก่ร่ำรวย ไก่มั่งคั่ง ในยุคที่นางจากมานั้นมีการพัฒนาสูตรให้หลากหลายถูกปากนักชิมมากขึ้น วัตถุดิบเองก็ใช้เครื่องปรุงมากมาย แต่ในยุคนี้คงไม่ได้มีเครื่องปรุงมากขนาดนั้น
“แค่ได้ยินชื่อก็อยากกินแล้วเจ้าค่ะ” แท้จริงโฉมงามเพียงต้องการลิ้มรสไก่ขอทานในยุคโบราณต่างหาก
“งั้นก็ลงมือกันเถิด มิเช่นนั้นคงไม่ทันมื้อเย็นเป็นแน่” อาหารจานนี้นอกจากขั้นตอนแสนยุ่งยากยังใช้เวลาทำนาน
“เจ้าค่ะ” เสียงหวานรับคำก่อนจะดูแม่สามีหยิบจับวัตถุดิบพลางจดจำเอาไว้ในใจ
ของที่ใช้เริ่มต้นด้วยไก่ทั้งตัวถอนขนล้างทั้งด้านนอกด้านในให้สะอาดพักจนมันแห้งสนิท เหล้าขึ้นชื่อจากเหลาสุราชื่อดังของเมืองหลวง เนื้อหมู ถั่วลิสงต้ม น้ำตาล เกลือ ขิงแก่ พริกไทยเม็ด กระเทียม พริกแห้ง พุทราเชื่อม แปะก๊วย เผือกหั่นเต๋า น้ำมันดินเหนียว ใบบัวขนาดใหญ่ และเชือก แค่เห็นว่าวัตถุดิบที่ใช้ทำมีเยอะแค่ไหนรั่วซีก็หน้ามืดแล้ว อาหารชนิดนี้หากมิใช่ครอบครัวฐานะดีเพียงไก่ทั้งตัวคงต้องแบ่งกินหลายวันด้วยซ้ำ
ขั้นตอนแรกนำพริกไทย กระเทียม ขิงแก่ ตำรวมกันจนละเอียดแล้วพักไว้ จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยรอจนเริ่มร้อนให้ใส่หมูลงไปเจียวจนมีน้ำมันออกมานิดหน่อย ตามด้วยส่วนผสมที่เราตำไว้ผัดไปมาให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจาย ใส่พริกแห้งหั่นท่อน เผือก แปะก๊วย พุทราเชื่อม คั่วให้เข้ากัน เติมฟืนแล้วกระพือให้ไฟแรงจึงใส่เหล้าลงไป ใส่น้ำเพิ่มเล็กน้อยปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ ถั่วลิสงต้ม ผัดจนได้ที่ดีแล้วพักไว้
“เราต้องยัดทั้งหมดลงไปในตัวไก่ให้เต็ม” เสียงอธิบายของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นขณะมือก็ไม่ได้หยุดพักนำไส้ที่ผัดมายัดใส่ในตัวไก่จนแน่น ก่อนจะนำไก่ซึ่งยัดไส้แล้วมาห่อด้วยใบบัวจนมิดตัว 3-4 ชั้น
“หากเราไม่มัดให้แน่นอาหารจะเปื้อนเอาได้ ขั้นตอนนี้เจ้าต้องระวังให้ดี” เชือกเส้นยาวถูกนำมามัดกระทั่งมั่นใจว่าแน่นหนามากพอ
“เอาล่ะ ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำดินเหนียวมาคลุมให้ทั่วตัวไก่โดยไม่ต้องพอกหนามาก เพราะถ้าหนาเกินไปไก่ด้านในจะไม่สุก จากนั้นใส่กองไฟแล้วรอสัก 1-2 ชั่วยาม (2-4 ชั่วโมง) ก็เสร็จแล้ว” สาวใช้รีบเข้ามารับก้อนดินเหนียวซึ่งมีไก่อยู่ด้านในไปเผาในกองไฟที่เตรียมไว้
“เหนื่อยรึไม่เจ้าคะ ขอบคุณท่านแม่ที่ลำบากสอนสั่งลูกสะใภ้” รั่วซีหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อตามข้างขมับของสตรีวัยกลางคนด้วยความซาบซึ้ง
“เหนื่อยกว่าที่คิดคงเพราะอายุมากขึ้นกระมัง เอาเป็นว่าอาหารจานอื่นให้คนครัวทำแทนดีกว่า เราหนีไปนั่งพักกันเถอะ” ฟ่านเลี่ยงเหลียงเอ่ยติดตลกก่อนจะจับจูงหญิงสาวให้ไปนั่งเล่นที่เรือนแทน
“เป็นอย่างไร คิดว่าจำขั้นตอนทั้งหมดได้รึไม่” เจ้าของเรือนจิบน้ำชาเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
“ตอนนี้ยังจำได้เจ้าค่ะ เมื่อกลับเรือนหลักข้าจะรีบจดเก็บไว้เพื่อป้องกันการลืม” สูตรอาหารล้ำค่าดุจทองคำเพราะสามารถนำไปเป็นสินเดิมเจ้าสาวหรือแม้แต่เปิดร้านยังได้
“อืม แล้วอาจิ้งกับอาโยวตั้งใจเรียนกันรึเปล่า” นางไม่ได้เข้มงวดถึงเพียงนั้นแต่ก็วาดหวังว่าพวกเขาจะพยายามเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด
“เด็กๆ ใฝ่รู้มากเจ้าค่ะ สอนสิ่งใดไปล้วนให้ความสนใจไม่บ่ายเบี่ยง อีกไม่นานเกรงว่าข้าคงไม่มีสิ่งใดจะสอนเป็นแน่” หญิงสาวสอนในเรื่องการบวกลบและการคิดบัญชีพื้นฐาน ส่วนเรื่องการคูณหารคงไกลตัวเกินไปยากจะหาข้ออ้างว่าเรียนรู้จากที่ใด เอาไว้อีกสักพักใหญ่ค่อยแสร้งว่าพอจำเรื่องราวได้บ้างรางๆ จะดีกว่า อย่างน้อยเนื้อหาในนิยายก็นำมาใช้ตอบคำถามได้
“หากเจ้าว่าเช่นนั้นข้าก็เบาใจ พวกเขาอายุ 16 หนาวแล้ว แต่เพราะถูกเอาใจมาตั้งแต่เด็กจนป่านนี้จึงยังไม่ตัดสินใจเรื่องคู่ครอง ลำบากเจ้าต้องคอยดูแลพวกเขาไปก่อน” ความจริงแล้วบุตรสาวถึงวัยออกเรือนตั้งแต่ปักปิ่น ที่ยืดเยื้อมาจนป่านนี้มีเพียงเรื่องเดียวนั่นคือผู้เป็นบิดาหวงแหนบุตรีมากเกินไป
“อาโยวอายุยังน้อย ให้นางได้อยู่กับท่านพ่อและท่านแม่อีกสัก 2-3 ปีจะดีกว่าเจ้าค่ะ” รั่วซีมาจากยุคสมัยที่ผู้หญิงแต่งงานตอนอายุ 30 ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นเมื่อพบว่าฝาแฝดต้องแต่งงานเร็วจึงอดห่วงไม่ได้
“ขอบใจเจ้ามากนะซีเอ๋อร์” การที่ฮูหยินผู้เฒ่าเลือกเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อลองใจหญิงสาว ลูกสะใภ้บางตระกูลรังเกียจเดียดฉันท์น้องสามีที่ไม่ยอมแต่งออก นางกังวลจึงคิดลองเชิงเล็กน้อยซึ่งคนตรงหน้าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง