สุดท้ายความเหนื่อยล้าก็ทำให้เธอล้มลงตรงนั้น หลับไปทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลออกมาไม่หยุด บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรจะเจ็บไปกว่าการต้องอยู่กับคนที่เกลียดกันอีกแล้ว เธอรู้ว่าทุกๆ คำพูดกับการกระทำต่อจากนี้ สิ่งที่เธอจะได้รับจากสามีคงมีแค่เพียงความเลวร้ายเท่านั้น
แสงอ่อนจางของวันใหม่เริ่มทาบทอไปทั่วบริเวณ เวลาที่เคยตื่นเป็นปกติทำให้แพขนตาหนักอึ้งของพิมาลากะพริบช้าๆ เธอลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังห้องที่กักขังมานานถึงสองปีด้วยตาแดงๆ เธอควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ หรือ ทำไมต้องแบกรับความเจ็บปวดจากเขาด้วย มันยังจะมีประโยชน์อะไรอีก
หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึก ขณะรวบรวมความกล้าแล้วเก็บเอาของจำเป็นใส่กระเป๋า แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไป ทุกๆ ย่างก้าวที่เดินไปยังประตูรั้วนั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นมั่นคง
ทว่าเสียงเรียกจากคนคนหนึ่งทำให้แข้งขาเล็กแทบก้าวไม่ออก
“หนูเพียง จะไปไหนแต่เช้าลูก”
“คุณป้า” พิมาลาหันไปมองคนที่อยู่ในชุดออกกำลังกายยามเช้าด้วยตาแดงๆ
“จะไปไหนลูก”
“คุณป้าขา”
รีบก้มหน้าซุกซ่อนแววตาละอายใจเอาไว้ “เพียงขอโทษนะคะ เพียง...”
“หนูจะไปจากบ้านนี้หรือลูก” พอรู้เข้าคุณมนฤดีถึงกับกุมหัวใจ “หนูจะไปจากป้าจริงๆ หรือลูก”
พิมาลากัดปากสั่นๆ ไว้แน่น
“เพียงทนไม่ไหวจริงๆ ค่ะ อย่างน้อยๆ ขอเวลาให้เพียงหลบพักหน่อยนะคะ เพียงไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้กับคุณเชษฐ์จริงๆ”
“โธ่...หนูเพียงของป้า”
คุณมนฤดีได้แต่ลูบแก้มนุ่มเบาๆ “ถ้าหนูเหนื่อยนัก ป้าจะส่งหนูไปที่ที่หนึ่ง พักผ่อนให้เต็มที่นะลูก เรื่องหย่าป้าจะจัดการให้”
“คุณป้า”
“ไม่เป็นไร ขอแค่หนูยอมให้ป้าช่วยป้าก็ดีใจแล้วลูก...หนูรอป้าก่อนนะ ป้าจะโทร.บอกคนของป้าให้มารับหนู” กล่าวแค่นั้นก็รีบเดินไปหยิบโทรศัพท์โทร.หาคนสนิททันที จัดการเรียบร้อยก็กลับมากอดมาหอมพิมาลาไม่หยุด “ไปถึงที่นั่น รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ นะลูก อย่าลืมโทร.หาป้าบ้างนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” พิมาลายกมือไหว้ลงกับอกของคุณมนฤดีด้วยขอบตาบวมช้ำ
“ไปเถอะ” แม่สามีได้แต่ลูบหลับลูบไหล่ลูกสะใภ้ไม่หยุด “เดินทางดีๆ นะลูก”
พิมาลาโบกมือลาทั้งน้ำตา จนคุณมนฤดีไล่แล้วไล่อีกถึงได้กระชับกระเป๋าในมือแล้วเดินไปขึ้นรถที่มารอรับอยู่ด้านนอก แต่พอขึ้นรถมาได้ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาที่พยายามหักห้ามเอาไว้ถึงได้ไหลออกมาไม่หยุด
ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เชษฐ์ก้าวออกจากอาณาเขตส่วนตัวแล้วสอดส่ายสายตาคมกริบมองไปจนทั่วบ้าน พอสัมผัสได้เพียงความเงียบสงบ คล้ายทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าว่างเปล่าไปหมดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ได้แต่เดินเร็วๆ ไปยังห้องครัวด้านหลัง ซึ่งปกติร้อยวันพันปีไม่เคยย่างกรายเข้าใกล้เลยสักครั้ง
พอคนรับใช้ในบ้านอย่างอุ้มกับเอื้อยเห็นก็ต้องมองหน้ากันด้วยความแปลกใจระคนตกใจอยู่บ้าง
“คุณ...คุณเชษฐ์ต้องการอะไรหรือคะ” หนึ่งในสองพี่น้องร้องถามขึ้น
เชษฐ์กวาดตามองหาคนคนหนึ่งจนทั่ว “คุณเพียงไปไหน”
“คุณเพียงหรือคะ”
เอื้อยมองน้องสาวแล้วกลั้นใจตอบออกมา “ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่เห็นเลยค่ะ”
“ไม่เห็น” คิ้วสีเข้มเลิกขึ้นสูงทันควัน
“ปกติคุณเพียงจะตื่นเช้าเข้าครัวมาทำกับข้าวกับพวกเราทุกวันนะคะ แต่วันนี้ยังไม่เห็นเลยค่ะ”
ฟังแล้วความรู้สึกบางอย่างยิ่งก่อตัวรุนแรงขึ้น แต่สุดท้ายก็ขอแค่น้ำเย็นๆ หนึ่งแก้วแล้วออกไปนั่งรอกินมื้อเช้าอยู่ด้านนอก ทว่าถึงเวลาอาหารที่เขาคิดว่าจะก่อกวนเธอก่อนไปทำงานกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
สีหน้าคร่ำเครียดของเชษฐ์ที่ว่าน่ากลัวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับดูน่าสะพรึงมากขึ้น จนสาวใช้ทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“ไปดูคุณเพียงที่ห้องซิ”
“ค่ะคุณเชษฐ์”
อีกฝ่ายหายไปไม่ถึงสองนาทีก็กลับลงมา ดูจากท่าทางไม่ต้องพูดอะไรเชษฐ์ก็รู้ว่าตอนนี้พิมาลาไม่อยู่ในบ้านแล้ว ริมฝีปากหยักได้รูปจึงเหยียดออกอย่างไม่พอใจ หยิบกระเป๋าเอกสารได้ก็ตรงไปยังบ้านใหญ่ทันที
คุณมนฤดียังคงนั่งจิบน้ำชาร้อนๆ อยู่บริเวณหน้าบ้าน เพียงเห็นลูกชายก้าวยาวๆ ตรงมาหาก็รีบทำสีหน้านิ่งเฉยทันที คล้ายกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและกำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยสักนิด
เมื่อลูกชายยืนนิ่งก็ยิ้มถาม “จะไปทำงานแล้วหรือลูก”
“แม่รู้อะไรไหมครับ” เชษฐ์ไม่ตอบแต่กลับพูดอีกเรื่องด้วยแววตาเรียบเฉย “ลูกสะใภ้ที่คุณแม่รักนักรักหนาไม่อยู่ในบ้านแล้ว เธอไปที่ไหนนั้นผมว่าแม่คงรู้ดี”
คนเป็นแม่ทอดถอนใจทิ้งแรงๆ อย่างรู้ว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถปิดบังลูกบังเกิดเกล้าได้ คงเหลือแค่เพียงยื้อเวลาเอาไว้ให้นานเท่านั้น
“ใช่ แม่รู้”
“แม่คงไม่ยอมบอกผม”
คุณมนฤดีพยักหน้า “ปล่อยหนูเพียงไปสักพักเถอะลูก ให้น้องได้อยู่เงียบๆ คนเดียว แม่ว่าคงช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นไม่น้อย”
“ไม่ครับ” เชษฐ์ส่ายหน้า
“ทำไมผมต้องปล่อยให้ผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมไปมีความสุขด้วย ยิ่งแม่ปกป้องยัยนั่นมากเท่าไร ผมก็ยิ่งอยากทำให้เธอเจ็บปวดมากเท่านั้น”
“เชษฐ์”
“คอยดูนะครับ ผมจะลากลูกสะใภ้ของแม่กลับมาแล้วขังเอาไว้ ตลอดชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันยิ้มหรือหัวเราะได้อีก” ลูกชายทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก็หมุนกายจากไป ปล่อยให้คนเป็นแม่นั่งไม่ติด ได้แต่ภาวนาให้พิมาลาปลอดภัยจากเงื้อมมือของลูกชาย