ไมเคิลลอบถอนหายใจออกมา เขาไม่เชื่อคำพูดของพี่ชายแม้แต่น้อย ถ้าแม่สาวหน้าหวานคนนั้นไม่ได้มีความสำคัญจริงๆ มีหรือที่ผู้ชายอย่าง โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่จะแสดงอาการไม่มั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ เขารู้ดีว่าสายตาที่พี่ชายมองผู้หญิงที่ตนเองชอบมันเป็นอย่างไร เพราะเขาเคยเห็นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสิบปีก่อน
“แน่ใจนะว่านายไม่ได้หลงรักผู้หญิงคนนั้น”
คำถามที่หลุดออกมาจากปากของน้องชาย ทำเอาโรเบิร์ตถึงกับชะงักค้างไปเล็กน้อย นัยน์ตาคู่ฟ้าเข้มไหววูบ ก่อนจะปรับให้เป็นปกติ
“พูดบ้าอะไรของนาย ฉันจะไปรักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”
“ขอให้มันจริงเถอะครับ ที่ผมเตือนก็เพราะผมเป็นห่วง ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก”
เขาไม่ต้องการให้ใครหรือผู้หญิงคนไหนต้องมาเสียใจหรือตายไปพร้อมเขากับพี่ชายอีก พี่สะใภ้คนแรกของเขาถูกลูกหลงจากการบุกถล่มของคู่อริ จนทำให้หลานชายตัวน้อยของเขาต้องตาย
หลังจากนั้นไม่นานพี่สะใภ้ก็เสียชีวิตจากการแท้งลูก พี่สะใภ้คนที่สองของเขาก็ต้องมาตายเพราะรับกระสุนแทนพี่ชาย ในขณะที่เขาเองก็ต้องสูญเสียว่าที่คู่หมั้นไปในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ถึงจะจับตัวมือปืนและจัดการคู่อริได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้คนที่พวกเขารักกลับมามีชีวิตได้
โรเบิร์ตเงียบไปกับคำพูดที่ออกมาจากปากของน้องชาย ความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขารักไปถึงสองคน แล้วยังลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีกสองเดือนนั้นอีก
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอยู่ในใจเขามานานนับสิบปี
“ว่าแต่ฉันสงสัยมานานแล้ว ทำไมนายถึงย้อมผมเป็นสีดำ แล้วยังใส่คอนแทกต์เลนส์นั่นอีก”
“แพมบอกว่าผมสีทองกับตาสีฟ้ามันดูสะดุดตาเกินไป ถ้าฉันอยากซ่อนตัว ฉันควรทำตัวให้เหมือนคนไทย คือย้อมผมดำแล้วก็ใส่คอนแทกต์เลนส์ แล้วก็เปลี่ยนจากการแต่งตัวนิดหน่อย ฉันก็ไม่เหมือนโรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่แล้ว”
“รอบคอบใช่เล่นเลยนะผู้หญิงคนนั้น”
“ใช่ รอบคอบมาก”
เขาเห็นด้วยกับความคิดของน้องชาย ม่านฟ้ารอบคอบจนน่าสงสัยและน่ากลัวด้วย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรกังวล ถ้าเป็นคนที่ศัตรูส่งมาเขาคงถูกฆ่าไปแล้ว ไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้
“เธอเป็นชาวบ้านธรรมดาจริงๆ หรือครับบอส”
เดม่อนถามเจ้านายหนุ่ม ตั้งแต่เขาฟังมาผู้หญิงที่ผู้เป็นนายไปอาศัยอยู่ด้วยต้องไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่
เผลอๆ อาจจะไม่ใช่คนบนเกาะแห่งนี้ด้วย ผู้หญิงที่ไหนจะรอบคอบและไม่เกรงกลัวมาเฟียกันบ้าง ขนาดเจ้านายของเขาเอาปืนจ่อยังโวยวายไม่หยุดปาก
“ให้ผมสืบประวัติของเธอดูไหมครับบอส”
“ไม่ต้องหรอก ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความสำคัญกับฉัน ไม่จำเป็นต้องไปสืบประวัติให้ยุ่งยากหรอก”
“ครับ”
“หลบก่อนครับบอส มีรถเบนซ์สีดำขับเข้ามาจอดตรงโน้นครับ”
มาเชลรีบเตือนเจ้านายหนุ่ม แล้วพวกเขาก็รีบหลบเข้าไปยืนหลังต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่คุณไมเคิล เดินเข้าไปนั่งในรถแล้วล๊อคประตู
******
รถเบนซ์คันสีดำขับเข้ามาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้กับโบสถ์ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นางอุษาและหลานสาวพร้อมกับม่านฟ้าเดินผ่านมาพอดี ประตูรถเบนซ์ถูกเปิดตามด้วยชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวเท้าออกมา ก่อนเดินตรงเข้ามาหาทั้งสาม
ม่านฟ้าชะงักเท้า มองชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่เดินตรงเข้ามาหาอย่างแปลกใจ ก่อนกระหวัดนึกไปถึงคนที่สิงสถิตอยู่ในบ้านของเธอ บางทีคนเหล่านี้อาจมาตามหาเขาก็ได้
“ใครหรือคะพี่แพม”
บงกชหันหน้ามาถามพี่สาวข้างบ้าน ทันทีที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า แล้วก็ไม่มีคนไทยเลยสักคน หน้าตาดูหล่อเหลา รูปร่างสูงกำยำกันเกือบทุกคน
“พี่ก็ไม่รู้จักเหมือนกัน”
“หน้าตาดีทุกคนเลยนะคะพี่แพม”
“อืมม์”
ม่านฟ้าตอบสั้นและได้ใจความ นัยน์ตาคู่สีดำสนิทมองชายหนุ่มในชุดสูท ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเฉยเมย เธอไม่ได้ตื่นเต้นไปกับความหล่อและดูดีของพวกเขาเลย
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณเคยเห็นคนในรูปนี้ไหมครับ”
“คนในรูปหรือคะ”
บงกชย้อนถาม มองรูปที่หนึ่งในชายชุดสูทยื่นมาให้ดู แวบแรกที่ได้เห็น เธอบอกได้เลยว่าผู้ชายในรูปหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ เรือนผมสีทอง นัยน์ตาคู่สีฟ้าเข้มชวนให้หลงใหลคนนี้ เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกเสียที
“คุณล่ะครับ เคยเห็นผู้ชายในรูปนี้หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มที่ถือรูปถ่ายหันมาถามหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งเหมือนไม่สนใจเรื่องที่เขาถาม นัยน์ตาคู่สีดำสนิทดูเย็นชาไม่น้อยยามสบตามองมายังเขา ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้มันคืออะไรกัน
ม่านฟ้าสบตามองผู้ชายที่ยื่นรูปถ่ายของโรเบิร์ตให้เธอดู เพียงแค่แวบเดียวเธอก็รู้แล้วว่าคนในรูปถ่ายเป็นใคร สีผมที่สะดุดตากับรูปร่างสูงใหญ่ ถึงจะผ่านๆ เธอก็มั่นใจว่าคนในรูปคือ โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่
“ว่าไงครับ คุณเคยเห็นผู้ชายในรูปนี้หรือเปล่า?”
“พี่แพมเคยเห็นผู้ชายในรูปนี้ไหมคะ บุษว่าบุษคุ้นๆ นะ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก”
“พี่ไม่รู้จักหรอกบุษ ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ ถ้ามาทานอาหารที่ร้าน พี่ก็ต้องจำได้อยู่แล้ว”
“นั่นสิเนอะ หล่อแล้วก็หุ่นดีขนาดนี้ เจอครั้งแรกก็สามารถเก็บไปนอนฝันได้แล้ว”
ชายหนุ่มในชุดสูทเลิกคิ้ว ทำหน้ายุ่งกับบทสนทนาของผู้หญิงตรงหน้า เสียดายที่เขาไม่พาคนที่สามารถแปลคำพูดของพวกเธอให้เขาเข้าใจ ถึงทั้งสองจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เวลาที่คุยกันเองกลับใช้ภาษาบ้านเกิดแทนที่จะเป็นภาษาอังกฤษ
“บุษกลับก่อนนะคะพี่แพม ยายของแพมเริ่มหน้าบูดแล้ว”
“โอเค แล้วเจอกันตอนเย็นนะ”
“ค่ะพี่แพม”
บงกชตอบแล้วหันไปชวนผู้เป็นยายกลับบ้าน ถึงจะยืนอยู่ตรงนี้เธอก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ปล่อยให้พี่ม่านฟ้าของเธอจัดการเรื่องทั้งหมดเลยก็แล้วกัน
“คุณครับ”
“ค่ะ”
ม่านฟ้าตอบชายที่ยื่นรูปถ่ายโรเบิร์ตมาให้เธอดู ถ้าเทียบผู้ชายทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ คนที่น่าคุยด้วยคงเป็นคนที่ถือรูปของโรเบิร์ต อีกสองคนหน้าตาเหมือนกับโจร การพูดการจาก็ไม่สุภาพ
“ตกลงคุณรู้จักผู้ชายคนนี้ใช่ไหมครับ”
“ก็ไม่เชิงว่ารู้จักหรอกค่ะ แต่เมื่อหลายวันก่อนก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาถามฉันเหมือนกัน ว่าเคยเห็นผู้ชายในรูปหรือเปล่า”
“แล้วคุณตอบคนพวกนั้นไปว่ายังไงครับ”
“คุณชื่ออะไรหรือคะ ฉันขอทราบชื่อหน่อย”
“คุณจะอยากรู้ชื่อของพวกผมไปทำไม?”
หนึ่งในชายที่ใส่ชุดสูทถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์กับความเรื่องมากของสาวไทย แค่ตอบพวกเขามาเท่านั้นว่าเห็นหรือไม่เห็น ทำไมต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วย
“มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือไง ที่จู่ๆ ก็มีคนมาถามเรื่องผู้ชายคนนี้ถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ถึงฉันไม่ได้รู้จักกับผู้ชายในรูปก็เถอะ แต่ฉันก็สามารถสงสัยได้ไม่ใช่หรือคะ”
“ไม่เห็นจะน่าสงสัยตรงไหน แค่ตอบมาว่าเคยเห็นหรือไม่เคยเห็น แค่นี้คุณจะตอบไม่ได้หรือไง”
“แล้วถ้าเกิดฉันบอกว่าฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ แล้วฉันบอกพวกคุณไป เกิดพวกคุณไปทำร้ายหรือฆ่าผู้ชายคนนี้ ฉันจะไม่มีความผิดไปด้วยเหรอ?”
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของสาวไทย ทำเอาชายหนุ่มในชุดสูทถึงกับอึ้งไป เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก่อนจะเริ่มพิจารณาสาวไทยอย่างละเอียดอีกครั้ง
...โปรดติดตามตอนต่อไป...