“คุณเป็นใครกันแน่”
“ฉันก็เป็นคนไทยนี่แหละค่ะ เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ พวกคุณต่างหากล่ะค่ะเป็นใคร จู่ๆ ก็มาหาคน พอฉันถามก็ไม่กล้าแสดงตัว แล้วพวกคุณจะไม่ให้ฉันสงสัยได้ยังไง ผู้ชายที่มาถามหาผู้ชายในรูปยังบอกชื่อให้ฉันรู้เลย แล้วทำไมพวกคุณถึงบอกชื่อกับฉันไม่ได้”
“เธอ!”
หนึ่งในชายชุดสูทยกมือชี้หน้า ก้าวเท้าพุ่งตรงเข้ามาหาสาวไทยปากกล้าอย่างหัวเสีย แค่ตอบว่าเห็นหรือไม่เห็นเรื่องก็จบ ทำไมถึงถามให้มันยุ่งยากด้วย นอกเสียจากผู้หญิงคนนี้รู้จักกับโรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่
“นอกเสียจากว่าพวกคุณเป็นคนไม่ดี”
“หยุดเดี๋ยวนี้แดนนี่!”
“ขอโทษครับคุณเดลโก้ แต่ผู้หญิงคนนี้ถามมากไปนะครับ”
ชายหนุ่มหันมาขอโทษเจ้านายหนุ่มเป็นภาษาฝรั่งเศส เขาคิดว่าสาวไทยคนนี้คงรู้พูดได้แต่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสหล่อนคงฟังไม่เข้าใจ
“จัดการผู้หญิงคนนี้ดีกว่าครับคุณเดลโก้”
“นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอแดนนี่ ที่นี่เมืองไทยนะเว้ย ไม่ใช่ฝรั่งเศส จะทำอะไรก็คิดให้มันรอบคอบ ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรก็ใช้แต่กำลัง”
เดลโก้เตือนลูกน้อง ก่อนหันมาสนใจสาวไทยด้วยแววตาเรียบนิ่ง จากคำพูดและบุคลิกที่เขาได้สัมผัส เขาบอกได้เลยว่าเธอต้องไม่ใช่สาวบ้านป่า และแน่นอนว่าการศึกษาของเธอก็ต้องสูงใช่เล่น
“ผมขอโทษ ผมใจร้อนไปหน่อย”
แดนนี่เอ่ยปากขอโทษเจ้านายหนุ่มเรื่องที่เขาใจร้อนจนเกินไป ก่อนเบนสายตากลับมามองสาวไทยที่ยืนหน้านิ่ง ทำตัวสบายๆ เหมือนกับว่าไม่มีพวกเขาอยู่ตรงนี้
ถ้าคิดตามที่ผู้เป็นนายพูดก่อนหน้านี้ สาวไทยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่ได้มีความเกรงกลัวพวกเขาเลยสักนิด
“ผมต้องขอโทษลูกน้องของผมด้วย ที่เสียมารยาทกับคุณเมื่อกี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ผม...เดลโด้ โรซาโน่ ผมเป็นเพื่อนกับคนในรูป เอ่อ...โรเบิร์ตน่ะครับ ผู้ชายที่อยู่ในรูปชื่อ โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่ เมื่อเดือนก่อนโรเบิร์ตได้รับอุบัติเหตุรถชนที่หาดริ้นจนหายตัวไป ผมกับครอบครัวของเขา กำลังตามหาเขาอยู่”
“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง”
ม่านฟ้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ สบตามองชายที่แนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนสนิทของโรเบิร์ตอย่างพิจารณา เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าใครมาดีใครมาร้าย ยิ่งได้เห็นพฤติกรรมของชายหนุ่มอีกคน ที่เตรียมจะเข้ามาทำร้ายเธอตลอดเวลา เพียงแค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นมิตรกับโรเบิร์ต แล้วที่บอกว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนก็โกหก ที่จริงโรเบิร์ตถูกไล่ยิงมาต่างหาก
ในขณะที่คนแอบซ่อนยืนลุ้นกับคำตอบอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะโรเบิร์ตกับไมเคิล สองพี่น้องต่างหันหน้ามองกันแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองจุดที่สามหนุ่มกับหนึ่งสาวยืนสนทนากันอยู่
“ตอนนี้ผมบอกเหตุผลให้คุณรู้แล้ว คุณบอกผมมาได้หรือยังว่าเคยเห็นโรเบิร์ตหรือเปล่า”
“ค่ะ ฉันเคยเห็นผู้ชายคนนี้นั่งทานอาหารที่หาดบ้านใต้”
“เมื่อไรครับ”
“ประมาณห้าวันก่อน สีผมกับดวงตาเขาสะดุดตามาก ฉันคิดว่าทุกคนในร้านคงจำเขาได้ทั้งหมดนั่นแหละค่ะ”
“แล้วโรเบิร์ตนั่งอยู่กับใครครับ”
“ก็หลายคนนะคะ หนึ่งในนั้นหน้าตาเหมือนคุณผู้ชายคนนี้ พนักงานในร้านตื่นเต้นกันใหญ่ ตอนที่พวกเขาเดินเข้าไปนั่งในร้าน ขนาดฉันเป็นลูกค้า ยังหันไปมองพวกเขาเลย”
เดลโก้ยืนฟังมองสาวไทยนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกแปลกใจออกมาไปทางสีหน้า ทั้งที่ความจริงเขารู้สึกสงสัยอย่างมาก สีหน้าของเธอนิ่งเกินไป ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นก็ดูเฉื่อยชา เหมือนคนที่ไม่สนใจปัญหาทางโลก
“คุณกับลูกน้องของคุณอยากรู้อะไรอีกไหม?”
“ไม่ครับ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลกับผมนะครับ”
“ค่ะ”
“ขอตัวนะครับ”
เดลโก้บอกสาวไทยแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ ซึ่งลูกน้องของเขาเตรียมสตาร์ทรถเอาไว้ ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องอยู่เมืองไทยอีก ถ้าหากน้องชายอยู่กับโรเบิร์ต นั่นก็หมายความว่าเวลานี้ข้างกายของโรเบิร์ตคงมีคนคอยคุ้มกันเต็มไปหมด โอกาสในการฆ่าคงไม่มีแล้ว
ม่านฟ้ายืนมองรถเบนซ์คันหรูขับออกไปจากวัด แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็กวาดสายตามองหาตัวต้นเรื่อง แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงก็หาไม่เจอ บางทีเขาอาจหลบผู้ชายสามคนที่เข้ามาคุยกับเธอก็ได้
‘เฮ้อ...ทำไมสวรรค์ถึงไม่ปล่อยให้เราอยู่อย่างสงบสุขกันนะ’
********
โรเบิร์ตมองจนศัตรูคู่อริขับรถออกไปจากวัด ชายหนุ่มจึงละสายตาจากรถเบนซ์หันมาสนใจม่านฟ้า ซึ่งยืนทำหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขากับน้องชายซ่อนตัว
ไมเคิลมองแม่สาวหน้าหวานที่พี่ชายไปอาศัยอยู่ด้วยอย่างทึ่งจัด ทั้งที่ถูกคุกคามจากชายแปลกหน้า แต่เธอก็ยังยืนเฉย ใบหน้าดูไร้ความรู้สึกจนแม้แต่เขาเองยังรู้สึกกลัวเธอขึ้นมาเหมือนกัน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่ชายถึงติดใจสาวไทยหน้าหวาน นัยน์ตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งผู้นี้
“ฉันไม่แปลกใจเลยที่นายชอบผู้หญิงคนนี้”
“ฉันบอกนายแล้วไงไมเคิล ฉันไม่ได้ชอบม่านฟ้า”
“แม่สาวหน้าหวานคนนี้ชื่อม่านฟ้าเหรอโรเบิร์ต ชื่อแปลกดีนะ ชื่อเหมือนผู้ชายเลย แล้วยังเก่งมากด้วย พูดซะไอ้เดลโก้เชื่อสนิทเลย แถมยังทำให้ไอ้แดนนี่ถูกด่าด้วย ฝีปากเธอนี่ใช่ย่อยเลย นายว่าไหม...โรเบิร์ต”
“เรื่องอื่นฉันไม่รู้ แต่เรื่องปากเก่ง นั่นแหละใช่เลย”
เขาเองก็เคยเจอมากับตัวเองแล้ว ขนาดเขาใช้ปืนจ่อขมับ แต่ม่านฟ้ายังกล้าเถียงเขาฉอดๆ คำพูดที่ออกมาจากปาก ล้วนแทงใจดำเขาทั้งสิ้น และเพราะความสงสัยใคร่รู้นี่เอง เขาถึงไม่สามารถทิ้งเธอไปไหนได้
ไมเคิลมองใบหน้าหล่อคมเข้มของโรเบิร์ตอย่างแปลกใจ ดูเหมือนพี่ชายจะรู้เรื่องของแม่สาวไทยหน้าหวานคนนี้ไปเสียทุกเรื่อง
แล้วมาบอกว่าไม่สนใจ ใครมันจะไปเชื่อ?
“นายสนใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ ด้วย”
“เรื่องของฉัน”
โรเบิร์ตหันมาบ่นใส่ไมเคิล ก่อนออกจากที่ซ่อน เดินตรงเข้าไปหาแม่สาวหน้าหวาน ซึ่งนั่งรอเขาอยู่ที่รถ แล้วทิ้งน้องชายกับลูกน้องคนสนิทเอาไว้
******
มาเชลยืนทำหน้างุนงงเล็กน้อย มองเจ้านายหนุ่มเดินไปหาสาวไทยที่นั่งรออยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ ใบหน้าสวยหวานฉายแววบึ้งตึง ก่อนเสียงของเธอจะดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะของเจ้านายหนุ่ม
“แล้วพวกเราจะทำยังไงดีครับคุณไมเคิล ผมว่าบอสอาการหนักแล้วนะครับ คุณไมเคิลเคยได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของบอสบ้างไหมครับ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา”
“ไม่เคย”
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มมีความสุขของพี่ชายจริงๆ เลยสักครั้ง เพิ่งจะมีก็ครั้งนี้แหละ ที่เขารู้สึกว่ามันมาจากหัวใจไม่ใช่การเสแสร้ง ถ้าสาวไทยผู้นี้สามารถทำให้พี่ชายของเขามีความสุขได้ เขาก็พร้อมที่จะดูแลและคอยคุ้มครองเธอด้วยชีวิต
“พวกเราจะทำยังไงดีครับ”
“คอยดูอยู่ห่างๆ ก็แล้วกัน ฉันมั่นใจว่าพี่ชายของฉันคงสนใจสาวไทยคนนี้เข้าแล้ว เผลอๆ อาจจะรักเลยก็ได้”
“ถึงกับรักเลยหรือครับคุณไมเคิล”
ทอมถาม ขณะที่สายตายังมองไปยังจุดที่เจ้านายหนุ่มกับสาวไทยหน้าหวานยืนสนทนากันอยู่ รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าของผู้เป็นนาย ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณไมเคิลบอกจริงๆ นั่นแหละ
‘หรือบอสจะรักสาวไทยคนนี้จริงๆ’
“ถ้าคุณไมเคิลพูด เชื่อเถอะทอม บอสรักสาวไทยคนนี้แน่ๆ”
มาเชลหันมาตอบเพื่อนร่วมงาน ถ้าหากไมเคิลเป็นคนพูด เรื่องที่เจ้านายหนุ่มรักสาวไทยหน้าหวานคนนี้ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน
“เราจะกลับกันเลยไหมครับคุณไมเคิล”
เดม่อนที่ยืนเงียบตั้งแต่เจ้านายหนุ่มเดินไปหาสาวไทย เขาก็เริ่มสังเกตผู้เป็นนายอย่างจริงจัง คำพูดทุกประโยคของคุณไมเคิลและสองผู้ร่วมงานของเขา
ไมเคิลไม่ตอบ ก่อนจะเห็นพี่ชายกับสาวไทยขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากวัด เขาหันมาบอกลูกน้องทั้งสามของพี่ชาย
“กลับกันเถอะ”
“ครับคุณไมเคิล”
ลูกน้องทั้งสามของโรเบิร์ตตอบ แล้วเดินตามน้องชายของเจ้านายหนุ่มกลับไปขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปจากวัด
...โปรดติดตามตอนต่อไป...