07:00 นาฬิกา
โรเบิร์ตกับม่านฟ้าก็เดินทางมาถึงวัด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของม่านฟ้าไม่มากนัก หากเดินมาก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าขับรถมาใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงแล้ว ในขณะที่ทั้งสองกำลังลงจากรถมอเตอร์ไซค์ บงกชก็เดินเข้ามาทักทายพร้อมยกมือไหว้ม่านฟ้า
“สวัสดีค่ะพี่แพม”
“สวัสดีจ้ะบุษ มาวัดเหมือนกันเหรอ? ปกติพี่ไม่ค่อยเห็นบุษมาวัดเลย”
“วันนี้บุษมาวัดกับยายนะคะพี่แพม”
บงกชตอบเสียงอ่อย เพราะเธอไม่ค่อยชอบเข้าวัดเท่าไร เพราะทุกครั้งที่เธอเหยียบวัด ร่างกายก็ร้อนวูบวาบ หายใจไม่ค่อยออก เธอจึงมักบอกพี่สาวข้างบ้านเสมอว่าเป็นพวกบาปหนา เข้าวัดทีไรมักจะร้อนรนจะทนอยู่ในวัดนานๆ ไม่ค่อยได้
“ว่าแต่พี่แพมพาแฟนมาไหว้พระด้วยหรือคะ”
“เปล่า คุณเฮนรี่เป็นเพื่อนของพี่เฉยๆ ไม่ใช่แฟน”
“แน่ใจหรือคะว่าไม่ใช่แฟน”
บงกชถามเพื่อความมั่นใจ เกือบสามปีที่เธอรู้จักและสนิทกับพี่สาวข้างบ้านคนนี้ เธอไม่เคยเห็นพี่แพมของเธอสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนเลยสักคน เพิ่งจะมีก็ฝรั่งหน้าตาดีคนนี้นี่แหละ
“แน่ใจสิ พี่ยังโสดสนิทนะบุษ คุณเฮนรี่เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น”
“ค่ะ เพื่อนก็เพื่อน”
“คุยอะไรกันหรือครับ บอกผมบ้างสิ”
โรเบิร์ตตัดสินใจพูดแทรกบทสนทนาของสองสาว เมื่อรู้สึกว่าตัวเขากลายเป็นธาตุอากาศไปแล้วสำหรับพวกเธอ ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้
ผู้ชายอย่าง...โรเบิร์ต โจนส์ เฮนรี่ กลายเป็นเพียงผู้ชายแสนธรรมดาคนหนึ่ง ยามอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่เขาคิดว่าธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะความคิดความอ่านรวมทั้งการวางตัวของเธอ มันแปลกและแตกต่างไปจากคนบนเกาะแห่งนี้
การใช้ภาษาอื่นก็ถือว่าขั้นเทพ ขนาดเจ้าของภาษายังอาย ซึ่งเขามั่นใจว่าเธอไม่เพียงแต่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างชำนาญ แต่เธอยังสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้อีกด้วย ระดับความรู้และการศึกษาของเธอสูงทีเดียว
บงกชละสายตาจากพี่ม่านฟ้า แล้วเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อคมเข้มของชายหนุ่มนาม ‘เฮนรี่’ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่สาวข้างบ้าน มองแวบเดียวเธอก็รู้แล้วว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน แต่ถ้าอยากโกหกว่าเป็นเพื่อนกัน เธอก็ไม่มีปัญหา ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอะไรกันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะพี่เฮนรี่ หนูชื่อ ‘บุษ’ เป็นเพื่อนกับพี่แพม อยู่ข้างบ้านพี่แพม ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะ”
คนอารมณ์ดีเอ่ยแนะนำตัวเอง แล้วยกมือไหว้ เพื่อนสนิทของพี่สาวข้างบ้าน บงกชมองใบหน้าหล่อคมเข้มนิ่ง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าเข้ม แล้วทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นสีดำเหมือนกับผมไปได้
โรเบิร์ตแปลกใจเล็กน้อยที่ม่านฟ้าบอกสาวน้อยผิวสีน้ำผึ้งผู้นี้ว่าเขาชื่อ ‘เฮนรี่’ แทนที่จะเป็น ‘โรเบิร์ต’ ก่อนจะยิ้มกว้างกับความรอบคอบของเธอ ถ้าบอกชื่อจริงออกไป อาจเกิดปัญหาตามมาทีหลังก็ได้สินะ ถึงได้เอานามสกุลของเขามาใช้เป็นชื่อแทน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“ค่ะ”
บงกชตอบแล้วยิ้มหวานให้เพื่อนสนิทของพี่ม่านฟ้าของเธอ และก้มมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วยิ้มแหยๆ เงยหน้าขึ้นมามองสองหนุ่มสาว
“รีบไปกันเถอะค่ะพี่เฮนรี่ พี่แพม ใกล้เวลาพระเทศน์แล้ว”
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
ม่านฟ้าตอบแล้วชวนโรเบิร์ตแล้วบงกชเดินเข้าไปในโรงฉัน ซึ่งเป็นทั้งที่แสดงธรรมและโรงฉันในเวลาเดียวกัน เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก มีพระภิกษุสงฆ์เพียงไม่กี่รูปเท่านั้น
*********
โรเบิร์ตเข้าไปนั่งฟังพระเทศน์แสดงธรรมได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็ต้องออกมารับโทรศัพท์จากลูกน้องคนสนิท จากนั้นก็คุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็ตัดสายไป และไม่นานบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันสีดำก็ขับเข้ามาจอดภายในลานวัด
ทันทีที่รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูจอดสนิท ก่อนที่ประตูรถจะถูกเปิด มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สามคนก้าวเท้าลงมาจากรถ เดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของโรเบิร์ต
“ข่าวที่ฉันให้พวกนายไปสืบมาเป็นยังไงบ้าง แล้วรู้หรือยังว่าใครเป็นคนส่งมือปืนมาฆ่าฉัน”
“ครับบอส”
มาเชลรายงานเจ้านายหนุ่ม ตั้งแต่เกิดเหตุบุกยิงผู้เป็นนายที่บ้านพักตากอากาศที่หาดริ้น เขากับเพื่อนร่วมงานก็คอยสืบหามือปืนและผู้จ้างวานทันที ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าดีมากทีเดียว
ถึงจะยังไม่รู้ว่าใครคือตัวการในการส่งมือปืนมาลอบฆ่าเจ้านายหนุ่ม แต่พวกเขาก็สามารถจับตัวมือปืนได้แล้วสองคน อีกสามคนกำลังสืบหาอยู่
“แล้วนายแจ้งไปทางอิตาลีหรือยังว่าฉันปลอดภัยดี”
“แจ้งไปแล้วครับ”
“ดีมาก ฉันจะอยู่เมืองไทยสักพัก พวกนายก็บินกลับไปก่อนได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
“ไม่ได้หรอกครับ ท่านอเล็กซานเดอร์สั่งให้ผมกับลีโอคอยดูแลความปลอดภัยให้บอสในช่วงที่อยู่เมืองไทย”
ทอมรีบแจ้งข้อความที่ได้รับมาให้เจ้านายหนุ่มทราบ ถึงสาเหตุที่พวกเขาถูกส่งมาเมืองไทย ท่านอเล็กซานเดอร์โกรธมากเมื่อรู้ว่าบุตรชายคนโตถูกลอบฆ่า เขากับเพื่อนร่วมงานจึงถูกส่งมาคอยดูแลอารักขาจนกว่าเจ้านายหนุ่มจะปลอดภัย ไม่เพียงแต่พวกเขาที่ถูกส่งมาเมืองไทย แม้แต่ไมเคิล จอส์น เฮนรี่ บุตรชายคนที่สองของท่านอเล็กซานเดอร์ก็ถูกส่งมาด้วย เพื่อรับบุตรชายคนโตกลับอิตาลี
“แล้วเมื่อไรนายจะกลับอิตาลี”
ไมเคิลเอ่ยถามโรเบิร์ต เขารู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่พี่ชายกำลังทำอยู่ หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ ก็น่าจะกลับอิตาลี แต่นี่อะไรกัน นอกจากไม่กลับแล้วยังไม่ยอมย้ายออกจากบ้านของแม่สาวหน้าหวานนั่นอีก หรือมีอะไรที่เขายังไม่รู้ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพี่ชายกับแม่สาวหน้าหวานคนนั้น
“อีกสักพัก ว่าแต่นายเถอะ ว่างแล้วหรือไงถึงบินมาเมืองไทยได้”
“พ่อส่งฉันมาตามนายกลับบ้าน เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นายยังคิดจะอยู่เมืองไทยอีกหรือไงโรเบิร์ต”
“ฉันมีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย นายอย่ารู้เลย”
“เกี่ยวกับผู้หญิงที่นายไปอาศัยอยู่ด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่เกี่ยวหรอก”
“แน่ใจนะโรเบิร์ต”
เขาไม่เชื่อคำพูดของพี่ชายแม้แต่น้อย ความรู้สึกของเขามันบอกว่าแม่สาวหน้าหวานคนนั้นต้องมีความสำคัญมากทีเดียว ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ เวลานี้โรเบิร์ตควรอยู่ที่อิตาลีแล้ว
“แน่ใจสิ ฉันจะไปโกหกนายทำไม”
โรเบิร์ตสบตามองน้องชายก่อนตอบคำถามที่ไมเคิลอยากรู้ออกไป เขาไม่ได้มีอะไรปิดบัง ที่ยังอยู่เมืองไทยก็เพราะอยากพักผ่อนจริงๆ เขาเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาเอง แล้วจะให้เขากลับไปทำงานเลยได้ยังไง
...โปรดติดตามตอนต่อไป...