“น้องชายฉัน” เดวิดตอบแทน
“ใช่” เดือนนารายอมรับ “พี่อรคงเข้าใจผิดเพราะพวกคุณหน้าตาเหมือนกัน เลยเอามาทิ้งไว้ให้คุณ แต่ตอนนี้ฉันจะมารับหลานฉันกลับ คุณเป็นผู้ชายเลี้ยงดูแกไม่ดีเท่าฉันหรอก คืนแกให้ฉันเถอะ”
เดวิดกระตุกยิ้มร้าย “เอามาให้ง่ายๆ แต่มาเอาคืนง่ายๆ ไม่ได้ บอกแล้วไงไม่ได้ยินเหรอ ดิโน่อยู่ในความดูแลของฉัน อยากได้คืนให้พี่สาวเธอมาเอาเอง”
เดือนนาราพยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงสั่นพร่าเมื่อกล่าวถึงพี่สาวผู้โชคร้าย “พี่อรถูกรถชนเสียชีวิตไปแล้ว ก่อนตาย พี่อรโทร.มาหาฉันก่อนเกิดอุบัติเหตุว่าจะมารับลูกชายที่อยู่กับคุณกลับไปอยู่ด้วย พี่อรบอกว่าเธอทำผิดที่เอาน้องแดนไปทิ้งไว้กับคุณ”
เดวิดหัวเราะขบขัน “แต่งเรื่องไม่เก่งเลยนะ บังเอิญเกินไปหรือเปล่า ฉันจำเป็นต้องเชื่อคำพูดลอยๆ ของเธอด้วยหรือไง แอปเปิลเธอยังขโมยได้ ทำไมเธอจะคิดขโมยเด็กไม่ได้”
อันที่จริง เขาไม่ได้ปักใจเชื่อว่าเธอเป็นคนร้ายอย่างที่กล่าวหา แต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอคือน้าสาวของดิโน่ เขาอยากรู้ที่มาที่ไปของดิโน่ให้แน่ชัด ไม่ใช่ว่าพอมีคนส่งเด็กมาให้ เขาก็รับไว้โดยไม่ตรวจสอบ แดเนียลก็ไม่อยู่ แต่ก็พอดีที่แม่สาวปริศนาคนนี้มาเฉลยคำตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่ยังไงก็ให้ไปไม่ได้ ต้องรอพิสูจน์ให้ชัดเจนทุกด้านเพื่อความปลอดภัยของเด็ก แล้วอีกอย่าง แค่เดือนเดียวที่แสนวุ่นวายแต่บังเกิดสายใยเส้นบางๆ ที่นานวันชักจะเริ่มผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เดวิดรีบบันทึกไว้ในความทรงจำว่าแม่ของดิโน่ชื่ออรนารา อย่างน้อยรู้ชื่อแล้วคงไม่ยากที่จะสืบหาความจริงกันต่อไป แต่ไอ้น้องชายตัวแสบของเขามีผู้หญิงรอบเอว มันจะจำได้ไหมว่าอรนาราเป็นใคร เคยมีพันธะสวาทกับมันหรือเปล่า แล้วดิโน่จะใช่ลูกของแดเนียลจริงหรือไม่
“ฉันอยากได้หลานคืน ฉันเคยเป็นออแพร์มาก่อน ยังไงซะฉันดูแลแกได้ดีกว่าคุณแน่นอน” เธอรู้ว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน แต่อย่างไรที่นี่ไม่ใช่ที่ของหลานชายเธอ
“ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกคนสวย คิดว่าเข้ามาในสวนของฉันแล้วอยากได้อะไร ก็จะเอาออกไปง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ นี่เด็กทั้งคน ไม่ใช่แอปเปิลหนึ่งที่เธอขโมยไปกิน”
เดือนนาราถอนใจ “ก็แค่หิวจนตาลาย เลิกย้ำสักทีเถอะว่าฉันขโมย แอปเปิลแค่ไม่กี่ลูกเอง เอาแบบนี้แอปเปิลพวกนั้นขายเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเงินให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
หญิงสาวล้วงมือไปหยิบเงินในกระเป๋าเพื่อจะจ่ายให้จบเรื่องจบราว ทว่าต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินเดวิดกล่าวเสียงห้วน
“เดี๋ยว” ใบหน้าหล่อเหลาแบบเถื่อนๆ จ้องหน้าหวานใส พลางเลิกคิ้วให้ด้วยมาดกวนประสาทสุดๆ “หนึ่งแสนดอลลาร์จ่ายมาสิ”
เดือนนาราอ้าปากค้าง ยอมรับว่าเคยกินแอปเปิลมามาก แต่ไม่เคยเจอแอปเปิลที่ทั้งกรอบและหวานฉ่ำ หอมฟุ้ง ลูกโต อร่อยจนหยุดไม่ได้เท่าลูกที่กลืนลงท้องไป แต่ว่าแอปเปิลบ้าบออะไรราคาแพงกว่าทองคำอีก เธอจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขาเ ธอไม่มีเงินถึงแสนดอลลาร์
“เกินไปแล้ว แอปเปิลอะไรของคุณ นี่ไม่ใช่สวนอีเดนนะ และมันก็ไม่ใช่แอปเปิลวิเศษของพระเจ้าถึงจะขายแสนดอลลาร์ ฉันจะไปฟ้อง...”
“จะไปฟ้องใครก็เชิญเลย ทำไมจะคิดแสนดอลาร์ไม่ได้ แอปเปิลที่เธอกินเข้าไปมีต้นเดียวในโลก แล้วพึ่งออกผลผลิตปีแรกแค่สิบลูกแรกในโลก”
“ต้นเดียวในโลก! บ้าไปแล้ว อย่ามาหลอกฉันให้ยากเห็นฉันโง่หรือไง”
เดวิดยิ้มหยัน เรื่องอื่นเขาอาจพูดหลอกแต่เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่น เขาจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านการเกษตรอันดับหนึ่งของอเมริกา สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือมีห้องแล็บเพาะเมล็ดพันธุ์สำหรับการศึกษาการเกษตรที่ใหญ่ที่สุด เดวิดจึงมีความสามารถโดดเด่นเรื่องการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปรับปรุงพันธุ์พืชมาตั้งแต่สมัยเรียน และนำความรู้มาปรับใช้กับสวนแอปเปิลและฟาร์มม้า ซึ่งมีเขากับน้องชายเป็นทายาท แต่เจ้าแดเนียล หมอนั่นมันถนัดธุรกิจด้านซอฟต์แวร์ไม่ชอบงานแบบนี้ผิดกับเขาที่ชอบอาบเหงื่อ ตากแดดทำการเกษตรอยู่ที่นี่
ชายหนุ่มมองเธออย่างพิจารณา แต่ในสายตาของเดือนนารา อีตานี่มองเธออย่างจาบจ้วงเข้าขั้นลวนลาม เพราะสายตาของเขาเริ่มมองหน้าอกของเธอเป็นเป้านิ่ง
“เธอนี่ตาดีเป็นบ้า เลือกแอปเปิลเก่ง จะบอกอะไรให้ แอปเปิลมีเป็นพันต้น แต่ที่เธอกินไปเป็นแอปเปิลพันธุ์ผสมระหว่างรอยัลกาล่า ซึ่งมีต้นกำเนิดจากนิวซีแลนด์ แต่ถูกฉันผสมพันธุ์เข้ากับแอปเปิลสายพันธุ์มุตสึจากเมืองฮิโรซากิประเทศญี่ปุ่นจนได้สายพันธุ์ใหม่มีต้นเดียวในโลก ผลของมันแพงกว่าทองคำ ฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะเพาะพันธุ์มันสำเร็จและกว่าจะทำให้มันออกผลได้ก็นานมาก แล้วมันก็เพิ่งออกมาแค่สิบผลบนโลกนี้เพราะฉะนั้น ฉันขายแค่แสนดอลลาร์ถือว่าถูกมากเลย เพราะในอนาคตเมล็ดพันธุ์ของมันมีราคามหาศาลสร้างรายได้อย่างที่เธอคาดไม่ถึง”
ความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเป็นแบบนี้เอง
“อะไรนะ! ตั้งแสนดอลลาร์ มันเป็นแอปเปิลทองคำแล้วมั้ง” เดือนนาราอยากจะกรีดร้องออกมา “ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะแพงขนาดนั้นเป็นพันธุ์ใหม่ ลูกใหญ่รสดีที่สุดในโลก ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสายพันธุ์แอปเปิลนี่”
“เธอรู้อะไรไหม ฉันจะส่งมันเข้าประกวดในปีนี้ แล้วฉันเชื่อมั่นว่ามันต้องชนะเลิศ ตอนนั้นคงมีคนจำนวนไม่น้อยยอมทุ่มเงินเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ของมันไปขยายพันธุ์ต่อ ฉันจะโก่งราคาเท่าไหร่ก็ย่อมได้ ถูกไหม”
“ยี้ คนหน้าเลือด”
“ไม่ต้องมาพูดมาก จ่ายมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” เดือนนาราจ้องเขากลับ “หน้าเลือดเกินไปแล้ว”
“เงินแค่นี้เธอยังไม่มีปัญญาจ่าย เลี้ยงเด็กคนนึงใช้เงินเท่าไหร่ ต่อให้เธอเป็นน้าของดิโน่แท้ๆ เธอก็ไม่สมควรเป็นผู้ดูแลแก” เขามองเรือนร่างชวนสัมผัสของหญิงสาว คาดคะเนด้วยสายตาแล้วว่าคงอายุไม่มากเท่าไหร่ “เพิ่งเรียนจบใช่ไหม มีงานทำหรือยัง เธอจะหาเงินที่ไหนลี้ยงเด็ก คนสวย ตอบฉันหน่อยสิ”
“ฉันไม่ได้ชื่อคนสวย ฉันชื่อเดือนนารา”
“อ้อ มีชื่อด้วยแฮะ แต่เรียกยากจัง ฉันเรียกเธอสโนวไวท์ดีกว่า”
“สโนวไวท์!” เดือนนาราทวนคำ
นิทานชื่อก้องโลกซึ่งเป็นผลงานของพี่น้องตระกูลกริมม์หญิงสาวเกือบทั่วโลกต่างรู้จัก แต่ว่า...
เดวิดมองคนตัวเล็กกว่าแล้วหัวเราะใส่หน้า แล้วก้มหน้าลงมาหาจนแทบชนใบหน้าสวยที่แหงนขึ้นมองเขา “อย่าหลงตัวเองคิดว่าฉันชมว่าเธอสวยเหมือนสโนวไวท์เชียวนะ ที่ฉันเรียกเธอว่าสโนวไวท์เพราะฉันจะเอาเธอมาเป็นสโนวไวท์ผู้รับใช้คนไม่แคระอย่างฉันกับหลานชายตัวเล็กอีกหนึ่งคน”
“บ้าไปแล้ว ทำไมฉันต้องมารับใช้คุณด้วย”
“ก็เธอไม่มีเงินมาจ่ายค่าแอปเปิลหนึ่งแสนดอลลาร์ เธอก็ต้องใช้แรงงานลดหนี้”
“ไม่มีทาง”