วันนี้อยู่ดีๆ เจียวจูก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเพื่อพบเธอและที่รีบร้อนขนาดนั้นเป็นเพราะต้องการมาบอกว่าองครักษ์คู่ใจได้กลับมาแล้วหลังจากที่เดินทางไปต่างเมืองแรมเดือน
"เจ้าว่าอะไรนะ ชิงมู่กลับมาแล้ว"
เหมยลี่ด้วยความตกใจและดีใจเธอจะได้เห็นชิงมู่ องครักษ์คู่ใจของฟูเหรินเขาหลงรักนางตั้งแต่เข้ามารับใช้ท่านแม่ทัพใหม่ๆและท่านแม่ทัพได้มอบหมายให้เขาดูแลนาง เธอจำได้ว่าเขียนให้เขารักกันกับเจ้าของร่างนี้ และเมื่อรู้ว่านางสิ้นใจไปแล้วเขาก็ได้ปลิดชีพตัวเองตามไป
"ใช่เจ้าค่ะ ท่านชินมู่จะมาเข้าเฝ้าฟูเหรินวันนี้ด้วยเจ้าค่ะ"
เจียวจูตอบด้วยความดีใจเพราะคงมีแต่ท่านชิงมู่เท่านั้นที่ปลอบประโลมจิตใจของคุณหนูของเธอได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าทั้งสองอาจมีใจให้กันแต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะท่านแม่ทัพได้ให้คุณหนูของเธอมั่นหมายและแต่งงานกับท่านอ๋องหนิงหลงก่อนแล้ว
"จริงสิดีๆข้าก็อยากเจอชิงมู่ผู้นี้เหมือนกัน"
"เดิมทีท่านชิงมู่ถูกส่งมาเพื่ออารักขาฟูเหรินพี่จวนนี้พร้อมช้าเช่นกัน แต่จะมีบ้างที่ท่านแม่ทัพขอให้เดินทางไปต่างเมืองด้วย"
เจียวจูบอกแก่ผู้เป็นนายสาวที่เข้าใจว่าผู้เป็นนายสาวความจำเสื่อมจำได้บ้างไม่ได้บ้างให้รับรู้ความเป็นไป
"อ๋อฉันเข้าใจแล้ว งั้นให้เขาไปพบฉันที่ศาลาริมสระบัวนะ" เหมยลี่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการใช้ภาษายังคงพูดสลับไปสลับมาอยู่บอกเจียวจูที่พอฟังเข้าใจบ้าง
ชิงมู่มองดูภาพหญิงสาวที่เขามีใจรักภักดีให้อย่างหลงใหลเต็มไปด้วยความรัก เธอช่างสง่างามเกินที่เขาจะเอื้อมมือไปถึง
"อะ..ท่านชิงมู่มาแล้วหรือเจ้าคะ" เจียวจูถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ยืนอยู่ สมกับเป็นนักฆ่าที่ไปมาไร้เสียงเสียจริง
"คุณหนูขอรับ" ชิงมู่เดินเข้าไปหาผู้เป็นนายสาว
วินาทีแรกที่เธอเห็นชิงมู่ตัวเป็นๆ เหมยลี่ถึงกับตาค้างด้วยโดนความหล่อหน้าหวานกระแทกใจ ที่เขาเป็นนักฆ่าจริงหรือทำไมหน้าหวานขนาดนี้ ขนาดเวลาพูดยังเผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆตรงมุมปากนั้นเลย
"คุณหนูเจ้าคะ "เจียวจูร้องถามผู้เป็นนายสาวที่นิ่งค้างไปแล้วจ้องหน้าท่านชิงมู่ไม่วางตา
"อะ อ๋อชิงมู่มาแล้วเหรอ "
"คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินข่าวท่านตอนที่กลับมาแล้ว ชายผู้นั้นทำให้ท่านเสียใจอีกแล้วหรือขอรับ "
ชิงมู่ถามผู้เป็นนายสาวที่ตนรักด้วยแววตาที่แสนเศร้าใจ ถ้าเขาอยู่เหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
"อย่าไปสนใจเลย เจ้าเป็นอย่างไรบ้างไปต่างเมืองคงเหนื่อยน่าดู "
เหมยลี่ที่อยู่ในร่างของพระสนมถามด้วยความห่วงใย ก็แหมเจอคนหล่อทั้งที ในชีวิตนี้ของเหลยลี่แค่ผู้ชายขอเบอร์ยังไม่มีเลย พอมาอยู่ในร่างสาวแสนสวยแบบนี้เธอต้องใช้ให้เป็นประโยชน์สิ
"ข้ามิเป็นไร แค่เห็นคุณหนูยังอยู่ข้าก็ดีใจแล้ว "
ชิงมู่ตอบผู้เป็นนายสาวด้วยรอยยิ้มแผ่วเบาแต่กลับทำให้เหมยลี่โดนรอยยิ้มนั้นตกเขาเต็มๆ ยิ้มน้อยยังน่ารักเหมยลี่เผลอยิ้มตามชายหนุ่มอย่างหลงใหลที่ชีวิตสาวโสดถึกแบบเธอมีโอกาสใกล้ชิดหนุ่มหล่อ ตัดอีตาอ๋องขี้เก๊กนั่นออกไปชีวิตนี้เกิดมาคุ้มแล้ว
พอคุยกันและจิบน้ำชาไปด้วยกับบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ลมพัดเอื่อยๆ เอากลิ่นดอกบัวที่หอมฟุ้งในสระขึ้นมาด้วยยิ่งทำให้เหมยลี่อารมณ์ดีและมีความสุขตั้งแต่เข้ามาในร่างนี้ ได้แต่คิดว่าทำไมเจ้าของร่างนี้ถึงไม่เลือกพ่อหนุ่มคนนี้แทนท่านอ๋องนะ
ตั้งแต่เธอทะลุมิติเข้ามาเนื้อเรื่องก็เปลี่ยนเพี้ยนไปหมด แต่ดีที่ตัวละครยังมีเหมือนเดิมและไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มๆที่อยู่ในเรื่องนี้ทำให้เธอได้กระชุ่มกระชวยหัวใจ
แต่แล้วการกระชุ่มกระชวยหัวใจของเธอก็ต้องหยุดลงเมื่ออยู่ๆ ก็เห็นพระสนมหน้าขาวที่เดินมุ่งมาหาเธอแต่ไกล ใช่เหมยลี่ตั้งฉายาให้เธอแบบนั้นเพราะผู้หญิงคนนั้นหน้าขาวจนวอกจริงๆ
"ฟูเหรินบังเอิญยิ่งนัก ข้ามาเดินเล่นเพราะเห็นว่าบรรยากาศดีมิคิดว่าฟูเหรินก็อยู่ที่นี่กับองครักษ์คู่ใจด้วย"
มาถึงก็ช่างจ้อเลยนะยัยหน้าวอกนี่ เหมยลี่คิดในใจอย่างหมั่นไส้คนที่มาขัดจังหวะการพูดคุยกับหนุ่มหล่อของเธอ จนทำให้ชิงมู่ขอตัวออกไป
"อ่อข้าอยู่ห้องแล้วอุดอู้ เลยมานั่งจิบชาเล่น "
"ภาษาของฟูเฟรินแปลกยิ่งนัก ข้าฟังมิค่อยจะเข้าใจหรือเป็นเพราะท่านตรอมใจและปลิดชีพตัวเองจนความจำเลอะเลือนพูดจาไม่รู้ภาษาหรือเจ้าคะ "
จิกกันจังเลยนะเห็นน่าซื่อๆ ทำไมวาจาร้ายกาจทำร้ายจิตใจคนอื่นถึงออกมาจากปากผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานและแลดูเป็นคนดี คนเราดูแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ เหมยลี่คิด
"แล้วเจ้าฟังรู้เรื่องไหม?"
"ก็พอฟังได้เจ้าค่ะ แค่สงสัยว่าไม่เหมือนภาษาของที่แห่งนี้หรือจวนท่านแม่ทัพพูดคุยกับเยี่ยงนี้หรือเจ้าคะ" ืื
"อืม..ไม่รู้สิเอาไว้จะถามให้นะ แต่ถ้าฟังรู้เรื่องมันก็ไม่น่ามีปัญหานิ ถ้าเจ้ามีปัญหานักก็อย่ามาพูดคุยกับข้าสิ" เหลยลี่อดที่จะต่อปากต่อคำกับแม่นี่ไม่ได้
"ฟูเฟรินระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ ข้ามิได้มีสิ่งใดแอบแฝง ข้าและท่านอยู่จวนเดียวกันและยังต้องค่อยดูแลปรนนิบัติท่านอ๋องยังไงข้าก็ต้องพูดคุยกับท่านแม้ท่านจะไม่ชอบพอข้าก็ตาม "
เหมยลี่มองดูพระสนมตัวดีที่จีบปากจีบคอพูดกับเธอ ถ้าคนอื่นมาได้ฟังคงมองว่าเธอเป็นพวกนางมารร้ายแน่ๆ
"นางคงคิดแบบพระสนมมิได้เพราะจิตใจของนางมุ่งร้ายกับผู้อื่นจนมิคิดจะทำดีกับใคร "
ไม่รู้ว่าท่านอ๋องออกมาจากมุมไหนอยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามารวมหัวกันต่อว่าเธอ ทำให้เธอมองไปที่พระสนมและได้เห็นเข้ากับรอยยิ้มมุมปากอย่างพอใจนั้น เลยรู้ได้ทันทีว่าหล่อนรู้นานแล้วว่าท่านอ๋องฟังอยู่เลยแสร้งทำตัวน่าสงสาร เหมาะสมกันจริงๆคู่นี้
"ถึงข้าจะมีจิตใจไม่ดี แต่ข้าก็ไม่เคยคิดจะสังหารใครเพียงเพราะไม่ชอบ หากข้าจะสังหารใครสักคน คนๆนั้นคงเป็นคนที่ทำร้ายข้าก่อนจนช้าทนไม่ได้ ขอตัวนะเจ้าคะเชิญตามสบาย"
เหมยลี่โมโหให้ชายหญิงคู่นี้จึงรีบเดินออกไปอย่างเร็วโดยมีเจียวจูที่วิ่งตามไป