สวรรค์คงตั้งใจลงโทษเธอจริงๆเพราะหลังจากที่กลับจากเดินเล่นในสวนด้วยอารมณ์ที่สุขใจ กลับต้องมาเจอกับท่านอ๋องและสนมสุดที่รักคุยกะหนุ่มกะหนิงหยอกล้อกัน ดูๆแล้วเธอก็หมั่นไส้ทั้งสองคนนั้นเสียจริงพระสนมนั่นอีก
ขณะที่เธอเป็นฮูหยินของบ้านนี้แท้ๆ ผู้หญิงที่เป็นพระสนมยังไม่คิดที่จะไปเยี่ยมเยียนเธอบ้างเลย ไม่เจ้าของร่างนี้ร้ายกาจกับพวกเขาก็คงเป็นพวกเขาเหล่านั้นที่ใจดำกับเจ้าของร่างนี้เอง แต่ใครจะไปรู้เธอข้ามภพทะลุมิติมาถึงนี่อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปก็ได้
"อะ ฟูเฟรินท่านดีขึ้นแล้วหรือไม่ ข้ามิได้ไปเยี่ยมท่านเลยเพราะมัวแต่ยุ่งกับการเข้ามาอยู่ที่นี่ยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่นักดีที่ได้ท่านอ๋องชี้แนะหลายเรื่อง"
เหมยลี่มองดูหญิงสาวที่หน้าตาก็น่ารักแต่พูดจาออกมาจิกกัดเธอทุกคำ คงดีใจสินะที่ได้เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องที่ขนาดเธอเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ยังไม่คิดจะหันหน้ามามองเลย
"อ๋อไม่เป็นไรๆ ฉั..เออข้าหายดีแล้วดีแล้วละพระสนมก็ค่อยๆ ปรับตัวนะข้าไม่กวนทั้งสองท่านแล้ว"
คำพูดและท่าทางของฟูเหรินสร้างความแปลกใจให้ทั้งสองเป็นอย่างมาก พระสนมนางคิดว่าถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนหญิงผู้นี้คงพูดจาเชือดเฉือนทำร้ายจิตใจเธอด้วยความหึงหวงแล้ว แต่นี่กับนิ่งเฉยและปล่อยโอกาสให้เธอได้อยู่กับท่านอ๋องด้วยซ้ำ
คำพูดของเธอทำให้ท่านอ๋องถึงกลับหันมามองสบตากับเหมยลี่ เธอถึงกับแข็งค้างกับความหล่อเหลาคล้ายดาราจีนหรือเกาหลีที่เธอชื่นชอบมากใบหน้าคมได้รูป คิ้วเข้ม ตาตี๋ จมูกโด่งสวยริมฝีปากแดงอมชมพูคล้ายผลเชอรี่ โอ้!! มายก๊อดนี่สามีฉันจริงๆหรือนี่
แต่ติดตรงที่เดียวสายตาเย็นชาที่มองมาที่เธอด้วยความเกลียดชัง และใบหน้านิ่งเย็นดังน้ำแข็งขั้วโลกเหนือนั้นทำให้เธอหมดอารมณ์ที่จะชื่นชมเลย
"หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่รึ เจ้าถึงได้จ้องมองเช่นนั้น"
เสียงของท่านอ๋องทำให้เหมยลี่ตื่นจากภวังค์ความหล่อของเขา
"ปะ..เปล่าๆ ข้าแค่ชื่นชมในความหล่อเหลาของท่านเท่านั้น ข้าขอตัวก่อนนะ"
เหมยลี่ลุกลี้ลุกลนเดินออกไปทิ้งให้ท่านอ๋องมองตามด้วยความสงสัยในท่าทีของนาง ทั้งแววตาและท่าทางของนางเปลี่ยนไปจริงๆ อาจนี่อาจจะเป็นผลพวงที่ว่านางความจำเสื่อมจริงๆ หรือนางจะแกล้งเพราะนางก็ยังจำข้าได้ปกตินิ ท่านอ๋องได้แต่คิดสงสัยและไม่ไว้ใจในตัวนาง
เหมยลี่ที่เดินออกมาพร้อมกับกุมที่หน้าอกด้วยความเจ็บแปลบ เจ้าของร่างนี้นางคงรักท่านอ๋องเย็นชานี้มาก แค่เห็นเขาอยู่กับหญิงอื่นก็คงจะเจ็บปวดแล้ว
"เป็นอะไรไปเจ้าคะฟูเหริน " เจียวจูถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าตาซีดเซียวของผู้เป็นนายสาว
"ฉันรู้สึกเจ็บที่อก เจ็บมากๆด้วย" เหมยลี่ตอบตามความจริงเธอเจ็บทุกครั้งที่นึกถึงชายคนนั้น
"รีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะได้ต้มยาให้ท่าน " เจียวจูบอกด้วยความเป็นห่วงและพยุงนายสาวกลับตำหนักไป
ตำหนักพระสนม
"จิงเจา..เจ้าคิดว่านางเปลี่ยนไปไหม " พระสนมถามบ่าวรับใช้คนสนิทที่ตามมาจากบ้าน
"เจ้าค่ะ ฟูเฟรินนางดูอารมณ์ดีกว่าแต่ก่อน หรือนางจะมีแผนเร่งงานเรารึเปล่าเจ้าคะพระสนม" จิงเจาถามด้วยความร้อนรน
"ไม่ต้องกลัวไปหรอก นางไม่ทางรู้แน่ๆว่าข้าจัดฉากใส่ร้ายนางเรื่องทำร้ายร่างกายข้า เว้นเสียแต่เจ้าจะปากโป้งพูดออกมาให้ตนได้รับโทษเสียเอง "
"หม่อมฉันมิกล้าปากโป้งและนำความเดือดร้อนมาให้พระสนมเด็ดขาดเจ้าค่ะ "
"ดี! เพราะถ้าเจ้าพูดมากจนนำเรื่องมาสู่ข้า ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสียเข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว " จินเจาตอบผู้เป็นนายสาวด้วยความสั่นกลัว
บิดาของเธอสั่งให้มาทำให้ท่านอ๋องลุ่มหลงในตัวนางและค่อยสืบข่าวเรื่องที่ท่านอ๋องอาจมีการส่งทหารไปขัดขวางการนำเข้าของผิดกฎหมายจากเมืองอื่นของบิดานาง ไม่งั้นนางคงไม่ยอมมาเป็นพระสนมถึงแม้จะชอบพออ๋องหนิงหลงอยู่ก็ตาม แต่ไม่เป็นไรเธอสามารถจัดการฟูเฟรินที่อ่อนแอนั่นได้ ในเมื่อเธอเคยทำสำเร็จจนนางคิดปลิดชีพตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ตำหนักท่านอ๋อง
"นางเปลี่ยนไปมาก ข้าประมาทนางมากจนเกินไป " ท่านอ๋องที่ยืนมองดูสระบัวที่ครั้งหนึ่งคนเคยพลัสตกลงไปเกือบเอาชีวิตรอดไม่ได้
"ท่านอ๋อง มือสังหารคนสนิทของฟูเหรินไม่ได้อยู่ตอนที่เกิดเรื่อง เห็นว่าท่านแม่ทัพเรียกให้ไปคุ้มกันไปเมืองเยี่ย " ชูปี้เดินเข้ามารายงานเรื่องที่ท่านอ๋องให้ไปสืบ
"งั้นใครเป็นคนทำเรื่องนี้กัน "
"หม่อมฉันเห็นคนของเสนาบดีเฉินป้วนเปี้ยนอยู่แถวที่เกิดเหตุไม่แน่เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้นะพระเจ้าค่ะ"
"งั้นเจ้าไปตามสืบมา ว่าตอนนี้เสนาบดีเฉินกำลังทำอะไรอยู่ "
"พระเจ้าค่ะ"
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าเสนาบดีเฉินตั้งใจส่งลูกสาวมาเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของกองทัพ แต่ที่เขายังรับพระสนมเข้ามาเพราะเธอคือนางที่อยู่ในดวงใจของเขามาตลอดนั่นเอง กับบิดาของนางสักวันยังไงเขาก็ต้องจัดการไม่ปล่อยให้ทำลายบ้านเมืองแบบนี้ต่อไปเป็นแน่
ทุกคนที่เข้ามาล้วนเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์กับตำแหน่งที่เขาเป็นอยู่เพียงเท่านั้น มิเคยมีใครรักและมองเขาเป็นเพียงแค่บุรุษคนหนึ่ง มีก็เพียงแต่พระสนมที่คอยปลอบประโลมจิตใจของเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าเขาไม่แต่งรับหญิงผู้นั้นเข้ามาก่อนตำแหน่งฟูเหรินคงเป็นของนางที่รักและภักดีต่อเขาแล้ว
แต่เขาก็ห้ามพระประสงค์ของฮ่องเต้ไม่ได้ที่ได้ทรงพระราชทานฟูเฟรินที่เป็นลูกสาวท่านแม่ทัพใหญ่ให้เพื่อรวบรวมอำนาจมาอยู่ในภายใต้อ๋องหนิงหลงให้หมด
โดยที่ฮ่องเต้เองจะเป็นฝ่ายรับคำบัญชาจากเขาเพียงเท่านั้นผู้คนที่กระหายในอำนาจก็จะเพ่งเล็งมาที่ตัวเขาเพียงคนเดียว ไม่มีใครสนใจฮ่องเต้ที่ไม่มีอำนาจและไม่สามารถตัดสินใจทางทหารหรือการเมืองได้เลยแม้แต่น้อย
แรกเริ่มเดิมทีเป็นอุบายของเขาเองที่ไม่ต้องการให้ราชวงศ์ต้องมาแย่งชิงอำนาจกัน จึงให้เหมือนกับว่าได้ยึดอำนาจมาไว้ที่ตนเพียงคนเดียวแล้ว เพื่อให้ฮ่องเต้ได้อยู่อย่างสงบไม่มีคนคิดปองร้าย ถึงแม้เขาตายราชวงศ์โจวยังคงอยู่ก็เพียงพอแล้วกับการเสียสละในครั้งนี้