วันนี้เป็นวันที่แสนน่าเบื่ออีกวันของเหมยลี่อุตส่าห์ทะลุมิติมาในร่างที่แสนงดงามและมีชีวิตโดยไม่ต้องหาเช้ากินค่ำปากกัดตีนถีบแล้ว ยังต้องมานั่งน่าเบื่อไปไหนไม่ได้มิน่าคนยุคก่อนของจีนถึงได้นั่งแต่แกร่งแย่งชิงอำนาจกัน วังหลังก็วุ่นวายอยากเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้หรือท่านอ๋องจนลืมหาความสุขใส่ตนเอง
"เจียวจูข้าอยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก อยู่แต่ในห้องนี้ข้าจะเน่าตายแล้ว"
"ฟูเฟรินท่านบาดเจ็บตรงไหนเจ้าคะ แผลถึงได้เน่าแล้ว" เจียวจูถามด้วยความตกใจเข้ามาจับผู้เป็นนายสาวพลิกไปมา
"โอ๊ยข้าหมายถึงเบื่อ อยากออกไปข้างนอกเราไปเที่ยวตลาดกันนะข้าอยากไป"
"แต่มันไม่ปลอดภัยนะเจ้าคะ อีกอย่างเราต้องขออนุญาตท่านอ๋องก่อนนะเจ้าคะ "
"ก็ให้ชิงมู่ไปด้วยสิ ส่วนเรื่องขออนุญาตข้าไปขอท่านอ๋องแล้ว " เหมยลี่พูดโกหกออกไป
"ฟูเหรินไปตอนไหนเจ้าคะข้ามิเห็นเลย" เจียวจูทำหน้าตาสงสัย
"เอาเป็นว่าข้าขอแล้ว ข้าจะเตรียมตัวส่วนเจ้าไปบอกชิงมู่นะ "
เหมยลี่รีบบอกและวิ่งไปแต่งตัวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเล่นตลาดจีนโบราณของจริง
เจียวจูก็ได้แต่มองตามผู้เป็นนายสาวด้วยความมึงงงและเป็นห่วงการไปการมาของคุณหนูช่างไม่สำรวมเอาเสียเลย หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนพูดจาก็แปลก แต่ก็คิดว่าดีกว่าทรงนั่งโศกเศร้าทั้งวันเจียวจูคิดและรีบออกไปเตรียมตัว
"ว๊าวที่นี่ของเยอะจังเลยเจียวจู ชิงมู่ สวยด้วยดูปิ่นปักผมหยกนี่สิ เจ้าว่ามันเข้ากับข้าไหม"
เหมยลี่ตื่นตาตื่นใจกับตลาดผู้คนและของใช้ในยุคโบราณต่างๆที่เดี๋ยวนี้บางชิ้นอาจไม่ค่อยพบเจอ
พอได้ออกมาข้างนอกก็เหมือนชีวิตของเธอกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมจนเจียวจูและชิงมู่เองที่เห็นผู้เป็นนายสาวกลับมาสดใสร่าเริงก็ดีใจ
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเหมยลี่ที่กำลังหันมาให้คนติดตามทั้งสองดูหยกชิ้นงามก็ชนเขากับบุรุษปริศนาตนหนึ่งที่ปิดหน้าปิดตา ขนาดอยู่ใกล้ๆยังไม่รู้เลยว่าคือให้
"อ๊ะ ..ขอโทษค่ะ" เหมยลี่เผลอพูดภาษาบ้านเกินจริงๆออกไปอย่างลืมตัว
"เจ้าพูดเยี่ยงไรนะแม่นาง"
บุรุษปริศนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวานน่าฟัง แถมหุ่นยังดีสูงโปร่งถ้าเปิดหน้ามาคงหล่อมากแน่ๆ เหมยลี่คิด
" ข้าถามเจ้า ไม่ได้ยินงั้นรึ?" บุรุษคนนั้นถามขึ้นอีกรอบ
"อ๋อ..ข้าบอกว่าขออภัยข้าไม่ทันได้มองจึงชนท่าน " เหลยลี่ตั้งสติได้แล้วตอบคนตรงหน้าไป
"แต่จะโทษว่าเป็นความผิดข้าคนเดียวไม่ถูกหรอกนะ เพราะท่านก็เดินไม่ดูทางจึงมาชนข้าแบบนี้" เหมยลี่เอ่ยอย่างไม่ยอม
"หูเหริ...เอ่อคุณหนูคะอย่ามีเรื่องจะดีกว่านะเจ้าคะ เรารีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ"
เจียวจูรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายสาว เธอกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้ถึงหูท่านอ๋องเอาได้
"ข้าชอบแม่นางผู้นี้ยิ่งนัก งั้นเพื่อเป็นการขอโทษความผิดของข้อครึ่งหนึ่งข้าขอมอบปิ่นหยกนี้แทนคำขอโทษเจ้าแล้วกัน"
ชายหนุ่มปริศนาเอ่ยอย่างชอบใจเพราะไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้มานานมากแล้ว
"งั้นข้าจะรับเอาไว้แล้วกัน คราวหน้าเดินระวังด้วย ไปกันเถอะเจียวจูชิงมู่"
เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศเดินชมตลาดของเธอ เหมยลี่จึงไม่ใส่ใจชายหนุ่มคนนั้นแล้วเดินไปที่โรงน้ำชาตามที่เจียวจูบอกเอาไว้ว่ามีอาหารอร่อย และการแสดงที่ดีเยี่ยมในย่านนี้เหมยลี่จึงไม่พลาดที่จะไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
"ท่านชายให้ข้าจัดการเลยไหมขอรับ" คนที่ติดตามชายหนุ่มปริศนาถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายมองตามหญิงสาวไปอย่างไม่วางตา
"หึๆ นางยังมิได้ทำอันใดข้าเลย เจ้าใยจะต้องไปทำร้ายนาง อีกอย่างดูจากการแต่งตัวและผู้ติดตามของนาง นางคงจะไม่ใช่คุณหนูหรือหญิงสาวทั่วไป ไปกันเถอะเราช้าแล้ว"
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของเหมยลี่กับมองว่ามันช่างหน้าค้นหายิ่งนัก ก่อนจะเดินไปทางที่หญิงสาวผู้นั้นเดินไปวันนี้เขามีนัดกับสายข่าวในเมืองนี้ เพื่อหาข่าวและสอบถามเรื่องต่างในเมืองนี้ตามที่ทำประจำตลอดมาจนมันเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
"มานั่งกินด้วยกันสิ ทั้งสองคนเลยข้าสั่งอาหารมาตั้งเยอะ"
เหมยลี่ที่สั่งอาหารมามากมายเอ่ยบอกผู้ติดตามทั้งสอง
"ไม่ได้นะเจ้าค่ะคุณหนู มันไม่ควรเจ้าค่ะ" เจียวจูตอบด้วยความตกใจ
"อะไรคือควรไม่ควร ท่านล่ะชิงมู่ไม่นั่งเช่นกันเหรอ "
ชิงมู่เพียงก้มหน้ารับคำเพียงเท่านััน เขาไม่กล้าจะตีตัวเสมอผู้เป็นนายถึงแม้คุณหนูจะเคยมีใจให้กับตนก็ตาม ที่เขารู้เพราะก่อนที่คุณหนูจะออกเรือนได้เรียกเขาไปพบและบอกเรื่องนี้ เขามันแค่คนต้อยต่ำคงมิอาจไขว่ขว้าพระจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไสวงดงามเช่นนี้ได้
"ถ้าพวกเธอทั้งสองไม่นั่งก็กลับไปกันเลยข้าไม่ต้องการ ข้าอยู่คนเดียวได้ไปเลย"
เหมยลี่แกล้งพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทั้งสองมองหน้ากันอย่างขอความเห็นของกัน เป็นชิงมู่ที่ตัดสินใจนั่งลงข้างๆหญิงสาวเพราะไม่อาจฝืนทำให้นายสาวไม่พอใจ เขาไม่เคยขัดใจนางได้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วตอนนี้ก็ยังเป็นดังเช่นเดิม
เจียวจูเห็นแบบนั้นจึงนั่งลงอีกข้างของผู้เป็นนายสาวอย่างเลี่ยงมิได้
"ก็แค่นี้ "
เหมยลี่กลับมายิ้มอีกครั้งอย่างอารมณ์ดีที่โดนเอาใจ ดูผู้คนด้านล่างที่เดินขวักไขว่และฟังเสียงดีดพิณเบาๆ จิบชารสเลิศไปด้วยช่างเป็นคนสุขเล็กๆแต่สบายใจเธอยิ่งนัก
"คุณชายคนของเสหะบดีเฉินขอเข้าพบขอรับ "
ผู้ติดตามหนุ่มเข้ามารายงาน ถ้าในแวดวงการค้าและอำนาจที่ผู้คนต่างเรื่องลือคงไม่มีใครไม่รู้จักคุณชายเพิ่งหวง ด้วยชื่อเสียงที่ลำลือและวรยุทธด้านการต่อสู้ที่หามีผู้ใดเปรียบเทียบได้ แม้แต่อ๋องหนิงหลงที่ว่าเก่งกาจก็ไม่แน่ว่าจะสู้ชายผู้นี้ได้
"ข้าจะออกไปพบที่โต๊ะด้านนอก"
เฟิ่งหวงบอกพร้อมกับเดินออกมานั่งยังโต๊ะที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมื่องได้
"คุณชายขออภัยที่ให้ท่านต้องรอ " เสนาบดีเฉินเดินเข้ามาพร้อมผู้ติดตามสองสามคนเอ่ยขึ้น
"ข้าเพิ่งมาถึงเช่นกัน เชิญท่านตามสบาย"
ทั้งสองต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ได้รับรู้มาซึ่งเป็นข่าวทั่วไปที่ชายหนุ่มเองก็รู้อยู่แล้ว
"ฮ่าๆ ว่าแต่คุณชายท่านนี่รูปโฉมงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ ข้านี่เป็นชายชาตรียังต้องอายท่านเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะทั้งเก่งกาจการต่างๆ ยังมีวรยุทธสูงส่งหวังว่าสักวันข้าจะได้เห็นประจักษ์แก่สายตาสักครา"
"ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ว่าแต่ท่านมีเรื่องอันใดจะคุยกับข้า ท่านคงไม่ได้มาเพื่อกล่าวชมข้าอย่างเดียวกระมัง"
"ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นสหายข้า ดี!ในเมื่อท่านไม่อ้อมค้อม ข้ามาวันนี้เพื่อที่จะคุยเรื่องอ๋องหลิงหลงที่ทุกวันนี้กระหายในอำนาจ ขนาดฮ่องเต้ยังทรงต้องฟังคำคนผู้นี้"
เสนาบดีเฉินพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใดจะมาได้ยิน เพราะถ้ามันผู้ใดปากโป้งออกไปมันคงสิ้นลมหายใจก่อนจะออกจากที่นี่ด้วยซ้ำ ด้วยคนของตนแฝงตัวอยู่ทุกๆที่
แต่บุรุษทั้งสองคนคงลืมไปว่าเหมยลี่นั่งอยู่บนชั้นนี้ด้วย ตอนแรกเธอก็แค่นั่งชื่นชมใบหน้าหล่อเหลาของชายผู้นั้น แต่แล้วอยู่ๆชื่อของสามีหน้าโหดของเธอก็ทำให้เธอหูผึ่งขึ้นมาทันที