ตอนที่ 1 ชีวิตที่เปลี่ยนไป
เหมยลี่ ปีที่แล้วเธอยังเป็นหญิงสาวพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ใส่แว่นตาหนาเตอะแต่งตัวเชยยุค 70 ไม่มีแม้แต่ผู้ชายคนไหนมาสนใจจนย่างเข้าวัย34 ปีแล้วเธอก็ยังโสดและซิงมาตลอด แทบไม่มีประสบการณ์ด้านความรักเหมือนกับคนอื่นเขาชีวิตของเธอก็ไม่มีอะไรมากในเมืองที่ผู้คนแข่งขัน ของกินของใช้ราคาแพงขึ้นตามเศรษฐกิจเวลานั้น
ไหนจะโรคระบาดที่ระบาดทั่วโลกตอนนี้ทำให้เศรษฐกิจยิ่งย่ำแย่ ดีที่เธอยังเกาะงานประจำเอาไว้ได้อยู่แต่ก็ไม่รู้จะเกาะได้จนถึงวันไหนเพราะเธอได้ยินข่าวแว่วๆว่าบริษัทอาจจะไปต่อไม่ไหวอาจมีการลดบุคลากรลง
"คุณเหมยลี่เชิญเข้าไปด้านในได้เลยค่ะ " ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยเชิญให้เธอเข้าไปด้านใน
"เราขอแจ้งตามตรงเลยนะคะว่าบริษัทของเราต้องมีการลดบุคลากรลงซึ่งตำแหน่งของคุณที่ทำอยู่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างคนถึงสองคนทำในงานหน้าที่เดียวกัน ดังนั้นบริษัทจึงขอเลิกจ้างคุณเหมยลี่โดยทางบริษัทมีค่าชดเชยให้ และให้ทางคุณเหมยลี่ทำงานเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายค่ะ"
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมาเป็นนักเขียนไส้แห้งที่ยอดวิวและคนอ่านไม่ถึงสิบคนต่อเรื่อง แต่เธอก็พยายามสู้สุดตัวจนคนอ่านเพิ่มมาจากสิบคนเป็นยี่สิบคน แนวที่เขียนเป็นจีนโบราณพระเอกจับนางเอกปล้ำอะไรแบบนี้ แต่งมันไปทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านความรักนี่แหละ วันนี้เธอขี้เกียจมากไม่แม้แต่จะลุกไปหาข้าวปลากิน
แถมฝนด้านนอกก็ถล่มลงมาอย่างหนักราวกับจะตอกย้ำชีวิตอันน่าสงสารของเธอที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็ด้วยเงินเก็บอันน้อยนิดที่กำลังจะหมดไป เธอไม่อยากไปสมัครงานแล้วเพราะช่วงแรกที่ตกงานก็วิ่งหางานใหม่ให้วุ้นแต่ไม่มีที่ไหนรับเลยด้วยบุคลิกและประสบการณ์ที่มีน้อยนิดของเธอ
พ่อแม่ก็ไม่มีญาติพี่น้องหนีหายไปไหนไม่รู้ เธอใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอดจนถึงตอนนี้ เธอคิดว่าถ้ามันสุดทางแล้วก็คงต้องปล่อยให้เป็นตามยถากรรมเธอสู้ไม่ไหวแล้ว สู้ไม่ไหวกับปัญหาชีวิตและตอนนี้ก็เริ่มสู้ไม่ไหวแล้วกับความหิว ถ้าเธอมีชีวิตที่ดีมีคนที่รักมากมายแบบในนิยายที่เธอแต่งขึ้นก็คงจะดี ถ้าเธอย้อนไปในยุคนั้นได้เธอจะย้อนกลับไปเป็นพระสนมของชินอ๋องเพราะได้ทั้งความรักจากสวามีและมีอำนาจร่ำรวยอีก ขนาดเธอเขียนเองยังอิจฉาเลย
เหมยลี่นอนคิดพรางหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมานั่งพิมพ์นิยายต่อท้ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมา สายฟ้าที่ฝ่าฟาดลงมาไม่ขาดสายจังหวะที่ฟ้าฝ่าลงมาตรงห้องเช่าเล็กๆ ที่เธออยู่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เหมยลี่กำลังจะผล็อยหลับคาโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่า แต่แล้วทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบเข้าใส่หน้าของเธอพร้อมกับแรงดึงดูดมหาศาลที่มาจากหน้าจอคอมดึงให้เธอหายวับเข้าไปในนั้นชั่วพริบตาเดียวทั้งห้องก็ว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหนและไปที่ใด
เหมยลี่ตกใจแทบสิ้นเธอคิดว่าเธอคงตายไปแล้วแน่นอนเพราะหลังจากที่โดนดึงดูดเข้ามาทุกสิ่งอย่างรอบตัวเธอกลับมืดมนไปหมด ไม่มีแม้เพียงแสงสว่างให้เธอได้ส่องนำทางเลย ชีวิตเธอชั่งน่าสงสารขนาดตายแล้วยังหาทางเดินต่อไปไม่เจอเลย มีชีวิตอยู่ยังลำบากตายมาแล้วยังต้องมาลำบากอีก เหมยลี่ได้แค่คร่ำครวญในใจด้วยความอดสู
แต่แล้วทันใดนั้นก็เหมือนมีแรงผลักจากที่ไหนไม่รู้ทำให้เธอตกลงมาที่ห้องๆหนึ่งที่แลดูคล้ายห้องนอนที่เป็นฉากหนังจีนโบราณที่เธอเคยดู สายตามองไปรอบๆห้องแล้วไปปะทะเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนเก้าอี้พร้อมผ้าผืนยาวที่อยู่ในมือเธอ แต่ใบหน้าที่แสนสวยนั้นกลับเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินเต็มสองข้างแก้ม นัยน์ตาหวานแสนโศกเศร้านั้นคล้ายกับมองมาที่เธอ คล้ายว่าหญิงสาวปริศนาจะพูดอะไรออกมาแต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงนั้นจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่เหมยลี่คาดไม่ถึง จนเธอต้องรีบวิ่งพุ้งทะยานเข้าไปร้องห้าม
" อย่านะ!!! ช่วยด้วย "
เธอวิ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นแต่ก็คว้าไว้ได้เพียงอากาศของความว่างเปล่า มองไปที่ใบหน้าหญิงสาวที่แดงก่ำหายใจไม่ออกแต่เธอยังมองมาที่เหมยลี่แล้วยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มที่แสนโศกเศร้าจนเธอร้องไห้ตาม พร้อมกับร้องห้ามเธอหวังให้เธอได้ยิน อ้อนวอนขอร้องให้องค์เทพองค์ใดก็ได้ช่วยหญิงสาวคนนี้ด้วย เหมยลี่ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งอ้อนวอนเทพทุกองค์เท่าที่เธอจำได้ด้วยความสงสารผู้หญิงอีกคนอย่าประหลาดใจที่เธอกับรู้สึกผูกพันและรู้สึกถึงแรงรักแรงเจ็บปวดในตัวหญิงสาวอีกคนที่ส่งตรงมาที่เธอ
ก่อนที่เธอจะสลบหลับไปคำอ้อนวอนของเธอก็ได้สัมฤทธิผล เพราะมองเห็นผู้คนวิ่งกรูเข้ามาในห้องนี้พร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย เหมยลี่มองดูภาพสุดท้ายนั้นด้วยสายตาที่พร่ามัวยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่มีคนมาช่วยผู้หญิงที่แววตาโศกเศร้าคนนั้นแล้วพร้อมกับเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินจากเด็กสาวที่อยู่ดีๆก็วิ่งมาหาเธอและร้องเรียกเธอด้วยชื่อที่แปลกๆ
" ฟูเหรินอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ฟูเหรินตื่นสิเจ้าคะ ฮือๆ ท่านหมอๆ อยู่ไหนไปเรียกมาเลยเดี๋ยวนี้ "
เจียวจูหญิงสาวรับใช้ที่ดูแลคุณหนูของเธอมาตั้งแต่เด็กร้องไห้โวยวายขึ้น เธอแค่ออกไปยกอาหารมาแป๊บเดียวเองทำไมฟูเหรินของเธอต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้ด้วย หญิงสาวได้แต่นั่งร้องไห้ข้างร่างของผู้เป็นนายสาวอย่างอดสูในโชคชะตาของคุณหนูของเธอ
ท่านพ่อหรือท่านแม่ทัพก็ไม่เคยรักเคยไยดีต่อเธอแถมยังให้เธอแต่งงานกับชายที่ไม่รักเธอทำร้ายจิตใจเธอสารพัด แถมยังบ้าอำนาจเผด็จการ ท่านพ่อก็เพียงแค่ต้องการควบคุมชินอ๋องเท่านั้นเลยส่งลูกสาวอย่างเธอมา หวังให้ชินอ๋องที่มากด้วยอำนาจได้มาเป็นพวกเดียวกันกับเขาเท่านั้น ส่วนลูกสาวจะเป็นตายยังไงก็ไม่สนใจไยดี เธอจะไม่ยอมเป็นเครื่องมือของใครสู้เธอตายไปเสียจะยังดีกว่า
" โอ๊ย..ทำไมฉันปวดตามเนื้อตัวไปหมดเลย " เหมยลี่ที่ตื่นขึ้นมาให้เช้าวันใหม่แต่ก็ต้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พลิกตัวไปทางไหนก็ปวดเมือยไปหมดเหมือนกับเธอนอนในท่าเดียวนานๆอย่างนั้น
"ฟูเหริน ฟูเหรินฟื้นแล้วเหรอเจ้าคะ ฮือ! อึก! เจียวจูคิดว่าฟูเหรินจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเสียแล้ว หากเป็นเช่นนั้นตัวข้าคงไม่อาจกล้ามีชีวิตอยู่ไปสู้หน้าท่านแม่ทัพและฮูหยินได้อีกต่อไป ฮือๆ " เจียวจูร้องไห้กอดแขนผู้เป็นนายสาวด้วยความรัก
ต่างจากเหมยลี่ที่นั่งนิ่งตกใจกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ไม่รุ้พุ่งตัวมาจากไหน ร้องไห้มากอดเธอแถวยังเรียกชื่อเธอแปลกๆอีก แล้วที่นี่ที่ไหนทำไมห้องถึงตกแต่งเป็นแบบนี้ เหมือนในหนังจีนโบราณเลยหรือเธอถูกจับมาเรียกค่าไถ่ แต่คงไม่ใช่แน่ๆเพราะเธอไม่มีจะกินอยู่แล้ว
" เธอพูดอะไรของเธอ แล้วที่นี่ที่ไหนทำไมฉันมาอยู่ที่นี่โอ๊ย!!.. " เหมยลี่ถามขึ้นด้วยความมึนงงพอคิดซ้ำไปมาอาการปวดหัวก็กำเริบขึ้นจนต้องร้องออกไป
" ฟูเหรินเป็นอะไรเจ้าคะ เดี๋ยวเจียวจูไปเรียกท่านหมอมานะเจ้าคะ " ว่าเสร็จหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นก็วิ่งออกไปทันที แต่เดี๋ยวนะเจียวจูงั้นเหรอทำไมชื่อนี้มันคุ้นหนูเธอจังเลยแต่ก็จำไม่ได้