บทที่ 1 แรกเริ่มแผนรัก 2

2069 คำ
ณ บ้านนายอำเภอเพื่อนรักของพนายตอนนี้กำลังจัดเตรียมงาน จัดเตรียมสถานที่เพื่อให้พร้อมสำหรับตอนเย็น วันนี้พิเศษกว่าทุกปี เมื่อน้องชายคนเล็กมาร่วมงานด้วย หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบกว่าปี “พี่ชัยสวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายพี่ชายทันทีเมื่อมาถึง กว่าจะขับรถมาถึงบ้านพี่ชายเล่นเอา 6 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว เจ้าของเสียงทุ้มนั้นจะเป็นใครไปได้ได้นอกจากนายนำทัพ ไตรมาทรักษ์ หรือทัพ วัย 37 ปี ชายหนุ่มผิวสีแทน ร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งเป็นสัน ตาดำคมเข้ม เขาเป็นน้องชายคนเล็กของตระกูลไตรมาทรักษ์ที่พ่อกับแม่ตั้งความหวังกับลูกสะใภ้คนเล็กมาก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววจะพาผู้หญิงมาทำความรู้จักเลย วันๆ ทำแต่งาน เขาเป็นเกษตรหนุ่มทำงานอยู่จังหวัดราชบุรี “นึกว่าจะหลอกพี่ชายคนนี้ดีใจเล่นเสียแล้ว เข้าไปในบ้านเถอะพี่สะใภ้กับหลานรออยู่ในบ้านแล้ว” นายอำเภอนำชัย ไตรมาทรักษ์ เชิญชวนน้องชายคนเล็กเข้าไปในบ้าน ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ งานเลี้ยงจะเริ่มตอนเย็น แต่เพื่อนรักของเขาอีกคนกำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้แล้ว “วันเกิดพี่ชายทั้งทีทำไมผมต้องไม่มาด้วยครับ ว่าแต่งานนี้มีอะไรพิเศษรึเปล่าครับถึงอยากให้ผมมานักมาหนา” เสียงทุ้มเอ่ยขณะเดินเข้าไปในตัวบ้านกับพี่ชาย ก็แปลกเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนพี่ชายโทรไปหาพร้อมกับบอกว่างานนี้ต้องมาให้ได้ เพราะมีเรื่องสำคัญที่นำทัพต้องรู้ “ตอนเย็นก็รู้เองแหละ ตอนนี้ไปนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า” “ครับ ผมไหว้พี่สะใภ้เสร็จกับทักทายหลานๆ จะขึ้นไปพักเอาแรงสักหน่อย กว่าจะถึงขอนแก่นเล่นเอาผมหมดสภาพเลย” ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญที่พี่ชายบอกนำทัพไม่มาหรอก ปกติทุกปีจะส่งของขวัญมาให้ แต่ปีนี้ต้องขับรถมาเอง ไกลก็ไกลแถมยังหลงทางอีกกว่าจะมาถึงจังหวัดขอนแก่นได้ ณ ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มตรงแล้ว แขกเหรื่อต่างมาร่วมงานอวยพรวันเกิดนายอำเภอกันเต็มงานไปหมด และตอนนี้ที่โต๊ะนั่งของเจ้าของงานกับเพื่อนรักกำลังพูดคุยเม้าท์มอยกันสนุกปาก “ตาเอ็มพาหนูณิไปหาอะไรกินตรงนั้นสิลูก” บัวงามภรรยาท่านนายอำเภอเอ่ยแนะนำลูกชายของตนให้พาว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายปองไว้ไปหาอะไรทานกันเพื่อจะได้พูคุยสนิทกันมากขึ้น ทุกปีก็ทำแบบนี้แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าทั้งสองจะขยับความสัมพันธ์ไปไหนเลย “ครับแม่” อติเทพ ไตรมาทรักษ์ หรือเอ็ม วัย 32 ปี เอ่ยรับคำ ไม่ใช่ว่าไม่อยากสานความสัมพันธ์กับฌาณิการ์ แต่พยายามแล้วหญิงสาวก็ให้ได้แค่ความเป็นพี่น้อง และข้อนี้เขาก็ยอมรับมันมานานแล้ว ยังไม่ทันได้ลุกไปไหนก็ต้องตกใจกับเสียงร้องของฌาณิการ์ ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็มองมายังสาวเจ้าของเสียง ไม่ใช่แค่ที่โต๊ะเท่านั้นแต่เป็นทุกคนในงานด้วยตอนนี้ "อร้ายยยยยยยยยยยยยย ความหล่อกระชากคานอิณิ" ฌาณิการ์กรีดร้องอกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นหนุ่มหล่อเดินมาทางตน บอกเลยดีต่อใจของเธอมาก มดลูกสั่นระริกด้วยความอยากได้ อยากโดน อยากได้เขามาครอบครอง “สำรวมไว้บ้างหลาน” ผู้เป็นลุงตีขาหลานสาวไว้ ก็ตอนนี้ใครต่อใครต่างมองมาทางหลานสาวตน ก็คำที่กรี๊ดออกมานั้นมันช่างน่าอายยิ่งนัก “ไม่ได้หรอกลุง อายก็อดสิ คนนี้ณิจอง คนอะไรหล่อกระชากตับมาก ออร่ากระจายมาแต่ไกล แบบนี้แหละพ่อของลูกณิ ลุงณิขอไปทำความรู้จักกับคนหล่อก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบลุกเดินสาวเท้าไวๆ ด้วยความที่ใส่ส้นสูงทำให้เดินไม่ถนัด จึงตัดสินใจถอดแล้วนำขึ้นมาถือ ก่อนจะเดินเท้าเปล่าไปหาเป้าหมายของตน พนายเอามือกุมขมับ เมื่อหลานสาวคนสวยทำให้ตัวเองขายหน้าอีกแล้ว บทจะชอบก็ดันมาชอบอะไรตอนนี้ ถูกใจแทนที่จะเก็บไว้ในใจ มันใช่กิริยามารยาทที่ดีของผู้หญิงไหมเนี่ย คิดแล้วก็อยากแทรกแผ่นดินหนี นำทัพเดินโปรยยิ้มให้สาวๆ ตลอดทางเดินมายังโต๊ะที่พี่ชายนั่งอยู่ เขาเพิ่งตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัวลงมาร่วมงาน แม้จะยังรู้สึกเพลียๆ อยู่บ้างแต่ก็ถือว่าได้นอนพักไปแล้ว สายตาคมจับจ้องไปยังปลายทางที่ตนตั้งใจจะเดินไปหา แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงถือรองเท้าเดินไวๆ มาทางตน จนต้องหยุดเดินไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดูรีบร้อน แล้วทำไมต้องเดินมาทางเขาด้วย พอมาถึงตรงหน้าชายหนุ่มหล่อฌาณิการ์ก็ไม่รอช้าที่จะวางรองเท้าลงแล้วสวมใส่เหมือนเดิม เพื่อจะได้เสริมความสูงอันน้อยนิดของตน ถึงแม้ส้นสูงจะสูงแต่พอใส่แล้วก็สูงได้แค่เพียงคางสากของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ดี “สวัสดีค่ะคุณ...” เอ่ยสวัสดีพร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ทำเอาคนถูกสวัสดีมึนงงไปหมด อยู่ๆ เธอมาสวัสดีเขาทำไม เขาไม่รู้จักเธอสักหน่อย “อะ...เออ!...” “สวัสดีค่ะคุณ...อะไรคะ” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าชักช้า จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวคงลืมไปแล้วว่ามันเป็นงานเลี้ยงและผู้คนมากมายเสียด้วยสิ และผู้คนมากมายต่างมองการกระทำของเธออย่างสนอกสนใจ และผู้หญิงส่วนใหญ่ในงานต่างพากันแอบเสียดายชายหนุ่มที่หญิงสาวกำลังคุยด้วย “ผมเคยรู้จักคุณด้วยเหรอ” นำทัพไม่ตอบ แต่กลับพูดอีกประโยค เล่นเอายิ้มกว้างก่อนหน้านี้หุบลงทันที พร้อมกับกัดฟันแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ “ฮึ! คนอะไรนิสัยไม่ดีเหมือนหน้าตาเอาเสียเลย” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะของตน จนไม่มีโอกาสได้เห็นลอยยิ้มกริ่มของชายที่ตนอยากรู้จักก่อนหน้านี้ ฌาณิการ์เดินมาทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตัวเดิมก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทำเอาผู้คนบนโต๊ะต่างมองมาทางเธอด้วยความสงสัย ก็เห็นเมื่อกี้วิ่งไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่ทำไมเดินกลับมาด้วยทางทางเหงาหงอยบึ้งตึงแบบนี้กัน “ทำไมทำหน้าแบบนั้นหนูณิ” บัวงามถามหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะ แม้ก่อนหน้านี้จะทำกิริยาไม่ควรก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เพราะรู้จักนิสัยของฌาณิการ์ดีว่าเป็นยังไง “นั่นสิณิ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” อติเทพถามบ้าง คนสดใสร่าเริงอย่างเธอเศร้าเป็นกับเขาด้วยเหรอ ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ยังตื่นเต้นที่เห็นคุณอาของเขาอยู่เลย “ก็ผู้ชายคนนั้นน่ะสิคะคุณป้า พี่เอ็ม ณิอยากรู้จักแต่เขาเมินณิ” หน้างอมองไปทางคนตัวโตที่พาดพิงถึง ตอนนี้เขากำลังเดินมาทางโต๊ะที่เธอนั่ง “ขอโทษที่ผมลงมาช้านะพี่ชัย พี่สะใภ้ ไอ้หลานชาย และก็...” ยังไม่มีใครได้ตอบฌาณิการ์ ผู้ชายหล่อหน้าตาดีที่สาวเจ้ากรี๊ดก็เดินมาถึงพร้อมกับทักทายทุกคนบนโต๊ะด้วยความสนิทสนม “นั่งก่อนทัพ แล้วรู้ไหมเมื่อกี้ทำให้ใครไม่พอใจเอา” นำชัยชักชวนน้องชายนั่งข้างตน พร้อมกับถามถึงเรื่องก่อนอีกฝ่ายจะเดินมาถึง สายตาคมเหลือบไปเห็นสาวก่อนหน้านี้ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติ แล้วทรุดกายนั่งข้างพี่ชายของตน ฌาณิการ์มองชายมาใหม่ด้วยหางตา ก่อนจะมองไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธแค้นบุรุษหนุ่ม “คุณอาของผมหล่อที่สุดในงานเลยนะครับ” อติเทพชมอาหนุ่ม พร้อมกับชำเลืองมองไปทางหญิงสาวอีกคน ตอนนี้รู้แล้วว่าจากความประทับใจในคราแรกกลายเป็นความเกลียดไปเสียแล้วสำหรับหญิงสาว “ไม่หรอกหลานอาหล่อที่สุดในงานอยู่แล้ว” “พอๆ หล่อทั้งสองนั่นแหละ” บัวงามเอ่ยห้ามอาหลานทั้งสอง ก่อนจะส่งสายตาให้สามีตนแนะนำพนายกับฌาณิการ์ให้นำทัพได้รู้จัก อันที่จริงแล้วงานในวันนี้ตั้งใจจะประกาศงานหมั้นของอติเทพกับฌาณิการ์ พูดง่ายๆ คือจะจับเด็กทั้งสองคลุมถุงชนนั่นแหละ และพ่อแม่ของฌาณิการ์ก็รับรู้แล้วด้วย ส่วนตัวหญิงสาวนั้นยังไม่ทราบจุดประสงค์ของการมางานในวันนี้ “ทัพนี่นายเพื่อนสนิทของพี่ แล้วนั่นหนูณิหลานสาวของเพื่อนพี่เอง” นำชัยแนะนำเพื่อนรักและสาวเจ้าให้น้องชายรู้จัก เพราะในอนาคตจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “สวัสดีครับพี่นาย สวัสดีครับหลานณิ” ยิ้มกริ่มให้หลานสาวอย่างล้อเลียน “สวัสดีครับน้องทัพ เห็นชัยพูดถึงนานแล้วแต่เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริง ไม่อยากเชื่อว่าจะหล่อขนาดนี้เลยนะครับ” พนายเอ่ยทักทายกลับอย่างตีสนิท ก่อนจะตีขาหลานสาวเบาๆ เพื่อให้ไหว้สวัสดีชายหนุ่ม เธอมองหน้าลุงตัวเองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย “สวัสดีค่ะคุณทัพ ไม่ต้องเรียกฉันหลานหรอกเราไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน” ยกมือไหว้ชายหนุ่ม แต่ไม่หันไปมองทางคนรับไหว้แต่อย่างไร ตอนนี้เธอเกลียดผู้ชายคนนี้นัก “ครับ งั้นขอเรียกน้องณิก็แล้วกันนะครับ” พูดเองเออเองคนเดียว ก่อนจะหันไปพูดคุยกับพี่ชายของตัวเอง ระหว่างพูดคุยสนทนากับพี่ชายและพนายนั้นชายหนุ่มก็ชำเลืองมองกิริยาท่าทางของฌาณิการ์ตลอดเวลา บัวงามแอบมองสองคนสลับกันไปมาด้วยความคิดหลากหลายเต็มหัวไปหมด ปกติน้องของสามีไม่เคยมองผู้หญิงแบบนี้เลย แต่ทำไมวันนี้ถึงมองฌาณิการ์ตลอดเลย แม้จะเป็นแค่การชำเลืองมองก็ตาม “พี่เอ็มคะเราไปยืนเล่นตรงนั้นกันดีกว่าค่ะ” เมื่อทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว เธอจึงเอ่ยชักชวนชายหนุ่มอีกคนไปยืนเล่นอีกมุมหนึ่งของงาน “ได้สิครับน้องณิ” อติเทพลุกขึ้นเดินมาขยับเก้าอี้ให้คนตัวเล็กลุกขึ้น แล้วเดินจูงมืออีกฝ่ายเดินไปยังอีกมุมของงาน นำทัพมองตามคนตัวเล็ก แล้วสายตาก็ไปโฟกัสที่มือใหญ่ของหลานชายกุมมือเธอไว้แน่น เขาก็ต้องสลัดภาพนั้นออกจากหัวแล้วกลับมาเป็นนำทัพคนเดิมเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกในใจของตน ดึกมากแล้วเมื่อถึงเวลาเจ้าของงานต้องขึ้นกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ พร้อมกับบอกข่าวดีของบ้านตนให้แขกทุกคนในงานได้รับรู้ “เอ็มพาน้องขึ้นมาบนเวทีกับพ่อหน่อยลูก” นำชัยร้องเรียกลูกชายและหญิงสาวที่ยืนข้างกายให้ขึ้นมาหาตนบนเวที ชายหนุ่มทำตามคำสั่งผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย แม้จะงงกับคำสั่งนั้นก็ตาม ไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นเขาและฌาณิการ์ด้วย เมื่ออติเทพ ฌาณิการ์ และบัวงามขึ้นมาบนเวทีแล้วนายอำเภอนำชัยก็ไม่รอช้าที่จะประกาศข่าวดีให้ทุกคนทราบ พนายได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างเวที นำทัพได้แต่เฝ้ารอข่าวดีที่ว่าด้วยใจระทึก อยากจะรู้เหลือเกินว่ามันเรื่องอะไร มันเกี่ยวยังไงกับตนพี่ชายถึงรบเร้าให้มาร่วมงานวันเกิดในปีนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม