bc

กาลเวลาร้ายซ่อนรัก

book_age18+
228
ติดตาม
1.9K
อ่าน
เดินทางข้ามเวลา
โชคชะตา
โอกาสครั้งที่สอง
ดราม่า
โศกนาฏกรรม
ชายจีบชาย
จากศัตรูกลายเป็นคู่รัก
ผู้ชายท้องได้
love at the first sight
punishment
like
intro-logo
คำนิยม

*นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาของความรุนแรง การข่มขืน คำหยาบคาย พฤติกรรมที่ไม่สมควรลอกเลียนแบบ

ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณาณในการอ่านนะคะ หากไม่ชอบ รับไม่ไหว รับไม่ได้ สามารถกดปิดไปได้เลยค่ะ^^

*MPREG = Male Pregnancy (ผู้ชายสามารถท้องได้)

กาลเวลาร้ายซ่อนรัก (Badtime story)

เขาชื่อ "กาลเวลา" นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย - อังกฤษ - พม่า

ผู้มากับความเคียดแค้นต่อคนที่ทำร้ายน้องสาวหนึ่งเดียวของเขา

เด็กคนนั้นคือ "นิรันดร" เติบโตในสลัม

แต่สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่กลับไม่ได้หล่อหลอมให้เป็นคนคิดร้ายกับใคร

ทั้งยังมีจิตใจสุดแสนประเสริฐ และความประเสริฐนี้เองที่นำพาตนไปสู่เรื่องราวไม่คาดฝัน

เพราะต้องตกเป็นจำเลยบาปของผู้ชายสูงส่งที่ชื่อกาลเวลา

อีกทั้งยังมีเรื่องราวทับซ้อนจากอดีตชาติ ยิ่งทำให้คนทั้งคู่ผูกพันด้วยกรรมเก่า

ล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง อันทำให้ความรู้สึกของกาลเวลาเปลี่ยนแปลง

ทว่ามันอาจสายไปเสียแล้ว เมื่อนิรันดรเองก็รู้เช่นเห็นชาติไม่แตกต่าง 

กาลเวลาในอดีตเป็นถึงแม่ทัพใหญ่จากอังวะ ผู้ซึ่งเกลียดชังเขาจนแทบอยากจะฆ่าให้ตายแทบเท้า

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
จุดเริ่มต้น
(MPREG) กาลเวลาร้ายซ่อนรัก/ Badtime story บทเริ่มต้น ครืน...เปรี้ยง!! เสียงฟ้าคะนองแทรกเสียงห่าฝน ทวีคูณความรุนแรงด้วยพายุพัดโหมกระหน่ำ พื้นที่นี้โอบล้อมด้วยขุนเขาอัญมณีหากแต่ม่านฝนบดบังจนเหลือเพียงเงาดำทะมึนของมันสูงตระหง่าน รถเก๋งเล็กซัสสีดำพุ่งเข้ามาจอดยังลานดินลูกรัง ก่อนจะมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สองคนกุลีกุจอเปิดประตูออกมา ผู้เป็นสารถีรีบวิ่งอ้อมรถมาหาชายอีกคน ทั้งสองอยู่ในชุดสูทเป็นทางการสีดำทั้งตัว แม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตตัวในก็ยังเป็นสีดำ ทว่าเวลานี้พวกเขาไม่ได้สนในภาพลักษณ์ หรือแม้กระทั่งภารกิจที่อุตส่าห์เดินทางไปถึงครึ่ง ซึ่งห่างจากที่นี่เกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตรแล้ว เนื่องจากมีอีกหนึ่งชีวิตที่สำคัญกว่า สำคัญกว่ามาก “ปืน” บุรุษผู้ซึ่งเป็นใหญ่กว่าแบมือรอท่าอาวุธจากคนสนิท ใบหน้าคมเข้มทมึงถึง ดวงตาแข็งกร้าวดุดันยามนี้สั่นระริก ความเก่งกล้าเมื่อครู่เหือดหาย หลงเหลือเพียงความอ่อนแอในส่วนลึก ไม่น่าเลย ไม่น่าทิ้งมันไว้ที่นี่... มือขวาคนสนิทยื่นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาดเก้ามิลลิเมตรให้ จังหวะเดียวกันนั้นก็มีชายร่างท้วมคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา เมื่อสบตากับนายท่านเขาถึงกับผงะ รู้สึกเย็นวาบตลอดแนวสันหลัง ก่อนจะรีบโน้มศีรษะค้อมกายขึ้นลงด้วยความกลัว ไม่นานด้านหลังก็เต็มไปด้วยคนงานชาวพม่านับร้อยที่ยืนมองเหตุการณ์โกลาหลเบื้องหน้าอย่างฉงนระคนตื่นตระหนก ทั้งที่เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อน และเจ้านายรูปหล่อคนนี้ก็เพิ่งเดินทางจากไปเมื่อช่วงสายของวันนี้เอง ยังไม่ข้ามวันทำไมเขาถึงได้วกกลับมา “พวกมันอยู่ไหน?” เสียงของชายหนุ่มเค้นต่ำเป็นภาษาพม่าสร้างความประหวั่นให้ผู้จัดการร่างท้วมอย่างถึงที่สุด เขางกเงิ่นเอ่ยตอบเสียงสั่นทันที “พวกมันไม่อยู่ที่ห้องพัก ผมคาดว่าน่าจะไปทางป่าตรงนั้น ตอนที่นายโทรมา ผมก็ได้สั่งให้ลูกน้องออกตามล่ามันทันทีเลยครับ!” เขาตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงฝน เนื้อตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกเหมือนลูกหมาตกน้ำ เมื่อได้คำตอบ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายท่านของที่นี่ก็รีบวิ่งไปยังทิศทางที่ว่า โดยมีมือขวาตามไปติดๆ ส่วนผู้จัดการร่างท่วมหันไปตะโกนสั่งลูกน้องอีกสิบกว่าคนให้นำอาวุธที่หาได้ในตอนนี้ตามไปด้วย ป่าในหุบเขาอัญมณีนั้นแสนรกทึบ ยิ่งสภาพอากาศไม่เป็นใจด้วยแล้ว ยิ่งยากต่อการค้นหา ทุกวินาทีที่ผันผ่าน หัวใจคนตามหานั้นร้อนรนรวดร้าวแทบสลาย แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดจากความแค้นส่วนตัวของตนเองทั้งสิ้น มันทำให้น้องสาวของเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ สมควรแล้วมิใช่หรือที่จะต้องถูกเขาลงทัณฑ์ แต่น่าแปลกที่เวลานี้ความคั่งแค้นกลับถูกตีรวนด้วยความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องลึกของจิตใจ ทว่าคนใจดำด้านอย่างเขา กลับไม่อาจค้นหาคำตอบได้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร การค้นหาดำเนินไปอย่างทุลักทุเลเพราะมีอุปสรรคทั้งฝนฟ้าและความมืด แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังมุ่งมั่นตามหาใครอีกคนอย่างไม่ลดละ แม้เนื้อตัวจะเปียกปอนหรือว่าถูกกิ่งไม้คมในป่าบาดผิวกายจนได้เลือด นัยน์ตาคมดุดันยังคงสอดส่ายมองหาคนที่มีผลต่อหัวใจ มือบีบด้ามปืนไว้มั่น ทางที่มุ่งมานั้นมีเพียงเขา ส่วนมือขวาและคนอื่นๆ ฉีกไปอีกทาง สองเท้าเหยียบย่ำไปตามพื้นดินน้ำขัง กางเกงขายาวเปรอะเปื้อนไปหมด ภายใต้อกแกร่งสั่นระรัว ไม่ใช่เพราะความกลัวต่ออันตรายเบื้องหน้า หากแต่เป็นเพราะกลัวว่าจะไม่ทันการต่อการช่วยเหลือใครคนนั้น ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือผลลัพธ์ของความแค้นผสมกับความพาลที่ปะทุขึ้นเมื่อเช้าวันนี้เอง “ไหนคุณบอกว่าให้ผมเขียนจดหมายหาใครก็ได้หนึ่งฉบับไม่ใช่เหรอ! แล้วคุณฉีกมันทิ้งทำไม!”  “ฉันให้เขียนถึงญาติพี่น้อง ไม่ได้ให้เขียนหาใครมั่วซั่ว ไอ้เกี๊ยวนี่เป็นใคร ทำไมมันถึงสำคัญนัก!”  “เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ดีกับผมมาก ผมอยากเขียนหาเขา เพื่อบอกเขาว่าผมไม่เป็นอะไร”  “แทนที่จะเขียนถึงพ่อแม่ กลับเลือกที่จะเขียนถึงผู้ชายคนอื่น ร่านสิ้นดี! ”  “...ไม่มีใครอยากอ่านจดหมายของผม ไม่มีใครนึกถึงผมนอกจากเขา”  คนพูดรู้ดีว่าตนเองไม่ได้มีความสำคัญให้คนที่บ้านนึกถึง หายตัวจากบ้านมาหลายวันขนาดนี้ อย่างมากก็แค่ก่นด่าสาปแช่งไล่หลังเท่านั้น “ถ้าไม่มีใครนึกถึง งั้นก็ไม่ต้องเขียนมันแล้วจดหมาย ความเมตตาบางครั้งมันก็ไม่เกิดผลดี เพราะบางทีมันก็สร้างรูโหว่ให้คนชั่วช้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก! ”  “......”  เขามองคนนั่งข้างกันยังที่นั่งด้านหลังตาเขม็ง แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่สองข้างทางเป็นภูเขา ไม่มีแสงสีศิวิไลใดใดให้ชื่นชม ทั้งตอนนี้ด้านนอกรถก็เต็มไปด้วยม่านฝนห่าใหญ่ซึ่งเกิดจากพายุฤดูฝนปกคลุมพื้นที่เข้าวันที่สามแล้ว เวลานี้ยังเช้าอยู่ แต่สภาพบรรยากาศกลับมืดครึ้มราวกับใกล้ค่ำ ท่าทีเมินเฉยเหมือนรำคาญทำให้เขาฉุนเฉียวไม่พอใจอย่างถึงที่สุด นี่มันคงหงุดหงิดที่เขาไม่อนุญาตให้ส่งจดหมายประหนึ่งเป็นสื่อรักให้ชายผู้อยู่ในใจมันที่ประเทศไทยล่ะสิท่า ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะต้องสั่งสอนมันให้หลาบจำ มันต้องจำใส่สมองเอาไว้ว่าอยู่ที่นี่มันคือจำเลย ไม่มีสิทธิ์มีความสุขกับอะไรแม้แต่การนึกถึงคนไกลเขาก็ไม่อนุญาต คิดแล้วจึงกระชากต้นแขนอีกฝ่ายให้หันกลับมา แววตาเคียดแค้นแปรเปลี่ยนเป็นประกายแห่งชั่วร้าย มุมปากเหยียดหยันแค่นยิ้มชวนขนลุก “มีอารมณ์ส่งจดหมายรักถึงคนอื่นขนาดนี้ แปลว่าตอนนี้มีอารมณ์อย่างอื่นด้วยล่ะสิท่า”  “คุณหมายความว่ายังไง?”  “ที่เหมืองมีผู้ชายกลัดมันเยอะแยะเลยนะ บางทีพวกเขาอาจจะช่วยแก้ขัดให้นายได้ ถึงฉันจะไม่อนุญาตให้เขียนจดหมายบอกคนที่ไทย แต่ที่เหมืองขุดอัญมณีในโมกกฉันอนุญาต ไม่แน่อาจมีคนที่นายถูกใจมากกว่าไอ้เกี๊ยวอะไรนั่นด้วยซ้ำ แค่ชั่วข้ามคืนรับรองว่านายต้องสุขสมอารมณ์หมายแน่”  “คุณกาล...”  คนถูกปรามาสอย่างเจ็บแสบเอ่ยชื่อคนตรงหน้าเสียงสั่นเครือ ความหวาดกลัวแผ่ซ่านทั่วสรรพางค์กาย ไม่ต้องบอกตรงๆ ว่าเขานึกจะทำอะไร อีกฝ่ายก็รู้ดีว่าจะได้รับชะตากรรมอย่างไรต่อจากนี้ เพราะที่ผ่านมา...ผู้ชายที่ชื่อกาลเวลาไม่เคยปรานีเขา “ปราชญ์ กลับไปส่งคนงานขุดแร่คนใหม่ที่เหมือง”  ปราชญ์ ผู้ช่วยมือขวาของนายท่านผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน อ้าปากหมายจะทักท้วง หากแต่รู้นิสัยของเจ้านายที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทดี คนอย่างกาลเวลาพูดคำไหนคำนั้น ยิ่งเป็นเรื่องของเด็กที่นั่งมาด้วยกันนี่ กาลยิ่งใส่ใจเป็นพิเศษ แม้ความใส่ใจนั้นจะเป็นไปในแง่ลบก็ตาม ปราชญ์ทำตามคำสั่งโดยไม่พูดอะไรออกมา แม้จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเจ้านาย เขากลับรถขับย้อนไปยังที่ๆ จากมาเมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว ครานั้นจำเลยร่างบางถึงกับตื่นตระหนกปรี่เข้าไปเขย่าแขนเจ้าชีวิตอย่างลนลาน “ผมไม่อยากกลับไป ขอร้องล่ะ อย่าปล่อยผมไว้ที่นั่นคนเดียว! ”  ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินมาว่าชายหนุ่มมีภารกิจสำคัญที่ต้องจัดการ โดยจุดหมายปลายทางนั้นคือเมืองพุกามซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์โดยมีระยะทางห่างจากเมืองโมก๊กซึ่งก็คือที่นี่ประมาณ 165 กิโลเมตร เขานั่งรถมาได้พักใหญ่ราวสองชั่วโมงกว่าแล้ว นั่นแปลว่าพวกเราอยู่ห่างจากต้นทางไกลโข แต่คนใจอำมหิตก็ยังหมายมาดสั่งให้บอดี้การ์ดหน้านิ่งวกรถกลับเพื่อไปส่งเขายังเหมืองขุดอัญมณีที่ซึ่งชายหนุ่มเป็นเจ้าของ มันหมายความว่าเขาจะถูกทิ้งให้อยู่ในที่ทุรกันดารส่วนเล็กๆ ในประเทศพม่า อยู่กับผู้คนที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย หากเกิดอะไรอย่างที่ชายหนุ่มอยากให้เกิดขึ้นกับเขา ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้แน่ แม้แต่หากชายหนุ่มนึกเวทนาเขาสักนิด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญแล้วย้อนจากพุกามกลับมาที่โมก๊กเพื่อมารับ ป่านนั้นก็คงมืดค่ำดึกดื่นไม่ทันการ “ผมกลัว ผมกลัวแล้วคุณกาล! ”  นายท่านกาลเวลาของลูกน้องยังคงนั่งเหยียดยิ้ม ปล่อยให้คนข้างกายดิ้นรนอ้อนวอนเขย่าแขนอย่างลนลาน ห้วงอารมณ์เดือดดาลจางหาย เหลือแต่ความรู้สึกพึงพอใจที่ได้ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวจนต้องร้องขอชีวิตจากเขา พึงพอใจที่ได้อยู่เหนือกว่า ใช้เวลากว่าสองชั่วโมง รถเก๋งสีดำป้ายทะเบียนพม่าก็มาจอดตรงลานกว้าง หน้าออฟฟิศเล็กๆ ที่ใช้เป็นสำนักงานของเหมืองขุดอัญมณี เวลานี้ฝนตกหนักมาก ทำให้เหล่าคนงานจำต้องหยุดพักการทำงานลงชั่วคราว แต่เมื่อรถของเจ้าของเหมืองปรากฏ ผู้จัดการชาวพม่าก็รีบกางร่มแล้ววิ่งเข้ามารับเขาทันที ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร เจ้านายหนุ่มก็เหวี่ยงร่างบางของชายผู้ที่เขาบอกว่าเป็นคนติดตามลงบนพื้น เด็กหนุ่มคนนั้นซึ่งอายุน่าจะยี่สิบต้นๆ ถลาหน้าคะมำ มือค้ำยันพื้นจนเลือดซิบ “ให้มันฝึกงานเป็นคนคัดแร่ อีกสามวันฉันจะกลับมารับ ไม่ต้องรับรองอะไรมันมาก ถือเสมือนเป็นคนงานของที่นี่อีกคนหนึ่ง”  นั่นคือประกาศิตครั้งสุดท้าย ก่อนที่กาลเวลาจะเชิดหน้ากลับขึ้นรถ ไม่แม้แต่จะล่ำลาคนเป็นจำเลย เมื่อประตูปิดลง และปราชญ์ก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับด้านหน้าแล้ว เสี้ยววินาทีนั้นเองที่ความมืดบอดในรอยแค้นมิอาจสู้กับความรู้สึกเสี้ยวหนึ่งที่แทรกซึมขึ้นมาในหัวใจ นายท่านผู้สูงส่งตวัดสายตามองคนที่นั่งร้องไห้บนพื้นผ่านกระจกดำทึบ “ปล่อยไว้อย่างนี้ อาจไม่รอด”  ปราชญ์เปรยหวังเตือนสติเจ้านาย การทิ้งคนตัวบางผิวขาวไว้กับคนงานชายฉกรรจ์นับร้อย ไม่เท่ากับว่าโยนกระต่ายให้เหล่าเสือหิวขย้ำหรอกหรือ เขาเชื่อว่ากาลเวลาเองก็รู้ว่ามันคือเรื่องจริง ความต้องการทางเพศไม่เข้าใครออกใครหรอก ยิ่งกาลเวลาสั่งทิ้งท้ายว่าเด็กคนนี้ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดจากเจ้านาย พวกคนงานมันก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว ที่เขาพูดก็เพื่อให้เจ้านายแน่ใจว่าไม่ได้ตัดสินใจผิด “มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมัน ให้มันได้เผชิญความทุกข์ทรมานบ้างก็ดีไม่ใช่เหรอ เหมือนกับที่มันทำกับอลิศาไง ออกรถได้แล้วปราชญ์เดี๋ยวจะไม่ทันนัดเซ็นสัญญากับมิสเตอร์ฟรังโก้ คราวนี้จะพลาดไม่ได้”  แต่ความแค้นนั้นก็ไม่เข้าใครออกใครเช่นกัน ที่ผ่านมาชายหนุ่มจะเฝ้าย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไอ้เด็กคนนี้มันได้เคยทำอะไรไว้กับน้องสาวเขา เขาถึงได้ไม่รู้สึกผิดและไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องอย่างเช่นตอนนี้ หลอกให้มันกลัวถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ เล็กซัสสีดำฝ่าสายฝนมุ่งหน้าสู่พุกาม ด้วยเส้นทางคมนาคมของพม่าไม่ดีนัก ระยะทางหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตรจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เคยทำเวลาได้ดีที่สุดคือสี่ชั่วโมงครึ่ง แต่น่าแปลกที่เวลานี้ระหว่างที่อยู่กลางทางชายหนุ่มคมเข้มมาดนักธุรกิจกลับไม่ได้มีความกังวลใจหากจะพลาดการนัดหมายสำคัญที่จะทำให้เกิดเป็นธุรกิจพันล้าน หากแต่กลับว้าวุ่นให้กับเรื่องที่เขาทำไปก่อนหน้าที่เหมือง ทำไมเขาถึงลืมภาพใบหน้าเรียวเล็กเต็มไปด้วยน้ำตา ขณะยกมือไหว้อ้อนวอนเขาไร้เสียงเพราะมีประตูรถเป็นปราการปิดกั้นไม่ลง แล้วทำไมต้องปวดหัวใจด้วย “เจ็บหรือไม่ เจ็บมากเพียงไรกัน”  นัยน์ตาของชายหนุ่มสั่นระริก เมื่อจู่ๆ นิมิตบางอย่างก็พุ่งเข้ามาเล่นงานในหัว มันเป็นความทรงจำลางเลือนแสนไกลราวกับไม่เคยเกิดขึ้น แต่กลับเด่นชัดในความรู้สึก ตอกย้ำซ้ำในส่วนลึกของหัวใจตลอดมา “ปราชญ์ กลับรถ”  อดีตที่ฉายซ้ำวกกลับมายังปัจจุบัน เมื่อชายหนุ่มร่างสูงสบเข้ากับเงาตะคุ่มสองร่างเบื้องหน้า เป็นคนงานชาวพม่าที่ตามหา พวกมันนั่งยองหันหลังกำลังรุมทึ้งฉีกเสื้อผ้าใครอีกคนที่นอนอ้อนวอนเสียงแผ่วเบา เขาฟังไม่ได้ศัพท์เพราะเสียงฝนดังกว่า เห็นเพียงริมฝีปากพะงาบกับดวงตาปรือปรอยใกล้สลบ นิรันดร... เห็นเพียงเท่านั้น หัวใจเขาแทบขาด โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความรู้สึกนี้มาได้อย่างไร และเกิดขึ้นในตอนไหน เขายืนตัวแข็งทื่อ ขณะที่ชายคนงานคนหนึ่งขึ้นคร่อมร่างอันเปลือยเปล่า พวกมันหัวเราะเพราะกำลังมองสิ่งถูกใจตรงหน้า และอีกไม่นานก็จะได้รับการปลดปล่อย นาทีนี้พวกมันไม่ถือสาเพศสภาพ เพราะที่นี่ไม่มีผู้หญิง และคนตรงหน้าก็รูปร่างบอบบาง ผิวขาวสะอาดตาเย้ายวนพอจะชดเชยได้บ้าง เมื่อมองจนหนำใจ คนที่ขึ้นคร่อมกุลีกุจอถอดกางเกงตนเองออกจนเผยให้เห็นอวัยวะเพศแข็งตึงที่พร้อมจะจัดการคนตรงหน้า แม้จะยืนดูอยู่ไกล แต่กาลเวลาก็เห็นดวงตาของมันพราวระยับ สิ่งที่พวกมันทำช่างน่าขยะแขยงสะอิดสะเอียนจนอยากจะสำรอก “เร็วๆ เข้า กูอยากใจจะขาดแล้ว” ไอ้ชั่วคนที่สองเร่งเร้า มันเองก็ถอดกางเกง จับส่วนสำคัญชักเข้าชักออกเตรียมพร้อมแล้วเหมือนกัน ไอ้คนแรกซี๊ดปากลวนลามคนไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ด้วยสายตา ก่อนจะรีบคุกเข่าคร่อมร่างบางอีกครั้ง มันตาพราวเอื้อมมือหมายจะแตะต้อง ทว่ายังไม่ทันไร สิ่งที่มันได้สัมผัสแทนคือปลายกระบอกปืนเย็นเยียบตรงขมับ เจ้านายหนุ่มหน้าถมึงทึงไม่เป็นมิตร ดวงตาแข็งกร้าว นิ้วชี้สอดเข้าโก่งไกปืนแสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจจะลั่นมัน หากอีกฝ่ายขัดขืน “หลับตา แล้วไปยืนตรงนั้น” เขาสั่ง และพวกมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี ขาทั้งสองข้างมันสั่งระริก ยืนแทบไม่อยู่ เมื่อพวกมันยืนเรียงแถวหน้ากระดานด้วยท่อนล่างเปลือยเปล่า ความเดือดดาลก็โหมกระหน่ำเข้ากลางใจ ชายหนุ่มกำปืนแน่นก่อนจะเล็งไปที่พวกมัน “พวกเราไม่ได้ตั้งใจ พวกเราขอโทษนาย ขอโทษนายจริงๆ!” คนหนึ่งละล่ำละลักเอ่ยเป็นภาษาพม่าทั้งที่ยังหลับตาแน่นปี๋ แต่เจ้านายหนุ่มกลับไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว หลังเหลือบสายตามองคนนอนบนพื้น พอเข้ามาใกล้ เห็นอะไรชัดเจนขึ้น เขาพบว่าใบหน้าและร่างกายอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้าย มุมปากทั้งสองข้างปริแตกจนเลือดซึมออกมา เวลานี้ผู้ถูกกระทำหลับตาสงบนิ่งไปแล้ว นั่นยิ่งสร้างความโกรธให้กับเขา วินาทีสุดท้ายจึงเลือกที่จะยิง นิ้วชี้เกี่ยวรั้งไกเข้าไปแล้ว ทว่ากลับถูกปราชญ์เข้ามาจับแขนเอาไว้ ชายชาวพม่าทั้งสองตัวสั่นระริกแต่ก็โล่งอกเมื่อเจ้านายหนุ่มยอมลดปืน ปราชญ์มองตากาลเวลาเพียงครู่ราวกับรู้กันว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ มันเป็นหน้าที่มือขวาที่ต้องจัดการเก็บสิ่งไม่พึงประสงค์ของเจ้านาย ก่อนจะเป็นฝ่ายหันกระบอกปืนของตนไปทางไอ้คนชั่วเลี้ยงไม่เชื่องทั้งสอง ปราชญ์ลั่นไกโดยแทบไม่ได้เล็ง แต่วิถีกระสุนนั้นแม่นยำเหมือนจับวาง ปัง! ปัง! กระสุนเจาะเข้ากะโหลก ตายคาที่ทั้งสองศพทันที เจ้านายหนุ่มไม่สนใจที่จะมองพวกมันอีก เขารีบถอดเสื้อสูทตัวนอกคลุมให้คนบนพื้น ก่อนจะช้อนอุ้มร่างไร้สติขึ้นแนบอก นัยน์ตาคุกรุ่นยังมีรอยแค้น ไม่รู้แค้นคนงานชาติชั่ว หรือแค้นไอ้เด็กในอ้อมแขน หรือแค้นตัวเองกันแน่

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
13.9K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook